เจ้าของกระทู้ร้อนห้อง Blue Planet เว็บไซต์พันธุ์ทิพย์

ดอทคอม จั่วหัวไว้ว่า...ร่วมกันทำบุญ ละเว้นการเบียดเบียนสัตว์โลกในวันแม่ปีนี้ ด้วยการหยุดซื้อ “รังนก” เป็นของขวัญให้คุณแม่นะคะ

หลายเสียงติดตามให้ทัศนะเอาไว้หลากหลายแง่มุมทั้งเห็นด้วย...

ไม่เห็นด้วย ในแง่วิทยาศาสตร์และศีลธรรม จนถึงขั้นเป็นการถกเถียงถึงข้อดี ข้อไม่ดีแบบเอาแพ้...เอาชนะ

ประเด็นเกี่ยวกับประโยชน์ทางโภชนาการที่อ้างถึงผลการวิเคราะห์สารอาหารของรังนกสำเร็จรูป 2 ยี่ห้อที่มีขายในท้องตลาด ที่เป็นข่าวกันไปแล้ว ระบุว่า พลังงานที่ได้ ได้มาจากน้ำตาลกรวดที่เติมลงไป

ส่วนในแง่โปรตีน ถ้าต้องการได้โปรตีนเท่ากับไข่ไก่ 1 ฟอง จะต้องรับประทานรังนกถึง 26 ขวด คิดเป็นเงินกว่า 3,000 บาท

หรือถ้าจะให้ได้โปรตีนเท่ากับนม 1 กล่อง จะต้องรับประทานรังนกถึง 34 ขวด...เป็นเงินกว่า 4,000 บาท หรืออีกนัยหนึ่งปริมาณโปรตีนในรังนกสำเร็จรูป 1 ขวด บรรจุราวๆ 70-75 มิลลิลิตร เท่ากับ...นมสดประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ หรือถั่วลิสง 2 เมล็ด หรือไข่นกกระทาน้อยกว่าหนึ่งในสี่ฟอง

เพื่อให้ได้ชื่อว่า “ฉลาดซื้อ” หรือ “ฉลาดกิน” ผู้บริโภคคงจะต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ไม่เฉพาะรังนก

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องน่ารู้ของรังนก...คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกาย หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตาและเคยรู้มาบ้างแล้วว่า... รังนกนางแอ่นเป็นสิ่งที่หายากและราคาแพงมาก

ปัจจุบันคาดว่า...ราคากิโลกรัมละเกือบ 200,000 บาท

...

“รังนก” จากน้ำลายของนกนางแอ่นที่คายออกมาเพื่อทำรัง สมัยโบราณจัดให้รังนกเป็นอาหารของฮ่องเต้มาเป็นเวลาหลายพันปี ชาวจีนมีความเชื่อกันว่า...รังนกช่วยบำรุงหยินที่ปอด ช่วยให้ปอดชุ่มชื่น เสริมธาตุน้ำที่หลอดเสียงและหลอดลม บรรเทาอาการอักเสบของผิวหน้าและแผ่นหลัง

ทำให้ชุ่มคอ สดชื่น เพิ่มความแข็งแรงให้กับไต ม้าม...ลดพลังหยาง ช่วยให้ผิวพรรณดี ทำให้อายุยืน และยังเชื่อกันอีกว่ารังนกเป็นอาหารฟื้นฟูสุขภาพหรือยาโป๊...แพทย์แผนจีนใช้รังนกรักษาโรคปอด โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคไต จนกล่าวได้ว่าในเอเชียรังนกสำเร็จรูป จัดเป็นอาหารฟังก์ชันชนิดหนึ่ง ที่นิยมกันมากในหมู่คนรักสุขภาพ

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์คุณค่าของสารอาหารในรังนกนางแอ่นพบว่า ประกอบด้วยโปรตีน 60.90 เปอร์เซ็นต์ และแคลเซียม 0.85 เปอร์เซ็นต์ น้ำ 5.11 เปอร์เซ็นต์ โพแทสเซียม 0.05 เปอร์เซ็นต์ และฟอสฟอรัส 0.03 เปอร์เซ็นต์

แต่...สำหรับรังนกสำเร็จรูปที่จำหน่ายในท้องตลาดจะประกอบไปด้วยเนื้อรังนกแห้งก่อนต้ม 1 เปอร์เซ็นต์กว่า และน้ำตาลกรวด 12 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม หลังจากเมื่อต้มให้ความร้อนแล้วจะทำให้เนื้อรังนกอ่อนตัวนุ่มขึ้น ขยายตัวและเพิ่มปริมาณมากขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงระบุไว้ชัดเจนว่า เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค ผู้ผลิตเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูปบรรจุขวดทุกยี่ห้อ จะต้องทำการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ และระบุปริมาณเนื้อรังนกแท้ ในรูปแบบมาตรวัดเป็นน้ำหนักเนื้อรังนกแห้ง หรือเปอร์เซ็นต์ก่อนต้ม เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและเปรียบเทียบ

ปัจจุบันนักวิจัยยังคงศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อพิสูจน์ว่า สารอาหารที่มีอยู่ในรังนกจะให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ รังนกปลอมที่ทำจาก...ยางคารายาต้นสุพรรณิการ์ (Sterculia urens) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอินเดีย

