รัฐบาลโต้เตะถ่วงยื้อแก้รัฐธรรมนูญ อ้อนขอโอกาสทีมเศรษฐกิจโชว์ฝีมือ “วันชัย” พลิกบทขึงขังชงรื้อ รธน.ริบดาบ ส.ว.โหวตนายกฯ ตัดผู้นำเหล่าทัพยึดเก้าอี้สภาสูง นำร่องหารือใน กมธ.พัฒนาการเมือง “ไพบูลย์” เผยต้น พ.ย.ดีเดย์สภาถกญัตติแก้ไข รธน. ฝ่ายค้านรุมยำ “บิ๊กตู่” ตีสองหน้า ปากพ่นพร้อมฟัง นศ.แต่สั่งเร่งจับดำเนินคดี “วิโรจน์” ฉะพฤติกรรมต่ำช้า จี้หยุดคุกคามข่มขู่ “เสรีพิศุทธ์” เตือน ตร.อย่ารับใช้นายจนเกินงาม “ภราดร” ชี้การเมืองถึงจุดเผชิญหน้า ปูดนักการเมืองรอเอาคืนป่วนเปลี่ยนตัวนายกฯ ตร.หิ้วปีก “อานนท์-ไมค์” ขึ้นรถค้างคืน สน.ห้วยขวางรอส่งฝากขัง ศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ตั้งเงื่อนไขห้ามทำผิดซ้ำ เจ้าตัวลั่นลุยต่อทุกเวทีเรียกร้องรื้อ รธน.-ยุบสภา

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุให้รอผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ฝ่ายค้านและภาคประชาชนโจมตีว่ารัฐบาลไม่จริงใจพยายามเตะถ่วงยื้อเวลานั้น

รัฐบาลโต้ไม่เคยเตะถ่วงแก้ รธน.

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากนายกฯเตะถ่วงแก้รัฐธรรมนูญจะทำให้ประชาชนไปร่วมม็อบว่าพูดเพื่อหวังผลการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ วันนี้รัฐบาลยินดีจะให้แก้รัฐธรรมนูญจะแก้แบบไหน อย่างไร ทุกฝ่ายจะต้องหารือกัน อย่าพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขในการดิสเครดิตรัฐบาล นายกฯสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ บอกแล้วว่ารอให้คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสนอมา ไม่ได้เตะถ่วงหรือขัดขวาง ต้องเป็นไปตามขั้นตอน และไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกฯคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนไม่ว่า ส.ส. ส.ว. ที่สำคัญคือประชาชนทั่วประเทศ จะให้นายกฯสั่งให้แก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร การแก้รัฐธรรมนูญหากจะให้สำเร็จต้องจริงใจ อย่าสร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง

...

นายกฯขออย่าบิดเบือนทำเกลียดชัง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยว่า จากการที่มีการตั้งคำถามเชิงชี้นำจากคนบางกลุ่มในโลกออนไลน์ บิดเบือนคำพูดนายกฯที่กล่าวในงาน Bangkok Post Forum 2020 : “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ขอชี้แจงว่า มีถ้อยความส่วนหนึ่งถูกนำไปตีความเกินจริงอย่างมาก ทำนองนายกฯไปพาดพิงถึงผู้ใดนั้นไม่เป็นจริงเลย เพียงพูดเพื่อให้ผู้ฟังเห็นภาพถึงความน่าอยู่ของประเทศไทย แต่หากจะมีคนไม่ได้อยู่เพราะไปทำความผิด จึงต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ นายกฯพร้อมรับฟังทุกเสียงของประชาชน จากทุกช่องทาง แต่ขอรับฟังคำอธิบายจากรัฐบาลด้วย หากเรื่องใดทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็ยินดี แต่การบิดเบือนความ จงรักภักดีของนายกฯต่อสถาบัน รวมถึงบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังในช่วงเวลาที่ประเทศต้องมองไปข้างหน้าร่วมกัน อย่าทำเลยไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ความเห็นต่างในประเด็นต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ประเทศต้องการพลังจากคนทุกกลุ่ม

พปชร.ขอโอกาสทีม ศก.โชว์ฝีมือ

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯปรับวางตำแหน่งรัฐมนตรีให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทั้งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน และนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง มีประสบการณ์ตรงกับตำแหน่งเข้าใจถึงสภาพปัญหาและอุปสรรคต่างๆเป็นอย่างดี ทำให้ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นต่อรัฐบาลว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ การวิพากษ์วิจารณ์ทำได้อย่างเสรี แต่อยากขอความกรุณาอดใจรอให้รัฐมนตรีชุดใหม่ได้พิสูจน์ฝีมือก่อน พรรคพลังประชารัฐมั่นใจต่อการตัดสินใจของนายกฯ

น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากนี้คงเป็นบทพิสูจน์ของ ครม.ที่จะฟื้นฟูเยียวยาวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐมนตรีต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างรวดเร็ว ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯพูดชัดเจนแล้วว่าพร้อมสนับสนุนให้แก้ไข เหลือแค่ขั้นตอนจะให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แก้เป็นรายมาตรา หรือแก้มาตรา 256 คงต้องพูดคุยหาข้อสรุปในชั้น กมธ. หลายฝ่ายยังเห็นแตกต่างและเป็นเรื่องเปราะบาง ผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนต้องร่วมหารือกันหาข้อยุติร่วมกันให้ดีที่สุด บางส่วนเราเห็นด้วยที่ต้องปรับแก้

“ไพบูลย์” ระบุต้น พ.ย.เริ่มถกญัตติ รธน.

