พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันแถลงข่าว เสนอใช้รัฐสภาเป็นที่ถกเถียงปัญหาและหาทางออก เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ คลี่คลายปัญหา ชี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาไม่ชอบธรรม ต้องยกเลิกทันที
วันที่ 15 ต.ค. 2563 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ได้มีการหารือเกี่ยวกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และเห็นพ้องต้องกันว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้ไม่ชอบธรรม และไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการตัดสินใจยกเลิกการชุมนุมประมาณ 24.00 น. ของเมื่อวานนี้ (14 ต.ค. 2563) แต่เนื่องจากในภาวะวิกฤติเป็นยามวิกาล ในช่วงกลางคืนการกลับภูมิลำเนาอาจจะมีปัญหา ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ชอบที่จะต่อสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงออกมา ในการนี้เห็นว่าทางรัฐบาลควรจะปล่อยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม บุคคลเหล่านั้นไม่ได้มีความผิดใดๆ จากการชุมนุม เพราะการทำงานของเขาเป็นไปตามแนวทางของการเป็นประชาธิปไตยโดยตรง เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาและเป็นเรื่องที่ต้องคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง
ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นว่า เราจะดำเนินการในลักษณะที่เป็นสันติวิธี โดยใช้รัฐสภาเป็นที่ถกเถียงปัญหาและหาทางออกในเรื่องนี้ จึงขอเสนอให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ แต่อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค มีเสียงไม่เพียงพอ เราจึงอยากเชิญชวนฝ่ายรัฐบาล ส.ว. ที่เห็นด้วยกับการเป็นประชาธิปไตยมาร่วมกันแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน
พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงขอแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนี้
1. นายกรัฐมนตรีต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยทันที เพราะการกระทำดังกล่าวไม่ต่างกับการยึดอำนาจ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
...
2. รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องให้หลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง การชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ เสรีภาพในการเสนอข่าวสารและการส่งข้อมูลซึ่งกัน และต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพดังกล่าว ดังเช่นการสลายการชุมนุมเมื่อเช้าวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
3. ขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดว่าได้มีการส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้ามาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเข้าควบคุมสถานที่ต่างๆ เช่น อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการใช้กำลังทหารจำนวนมากดังกล่าวไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศต่อสังคมโลก และอาจนำมาซึ่งเหตุการณ์รุนแรงภายในอนาคตอันใกล้ได้ อีกทั้งเป็นการฉวยโอกาสใช้อำนาจพิเศษในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทำให้ระบบรัฐสภาไม่สามารถตรวจสอบการกระทำดังกล่าวได้ จึงขอให้นำกองกำลังทั้งหมดกลับเข้าที่ตั้ง และให้หน้าที่การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามปกติ
4. พรรคร่วมฝ่ายค้านขอคัดค้านและต่อต้านการใช้กำลังและความรุนแรงทุกรูปแบบ กับนักศึกษาและประชาชน ขณะเดียวกันก็ไม่สนับสนุนให้มีการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงเช่นกัน และจะขอใช้สิทธิในการประกันตัวนักศึกษาและประชาชนผู้ถูกจับกุมทุกคน
5. พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนมาโดยตลอด เห็นร่วมกันว่า การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าว ยังอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมและออกข้อห้ามมิให้มีการชุมนุม
6. ขอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญโดยเร็ว เพื่อจะได้นำปัญหาต่างๆ เข้าแก้ไข ผ่านระบบรัฐสภา
พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเฝ้าติดตามการใช้อำนาจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างใกล้ชิด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จะไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงในอนาคต.

