สงครามแบ่งสีแปรสภาพเป็นศึกปะทุแยกวัย
ตามฉาก “ปรากฏการณ์ประเทศไทย” ล่าสุด ที่สะท้อนสถานการณ์ความเห็นต่างทางการเมืองระหว่างคน 2 เจเนอเรชัน ถึงวันที่คนแก่กับคนหนุ่มสาวแตกไปกันคนละทาง
ต่างฝ่ายต่างมุ่งสร้างดาวคนละดวง
ด้านหนึ่ง “Baby boomers” ไล่ระดับลงมาถึง “เจน X” รวมพลในนามเครือข่าย “ไทยภักดี” ปักหลักแสดงพลังปกป้องสถาบัน อภิบาลรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม
มาตามเสียงประกาศแกนนำ แน่นอาคารกีฬาเวสน์ 2
ขณะที่ “เจน Z” เด็กนักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ไล่ระดับจนถึง “เจน Y” แนวร่วมขบวนการ “ประชาชนปลดแอก” กระจายแฟลชชุมนุมตามหัวเมืองใหญ่ ทั้งภาคกลางที่ปากน้ำ สมุทรปราการ ภาคใต้ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เดินหน้าชู 3 นิ้วไล่เผด็จการ
นัดผ่าน “แฮชแท็ก#” แน่นถนน ล้นลานมหาวิทยาลัย
ก่อนอื่นใดเลย เทียบกันระหว่างคน 2 วัย ฝั่ง “Baby boomers” ที่จัดงานรวมพลังกึ่งอีเวนต์ในห้องประชุม ใช้เวลานัดล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ “เจน Z” นัดกันถี่ยิบแบบวันต่อวัน กระจายไปทั่วประเทศ นักเรียน นักศึกษา ใช้เวลาไม่นานในการรวมพลยกระดับมวลชน
โดย “ความเป็นธรรมชาติ” ชุมนุมรุ่นใหม่กับมวลชนรุ่นเดอะ
มันย่อมส่งผลสั่นสะเทือนรุนแรงแตกต่างกัน
และว่ากันด้วยเงื่อนไขทางธรรมชาติเหมือนกัน มันก็โยงไปที่สัญญาณสดๆร้อนๆแปรรหัสจากที่เพจประชาสัมพันธ์ของกองทัพบกที่ใช้ชื่อ “SMART soldier strong ARMY” โชว์ช็อตที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ชู 2 นิ้ว ชื่นชมทหารชายแดนใต้บาดเจ็บ หลังทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย
...
พร้อมทั้งติดแฮชแท็กว่า #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา
ตามท้องเรื่องที่จงใจโชว์ศักยภาพ “2 นิ้ว” ของจ่าฝูงกองทัพ ประกบพลานุภาพ “3 นิ้ว” นักเรียน นักศึกษา ปั่นแฮชแท็ก # จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา เบิ้ลบลัฟ แฮชแท็ก # ให้มันจบที่รุ่นเรา
อารมณ์ที่มองได้ว่า ท้าประชันตามจังหวะประจันหน้า
เทียบกันตรงหน้า โดยภาวะทางกายภาพ ฝั่งตีธง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” นักเรียน นักศึกษา เจน Z อายุแค่ 10–20 ยังเหลือพลังและเวลาอีกยาวนาน ส่วนฝ่ายที่ยื้อ “ไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา” นับถอยหลังปฏิทิน “บิ๊กแดง” จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้
หนีกฎธรรมชาติไม่พ้น นี่คือจุดที่คน “เจน Z” เป็นต่อ “Baby boomers”
คนแก่สู้ไป ถอยไป เด็กรุ่นใหม่บุกรุกคืบตามวิถีแห่งกาลเวลาและโลกที่เปลี่ยนไป
และก็เป็นอะไรที่วัดน้ำหนักกันชัดๆ โดยพลานุภาพ 3 นิ้วพลังคนรุ่นใหม่ ล่าสุด สัญญาณจากท่านผู้นำสั่งใส่เกียร์ถอยสุดซอย ชะลอจ่ายค่างวดเรือดำน้ำ เมดอิน ไชน่า ทั้งๆที่กลุ่ม “ไทยภักดี” เวทีของ Baby boomers เพิ่งประกาศให้ “บิ๊กตู่” เดินหน้าซื้อเรือดำน้ำ ห้ามเบรกตามแรงต้านของคนเจน Z
เท่านี้ก็บ่งชี้ดีกรีสถานการณ์ล่อแหลม นายกฯไม่เสี่ยงวัดดวงพลังโดยธรรมชาติของเด็กนักเรียน นักศึกษา ไต่ระดับมาถึงจุดอันตรายต่อสถานภาพเกมอำนาจ
โดยจังหวะหักมุมสวนทางกับภาวะ “ความชอบธรรม” ของ “บิ๊กตู่” และรัฐบาล 3 ป.ที่ดิ่งพสุธา ทรุดมาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แรงป่วนในพรรคพลังประชารัฐต่อเนื่องการปรับ ครม.
การเมืองเน่าซ้ำโรคระบาด ทำสังคมเสื่อมศรัทธา เข้าทางชุมนุมไล่
“ภูมิคุ้มกันธรรมชาติ” วูบไป โรครุมแทรกทันที ในจังหวะ “เรือดำน้ำ” ต้องสั่งถอยกันไม่ทัน มันยังมีปมซุกงบฯ 111 ล้านบาทโผล่มาประจานซ้ำ สู้คดีเหมืองทองอัครา ย้อนคอหอยที่ “บิ๊กตู่” ประกาศขอรับผิดชอบด้วยตัวเอง จากการใช้อำนาจมาตรา 44 สิ่งปิดเหมืองจนถูกบริษัทสัญชาติออสเตรเลีย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทย
นั่นไม่เท่ากับว่า ณ ห้วงอาถรรพณ์ดวงเมืองถอยหลัง ยังต้องจ่อวัดดวงวัดใจกับ “คดีแห่งชาติ” ตามคิวนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้ส่งรายงานให้ “บิ๊กตู่” ตามเวลา
เสนอรื้อคดี “บอส อยู่วิทยา” ทั้งกระบวนการ
ชงฟันอดีตบิ๊กตำรวจที่เล่นกลเปลี่ยนทิศทางคดี ประธานคณะกรรมาธิการ สนช.ที่ล็อบบี้อัยการเบอร์ต้นๆ ตำรวจที่เซ็นไม่แย้งคำสั่งอัยการ โยงสปอนเซอร์สนามฟุตบอลของขาใหญ่
ล้วนแล้วแต่เครือข่ายโยง“บิ๊กบราเธอร์”
ไฟต์บังคับ ขืนมวยล้ม “บิ๊กตู่” ต้องเจอโห่ไล่หนักไปกันใหญ่.
ทีมข่าวการเมือง