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ กล่าวว่าเมื่อนำรายงานการศึกษาของ กมธ.เสนอต่อประธานสภาฯปลายเดือน ส.ค.คาดจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาฯช่วงวันที่ 9 ก.ย. จากนั้นสภาฯจะส่งรายงาน กมธ.และความเห็น ส.ส.ไปยังรัฐบาล พร้อมกันนั้นพรรคพลังประชารัฐจะตั้งคณะทำงานมาดูเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นหลักๆที่จะแก้ไข กมธ.เขียนไว้ครบถ้วนแล้ว พรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลแค่หารือว่าจะเอาประเด็นใดบ้างจากนั้นอาจไปคุยกับ ส.ว.แล้วจึงยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เชื่อว่าเปิดประชุมสภาฯสมัยที่สองวันที่ 1 พ.ย.น่าจะเหมาะสมที่รัฐสภาที่จะยกญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งหรือหลายฉบับขึ้นมาพิจารณา เชื่อว่าต้นเดือน พ.ย.จะได้เห็นการพิจารณาญัตติร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในที่ประชุมรัฐสภาแน่นอน

“วันชัย” พลิกให้หักดาบ ส.ว.โหวตนายกฯ

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านมีแนวทางตรงกันจะแก้รัฐธรรมนูญ เพียงแต่ละฝ่ายจะมีเงื่อนไขบางประเด็นและระยะเวลาเท่านั้น เมื่อทุกฝ่ายมีเป้าหมายตรงกันว่าต้องแก้ควรรีบเดินหน้าเพื่อลดความขัดแย้งเปลาะหนึ่ง ไม่ต้องแก้ทั้งฉบับ แต่รัฐบาล ฝ่ายค้าน ส.ว. และฝ่ายอื่นๆควรคุยกันว่าต้องการแก้ประเด็นใดว่ากันให้ชัดๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมจะได้เร็ว ทันสถานการณ์ ไม่ใช่ปล่อยเป็นระเบิดเวลา ตอนนี้สถานการณ์กำลังแรงขึ้น ขืนชักช้าอาจไม่ทันแก้ อะไรทำได้รีบทำก่อนจะสายเกิน ส่วนตัวเห็นว่า ควรแก้ไม่ให้ ส.ว.มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ เจตนาขณะนั้นต้องการให้รัฐสภาประคองบ้านเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้กระแทกเร็ว แต่วันนี้ไม่มีเหตุผลที่จะให้ ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ไม่มีระยะเปลี่ยนผ่านแล้ว การเปลี่ยนผ่านดำเนินการมา 1 ปีกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ ส.ว.โหวตนายกฯอีก อำนาจที่มาจากประชาชนคือความเข้มแข็งกว่าอำนาจใดอำนาจที่เป็นของ คสช.ไม่ควรมีอีกแล้ว หาก ส.ว.ไปโหวตให้ใครมีเสียงในสภาไม่ถึงกึ่งหนึ่งเป็นนายกฯ ส.ว.จะเสียคนเอง

พ่วงตัดผู้นำเหล่าทัพนั่งเก้าอี้สภาสูง

นายวันชัยกล่าวว่า รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่อยู่ที่เสียงสภาฯไม่เกี่ยวกับเสียง ส.ว. ใครจะเป็นรัฐบาลต้องมีเสียงเกินกว่า 250 เสียง ส.ว.ไม่ได้ไปกำหนดอะไรได้เลย ถ้าจะแก้ส่วนนี้เห็นด้วย ไม่ขัดข้องเพื่อดับไฟขัดแย้ง ไม่เกี่ยวกับหวงอำนาจหรือผลประโยชน์อื่นใด แม้แต่ ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน เห็นว่าสร้างภาระและปัญหาให้ ผบ.เหล่าทัพที่มีตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบมากมายเกินกว่าจะมาร่วมประชุม ส.ว.2-3 วันหรือหามรุ่งหามค่ำเหมือน ส.ส. ส.ว.ควรให้กลับไปทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มที่ดีกว่า จะได้ไม่ถูกข้อครหาโจมตีว่าขาดประชุม อีกเรื่องหนึ่งคือองค์กรอิสระ ทั้งคุณสมบัติและกระบวนการสรรหาน่าจะปรับปรุง เพราะบางองค์กรกว่าจะหาได้ยากลำบาก หาคนมาสมัครยาก หรือยังหาไม่ได้จนทุกวันนี้ ไปๆมาๆก็จำต้องเลือกเพราะหาตัวเลือกไม่ได้ อย่างที่ว่าคนร่างไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ร่าง เมื่อใช้มาแล้วเห็นปัญหาความขัดแย้งควรแก้ไข เพื่อความสงบเรียบร้อย ความสามัคคีของประชาชน ดับไฟขัดแย้งไปกองหนึ่งดีกว่าที่ปล่อยให้ลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โต ไหม้ประเทศ ไหม้ประชาชนต่อไป

