ประเด็นแหลมคม สุ่มเสี่ยง อันตราย สถานการณ์ยามนี้ใครๆก็ต้องพูดถึงความเคลื่อนไหวชุมนุมของบรรดานิสิต นักศึกษา ที่ยกระดับเนื้อหา ท้าทาย หมิ่นเหม่ขึ้นทุกที
จากปฏิบัติการบนเวที “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ที่เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาสะท้านสะเทือนไปทุกวงการ ข้อเรียกร้องใหม่ 10 ข้อล้วนพุ่งเป้าไปที่สถาบันหลักอย่างน่าตระหนก
แม้แต่นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องออกมาขอโทษและน้อมรับข้อผิดพลาดที่มีเนื้อหาบางส่วนเลยขอบเขต
เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับข้อผิดพลาดต่อกรณีการชุมนุมดังกล่าว พร้อมย้ำจุดยืนของมหาวิทยาลัยฯยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เรื่องนี้หลายฝ่ายเริ่มกังวล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม รู้สึกไม่สบายใจ เด็กรุ่นใหม่เติบโตในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปทำให้ไม่เข้าใจความเป็นมาพื้นฐานประเทศไทย
ดังนั้น ขอความร่วมมือผู้ปกครองและครูช่วยสร้างการเรียนรู้ในเรื่องนี้แก่เด็กด้วย
การชุมนุมเป็นสิทธิ แต่ถ้าละเมิดทุกคนก็ต้องถูกลงโทษ
สัญญาณทั้งทางลึกและทางแจ้งออกมาแล้วให้ดำเนินคดีกับแกนนำเคลื่อนไหว และบรรดาผู้ปลุกปั่น
ล่าสุด นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สั่งให้รวบรวมหลักฐานที่ผิดกฎหมายตั้งแต่วันที่ 10-11 ส.ค. เข้าข่ายความผิดบนโลกไซเบอร์ส่งฟ้องศาลใน วันที่ 13 ส.ค.
ต้องยอมรับความแตกแยกทางความคิดในสังคมไทยในประเด็นนี้มีอยู่จริง ชัดเจน
กระนั้นจังหวะเคลื่อนของขบวนการนักศึกษาวันนี้ทำให้เกิดความเห็นแตกแยกของกลุ่มหัวเอียงซ้าย รีบเร่ง เร่าร้อน ลามปามเลยเถิดเกินไป
...
โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างเจเนอเรชัน คนรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ สิ่งที่เห็นและเป็นไปในบางเวทีของนักศึกษาเมื่อใดที่การปราศรัยเข้าสู่ขอบเขตสถาบัน ปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนหนึ่งลุกหายไปทันที
หรือในโลกโซเชียลเมื่อพูดถึงประเด็นนี้คนรุ่นใหม่เองก็มีทั้งเห็นคล้อยและเห็นต่าง
“เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุ เห็นด้วยกับการต่อสู้กับเผด็จการที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ทุกข์ยาก ตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อของนักเรียน นิสิต นักศึกษา
แต่ไม่ควรก้าวล่วงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ จนอาจเป็นเหตุของการยึดอำนาจอีกครั้ง
ท่าทีความเห็นของ “เจ๊หน่อย” ทำให้พลังคนรุ่นใหม่ “ไม่ถูกใจสิ่งนี้” หยิบยกเรื่องรัฐบาลแห่งชาติมาโจมตีว่าเป็นช่องทางที่พรรคเพื่อไทยจะไปเข้าร่วมกับฝ่ายรัฐบาลมาทิ่มแทง
ขณะเดียวกัน เงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะให้มีการแก้มาตรา 256 ปลดล็อกกุญแจดอกแรก พร้อมเสนอตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างใหม่
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเองโดย “นายกฯลุงตู่” ก็จ่อเปิดไฟเขียวให้แล้ว
แต่กลับไม่ถูกใจ ไม่ทันใจ ปัญญาชนคนรุ่นใหม่อีกเช่นกัน เพราะมองเวลาเสียเวลาปาหี่
กลายเป็นข้อเสนอพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้ามากกว่า ที่เล่นแรง เล่นเร็ว เช่น เสนอให้ปิดสวิตช์ ส.ว.ทันที หักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่มีประนีประนอม พร้อมลุยพร้อมปะทะสะใจวัยโจ๋
ทั้งที่ความจริงมันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ส.ว.ไม่มีทางยอมรื้ออำนาจนั่งร้านตัวเองแน่ ที่ออกมาพูดสับขาหลอกกันไปกันมาก็เพื่อเบี่ยงกระแสแรงเสียดทาน เอาเข้าจริงร้อยเอาบาทเดียวไม่มีทางยอม
ดูไปดูมาหลายเรื่องเหมือนมีความพยายามจะหักมุมเข้าเหลี่ยมปะทะ เร้าจังหวะเข้าสู่ “เรดโซน” เพราะถ้าไม่มีฉากบู๊กันก่อนย่อมไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน
เรื่องนี้ไม่รู้มีใครปลุกปั่นอยู่เบื้องหลัง เพราะบางวลีถ้อยคำที่เอามาเป็นลูกเล่นล้อเลียน ล้วนต้องเป็นคนที่คร่ำหวอดอยู่กับประวัติศาสตร์ ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย คนรุ่นใหม่คงคิดไม่ถึง
จะให้ทุกอย่างมันจบที่รุ่นเรา ด้วยมือของเรา หรือมือของใครกันแน่
วันนี้สถานการณ์ประเทศอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เศรษฐกิจติดพิษโควิดซึมยาว เจอม็อบผสมโรง การลงทุน ท่องเที่ยวเสี่ยงพังพินาศไม่ต่างจากฮ่องกง ต้องทบทวนกันให้ดี
จะเอาชาติรอดก่อน หรือจะเล่นกันให้พังทั้งประเทศ
ทีมข่าวการเมือง รายงาน