โฆษก กมธ.พิจารณาศึกษาแก้ปัญหาข่มขืน แจงข้อเสนอ “ฉีดให้ฝ่อ” แค่ชั่วคราว มีระยะเวลาต้องฉีดทุก 3 เดือน แต่ยังไม่สรุปเป็นบทลงโทษในกฎหมาย
วันที่ 3 ก.ย. 2563 น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายงานของคณะกรรมาธิการที่รายงานต่อสภาฯ ไปเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ว่า จากข้อเสนอให้มีการฉีดอวัยวะเพศผู้ที่กระทำความผิดคดีข่มขืน ด้วยการฉีดให้ฝ่อ ไม่ได้เป็นการฉีดถาวร แต่มีระยะเวลาที่ต้องฉีดทุก 3 เดือน ในส่วนนี้จะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นโทษ หรือบำบัด และหาวิธีการรักษาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นการรักษาระยะยาว ซึ่งจะเป็นการฉีดหลังพ้นโทษออกมา เช่น กรณีคนพ้นโทษออกมาแล้วกลับมาทำผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการไม่ได้เสนอให้ฉีดเพื่อลดฮอร์โมนอย่างเดียว แต่มีการลงทะเบียนติดตามความผิด เพื่อติดตามดูคนที่มีความเสี่ยงที่จะทำผิดซ้ำอีก แต่ก็ต้องดูในเรื่องของสิทธิมนุษยชนควบคู่ไปด้วย ส่วนการนำไปสู่การลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่มีข้อสังเกต 3 ประเด็นคือ
1. การเก็บดีเอ็นเอของผู้กระทำความผิด
2. การลงทะเบียนผู้กระทำความผิด
3. การใช้ฮอร์โมน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทยที่ต้องศึกษามากกว่านี้ และแต่ละกระทรวงควรนำข้อสังเกตเหล่านี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาต่อไป
“ตอนนี้จึงยังไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการลงโทษ ซึ่ง กมธ.มองว่าควรเป็นส่วนของผู้กระทำความผิดที่ดูแล้วไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ และกระทำการข่มขืนซ้ำซาก กฎหมายนี้จึงครอบคลุมทุกเพศ ทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเพศหญิงที่ถูกกระทำ แต่รวมไปถึงเพศอื่นที่ถูกล่อลวงด้วย ส่วนผู้หญิงที่กระทำความผิดจะต้องถูกฉีดลดฮอร์โมนด้วยหรือไม่นั้น เรายังไม่ได้ศึกษาว่าเพศไหน อย่างไร แต่ที่ผ่านมาในต่างประเทศจะเป็นเฉพาะเพศชาย นอกจากนี้ กรณีมีการข่มขืนศพจะต้องมีการฉีดด้วยหรือไม่ ในชั้น กมธ.ไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นนี้ ซึ่งเราศึกษาในส่วนของบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของศพ เราเน้นว่าจะทำอย่างไรให้สังคมปลอดภัย เกิดการป้องกัน และแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม”
...