เปิดตัว “แพ็กทีม” เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษจบลง
“บิ๊กตู่” ในฐานะ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หรือ “ซาร์เศรษฐกิจ” ตัวจริง ได้นำลูกทีมทั้ง 3 คน ออกมาแนะนำตัวแก่ผู้สื่อข่าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คุณ สุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใหม่เอี่ยมถอดด้าม คุณ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคนเดิม คุณ สันติ พร้อมพัฒน์
“บิ๊กตู่” เริ่มแถลงนำก่อนให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานเต็มที่ มุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยจะมีมาตรการที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ดูแลบรรเทาปัญหาปากท้องของคนไทยหลายสิบล้านคนให้ผ่านช่วงระยะเวลาที่ยากลำบากครั้งนี้ไปให้จงได้
จากนั้นท่านก็ให้ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงานกล่าวแนะนำนโยบายเศรษฐกิจอย่างย่อๆ ตามด้วยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังป้ายแดง ที่เพิ่งเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ มาก่อนหน้านี้ 1 วัน ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ขณะไปร่วมในพิธี ทำบุญใส่บาตรถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับข้าราชการกระทรวงการคลังนั้น รัฐมนตรีอาคม ได้แถลงถึงความตั้งใจที่ท่านจะดำเนินการ ในช่วงแรกๆเอาไว้ยาวพอสมควร ผมคงไม่ลงไปในรายละเอียดละครับ ท่านที่สนใจโปรดหาอ่านได้ เพราะหนังสือพิมพ์ลงเกือบทุกฉบับ
อีกท่านหนึ่งที่นายกฯแนะนำด้วย แต่คงไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เพราะหนังสือพิมพ์ไม่ได้ลงคำพูดของท่านเลย ก็คือท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สันติ พร้อมพัฒน์ นั่นเอง
...
แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ท่านอาจจะเป็นรัฐมนตรีที่ถนัดทำมากกว่าพูดก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น แม้จะไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ออกมายืนโชว์ตัวว่าพร้อมจะทำงานเป็นทีม ร่วมกับรัฐมนตรีอื่นๆ ผมก็ว่าโอเคแล้วละ
ที่ผมรู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษก็ตรงที่บิ๊กตู่ท่านยอมรับ รัฐมนตรีช่วยคลัง ให้อยู่ในทีมเศรษฐกิจของท่านด้วย มิได้หลงลืมหรือทอดทิ้งแต่อย่างใด...
อย่าลืมว่า ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนั้น ท่านเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองที่ค้ำบัลลังก์บิ๊กตู่อยู่ การให้เกียรติและการยอมรับย่อมเป็นการถนอมน้ำใจของบรรดา ส.ส.ในสังกัดพรรคการเมืองนี้
แต่จุดเสี่ยงของการเชิดชูท่านรัฐมนตรีช่วยท่านนี้ ก็มีอยู่พอสมควร เพราะเท่าที่ผ่านมา ท่านไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากภาคธุรกิจเอกชนเท่าไรนัก จะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่เถิด
ตามหลักการบริหารบุคลากรแล้ว บิ๊กตู่ควรจะโยกท่านไปอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมกับความถนัดของท่านมากกว่าตำแหน่งทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น เมื่อบิ๊กตู่ยังคงให้นั่งอยู่ที่เดิม ผมก็เดาว่าบิ๊กตู่คงไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว และพร้อมจะรับผลกระทบจากการมองเชิงลบของนักลงทุน หากจะมีขึ้นนับแต่นี้เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ผมก็หวังว่าท่านรัฐมนตรีช่วยฯคงจะไม่ดำเนินการใดๆ อันจะเป็นเหตุให้เกิดภาพลบขึ้นในวันข้างหน้านะครับ
สรุปว่า ณ นาทีนี้ทีมเศรษฐกิจของบิ๊กตู่ อันมีบิ๊กตู่เป็นหัวหน้าทีม หรือ “อีโคโนมิกซาร์” ด้วยตนเอง พร้อมแล้วที่จะใส่เกียร์เดินหน้า
ประเดิมด้วยมาตรการใหม่ของกระทรวงการคลัง 2-3 มาตรการเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภาคประชาชนออกมาพอดิบพอดี
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบมาตรการกระตุ้นในลักษณะนี้ และจะทักท้วงอยู่เสมอ แต่นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่เขาก็ให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้หรือไม่กระตุ้นแบบนี้บ้าง เศรษฐกิจไทยจะหมดลมหายใจเอาได้
ฉะนั้นนานๆขอให้ออกซิเจนกันซักทีนึง!
ก็เชิญตามสะดวกเถอะครับ...เพียงแต่ขอให้ระมัดระวังเอาไว้ก็แล้วกันว่า ในการให้ออกซิเจนย่อยๆนั้น เราจะต้องคำนึงถึงปริมาณ ออกซิเจนในถังใหญ่ (หมายถึงฐานะการเงินการคลังที่แท้จริงของประเทศ) ควบคู่ไปด้วย
อย่ามัวแต่อัดฉีดให้ออกซิเจนถังย่อยๆไปแบบเบี้ยหัวแหลกหัวแตกอยู่เรื่อยๆจนเป็นเหตุให้ออกซิเจนเกลี้ยงถังใหญ่ซะก็แล้วกัน
เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกกันทั้งประเทศเอาน่ะครับบิ๊กตู่.
“ซูม”