“ยิ่งชีพ” มั่นใจ สภาไม่มีเหตุผลปัดร่างไอลอว์ ด้าน “โคทม” ประธานภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ลั่น ทหารต้องออกจากการเมือง ย้ำ ต้องหนุน แก้ รธน. เพราะกติกาไม่แฟร์ ควรให้ประชาชนตัดสิน

วันที่ 3 ต.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ร่วมกับ สถาบันสร้างไทย จัดสัมมนา เรื่อง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือทางออกประเทศไทย”

โดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการ ไอลอว์ กล่าวว่า ประชาชนอย่างน้อย 100,732 คน ได้เข้าชื่อกันใช้สิทธิ์เท่าที่มีอยู่เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา เราก็มีความหวัง บรรยากาศในปีนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนที่อยู่ภายใต้ระบอบตระหนักรู้แล้วว่าระบอบการเมืองที่ไม่ปกติเป็นอย่างไร เขาใช้ทุกช่องทางที่สามารถทำได้เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบที่ปกติ ดังนั้นมาถึงขณะนี้ก็ต้องมีความหวังอยู่แล้ว สิ่งที่ไอลอว์เสนอเป็นสิ่งที่เห็นต่างได้ยากสำหรับตัวแทนประชาชนที่อยู่ในสภาฯ และไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะปฏิเสธ ใครก็ตามที่นั่งอยู่ในสภาฯ แล้วรับข้อเสนอนี้เข้าสู่การพิจารณา แล้วกล้าที่จะโหวตไม่รับเขามีหน้าที่ที่จะต้องอธิบายให้ได้ในทางเนื้อหา ถ้าเขาไม่เคยอธิบายอะไรเลยแล้วกล้าที่จะโหวตไม่รับสมควรที่จะต้องอับอาย อย่างน้อยไม่อับอายต่อประชาชนและชาวโลกก็ต้องอับอายต่อตัวเอง หากมีการตัดสินใจอย่างนั้นจากสมาชิกรัฐสภาแน่นอนว่าจะทำให้คนโกรธมากขึ้น ตนตอบไม่ได้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปแต่คนอีก 100,732 คนจะตัดสินเองว่าจะทำอย่างไรต่อ รวมทั้งตนด้วยในฐานะเจ้าของร่าง ถ้าสมาชิกรัฐสภาโหวตไม่รับแล้วทำให้คนโกรธมากขึ้น คนที่โหวตไม่รับนั้นต้องมีความรับผิดชอบด้วย

...

ด้าน นายโคทม อารียา ประธานภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย กล่าวว่าวันที่ 14 ต.ค. จะครบ 47 ปี 14 ตุลา 16 ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ครั้งนั้นไม่อาจหวังว่า มันจะจบในรุ่นของตน ดังนั้น 14 ตุลา 63 จะเป็นความหวังของตนอีกครั้ง ในการเบิกฟ้าขับไล่ทหารออกไป ตนไม่ได้โจมตีทหาร แต่หากทหารทำไม่ชอบ แล้วจะให้เราชอบท่านได้อย่างไร จึงจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกติกาที่ไม่แฟร์ เพราะผู้มีอภิสิทธิ์ อ้างสิทธิจะอยู่ต่อ เพื่อจะได้ทำงานต่อไป อ้างว่า ระบบที่เขาอยู่ในอำนาจไม่มีใครเดือดร้อน และมีคนสนับสนุน อยากจะตอบว่า ถ้าท่านทำงานเต็มที่แล้ว อย่าประกาศตัวเองว่า ประชาชนพอใจ แต่ควรให้ประชาชนตัดสิน ด้วยการทำกติกาให้แฟร์ แล้วประชาชนจะตัดสินใจเลือกเอง แต่ตอนนี้กติกายังไม่แฟร์ ดังนั้น 14 ต.ค. 63 ตอบอีกครั้งว่าเราเดือดร้อน เยาวชนเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อน คนชราก็เดือดร้อน จึงควรจะจบ ซึ่งคำว่าจบคือขอเชิญทหารออกจากการเล่นการเมือง อย่าตีความเป็นอย่างอื่น ดังนั้นต้องรื้อสิ่งผุพังสร้างสิ่งที่เป็นความหวังแห่งอนาคต คือไว้ใจประชาชน ให้ตัดสินใจเลือกเดินไปข้างหน้า โดยก้าวแรกคือลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวสองเลือกส.ส.ร. เพื่อไปร่างรัฐธรรมนูญ