ยางชนิดนี้แม้จะกินได้...ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ทำให้เสียเงิน โดยไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
รังนกกลุ่มนี้เมื่อนำมาแปรรูป อาจจะขายถูกราคาขวดละ 20 บาท บางคนที่เคยลอง อาจรู้สึกว่า... “กินแล้ว วุ้นเชียว เอ๊ะ! หรือ...ไข่ขาว รู้ทั้งรู้แหละว่า ไม่ใช่รังนกแท้ แต่ปัญญา...ก็มีกินได้แค่นี้”

“รังนกนางแอ่นแท้”...จะมีส่วนประกอบหลักเป็นโปรตีนสูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์และมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รังนกปลอมจะมีโปรตีนเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ แต่จะมีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  ฉะนั้น...หากซื้อรังนกปลอม นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้วยังเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่โชคดีที่ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์บริการได้ใช้วิธีทางเคมีร่วมกับการพิสูจน์เอกลักษณ์ของรังนกแท้ได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคนิค อินฟราเรดสเปกโทรสโคป ทำให้คัดกรองรังนกแท้และรังนกปลอม ออกจากกันได้

คราวนี้มาถึงความรู้เกี่ยวกับนกแอ่นกินรัง สรุปอย่างรวบรัดในวัฏจักรวงจรชีวิต เอาไว้ประดับความรู้...นกแอ่นกินรังอยู่ในกลุ่มนกแอ่นสวิฟต์เลต (Swiftlet) ซึ่งเป็นกลุ่มนกแอ่นที่ทำรังด้วยน้ำลายซึ่งนำรังมากินได้ จัดอยู่ในวงศ์ Apodidae อายุขัยประมาณ 6-7 ปี เป็นนกขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 10-14 เซนติเมตร

หลังสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ปีกและหางดำ ท้องสีเทา หางเป็นแฉกเล็กน้อย ขาและเท้าเล็ก เล็บยาว และโค้งงอ นิ้วเท้าทั้งสี่เรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อใช้สำหรับเกาะเกี่ยวผนังถ้ำหรือขอบรัง

ในประเทศไทยมีนกแอ่นกินรัง 2 กลุ่ม ซึ่งมีลักษณะของรังแตกต่างกัน คือ นกแอ่นรังขาว (Aerodramus  fuciphagus) ทำรังจากน้ำลายล้วนๆ รังมีสีขาวสะอาด เป็นรังชนิดที่นิยมนำมาบริโภค และ นกแอ่นรังดำ (Aerodramus maximus) หรือ นกแอ่นหางสี่เหลี่ยม ทำรังด้วยน้ำลายผสมกับขนของตัวเอง รังจึงมีสีดำ

การทำรัง...นกแอ่นกินรังเริ่มผสมพันธุ์ตั้งแต่อายุ 3 ปี ผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้ง และจะทำรังในถ้ำเพื่อวางไข่ หลังผสมพันธุ์ทั้งนกตัวผู้...ตัวเมียจะช่วยกันทำรังตอนกลางคืน ขับเมือกจากต่อมน้ำลายออกมาเป็นสายเล็กๆ

“น้ำลายที่เหนียวข้นจะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วแข็งตัวเป็นรังรูปครึ่งถ้วยขนาดเล็กติดแน่นบนผนังถ้ำ ตามธรรมชาตินกชนิดนี้สามารถทำรังใหม่ทดแทนรังเก่าได้หลายครั้ง แต่ถ้านกวางไข่ไปแล้วก็จะไม่ทำรังอีกในฤดูกาลนั้น”

ความรู้เกี่ยวกับรัง... “รังแรก” เป็นรังนกที่เก็บในช่วงเดือนมีนาคมเป็นรังที่นกทำครั้งแรกในปีนั้นๆ จึงเป็นรังที่สมบูรณ์ที่สุดคือ มีเส้นยาว ขาว สะอาด และมีขนาดใหญ่ ถือเป็นรังที่มีคุณภาพดีที่สุด

ถัดมา...“รังนกกลายเป็นหิน” เมื่อลูกนกเติบโตเต็มที่แล้วนกจะไม่ใช้รังอีก รังนกที่ถูกทิ้งไว้กับผนังถ้ำจะมีแร่ธาตุมาเกาะพอกพูนจนกลายเป็นหิน ทำให้นกเสียพื้นที่ทำรังในฤดูผสมพันธุ์ครั้งใหม่ การเก็บรังนกจึงถือเป็นการช่วยเปิดพื้นที่ให้นกได้ทำรังใหม่ได้สะดวกขึ้นตามวงจรชีวิตในธรรมชาติ

“รังนกแดง” สีแดงของรังนกแดงไม่ได้เกิดจากเลือดนกปะปนออกมากับน้ำลายตามความเชื่อของคนบางกลุ่ม  แต่เกิดจากออกไซด์ของธาตุเหล็กหรือแร่ธาตุอื่นๆ  จากผนังถ้ำที่แทรกซึมเข้ามาผสมผสาน เชื่อมโยงถึง “รังนกเนื้อทอง” ที่เกิดขึ้นเฉพาะในถ้ำธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ บางแห่งเท่านั้น

แล้วก็มาถึง... “รังนกบ้าน” ที่มีการสร้างบ้านให้นกมาทำรังอยู่ในเมืองหรือชุมชนหลายแห่ง รังนกบ้านเหล่านี้จะมีเส้นเล็ก...สั้น สุดท้าย... “รังนกปลอม” ทำจากยางคารายา ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง

ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้นำมาเป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจได้ คำตอบสุดท้ายของรังนกกตัญญูจึงอยู่ที่ว่า...ใครจะมองอย่างไร เพียงแต่ว่าถ้าคุณจะเสียเงินแล้ว ก็ต้องได้สินค้าที่คุ้มค่า คุ้มราคา.