จี้ ส.ว.เร่งถกจริงจังยำ รธน.หาทางออก

เมื่อถามว่า ดูเหมือน ส.ว.จะเสียงแตกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ว.บางคนไม่อยากให้มาแตะเรื่องอำนาจ ส.ว. นายวันชัยตอบว่า เป็นอิสระของแต่ละคนในการเสนอความเห็น จะเรียกว่าเสียงแตกหรือไม่คงคาดเดาไม่ได้ แต่ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่เคยคุยกันเป็นเรื่องราวเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า ส.ว.ควรหารือเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องราวได้แล้ว ในวันที่ 11 ส.ค. จะมีการหารือเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญในที่ประชุมกมธ.พัฒนา การเมือง วุฒิสภา คงนำเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องอำนาจ ส.ว.มาคุยกัน

“เหลิม” ยันข้อเสนอไม่ขัดแย้ง พท.

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะทำงานกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ทำจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้พิจารณาข้อเสนอทางออกประเทศไทย 3 ข้อ คือ ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ทันที และนายกรัฐมนตรี ยุบสภา เลือกตั้งภายใน 60 วัน โดย ขอเสนอให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้พิจารณา นำเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมกรรมการบริหารของพรรค เพื่อเห็นชอบนำเสนอพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างพรรคฝ่ายค้านที่เห็นชอบกับข้อเสนอ คณะทำงานร่วมฯ พิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ชั่วคราว) และนำเสนอผู้นำฝ่ายค้านพิจารณานำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระ บรมราชวินิจฉัยประกาศใช้ต่อไป ทั้งนี้ข้อเสนอยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและอื่นๆดังกล่าวมานี้ ไม่มีความประสงค์หรือลบล้างนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ แต่ขอเสนอแนวทางนี้เป็นอีกแนวทางหนึ่งเพื่อพรรคเพื่อไทยดำเนินการคู่ขนานกันไป

“วิโรจน์” อัด “บิ๊กตู่” ไร้สัจจะสั่งจับ นศ.

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนักกิจกรรมทางการเมืองว่า พฤติกรรมรัฐบาลนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเพียงรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากเผด็จการ คสช. หมดความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเพราะ 1.การคุกคาม เยาวชน นักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย นิสิต นักศึกษา ประชาชน 2.การออกหมายจับนิสิต นักศึกษา ประชาชนรวม 31 คน ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้ให้คำมั่นเอาไว้ว่าจะ ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม 3.พล.อ.ประยุทธ์ลั่นวาจาไว้เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่าพร้อมรับฟังนักศึกษา แต่ 2 วันต่อมากลับออกหมายจับพวกเขา

ฉะพฤติกรรมต่ำช้าจี้หยุดคุกคาม

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า 4.การลักพาตัว นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ทนายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก แกนนำนักเคลื่อนไหวทางสังคมเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย มีพฤติกรรมต่ำช้า ลากตัวประชาชนจากศาลอาญาไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ที่ สน.ห้วยขวาง หลังจากศาลไม่รับคำร้องขอฝากขังและหมายจับได้สิ้นสุดแล้ว ท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งของประชาชน เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่อุกอาจและเสื่อมเสียศักดิ์ศรีของตำรวจที่สุด ในยุคที่ ผบ.ตร.ชื่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขอเรียกร้องให้รัฐบาลนี้จงหยุดคุกคามประชาชน เลิกใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือรังแกประชาชน ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนและผู้เห็นต่างได้แล้วและเปิดทางให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด

“เสรีฯ” เตือน ตร.อย่ารับใช้นายเกินงาม

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่าขอสื่อไปถึงรัฐบาลอย่าฝืนกระเเส ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น หลายปีที่ 3 ป.ทำงานมา สังคมบอกเเล้วว่ามีสิ่งผิดพลาดเยอะ ควรทบทวนตัวเองว่าถ้าคิดว่าตัวเองทำดีเเล้ว ทำไมชาวบ้านออกมาขับไล่ ตำรวจตั้งข้อหาหลายกระทงกับเยาวชนเเละประชาชนที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาล ขอเตือนสติทั้งสองฝ่ายไว้ว่าระวังอย่าให้สถานการณ์ลุกลาม ทำอะไรต้องรอบคอบ อย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เชื่อว่าผู้มาชุมนุมมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ยอมรับรัฐบาลนี้จึงมาเเสดงออกตามสิทธิขั้นพื้นฐาน เเละตำรวจทำตามหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เเต่ขอเตือนว่าอย่ารับใช้เจ้านายบางคนจนเกินงาม วันข้างหน้าอะไรๆ ก็อาจพลิกผันได้ ที่ผ่านมาสังคมสะท้อนปัญหาหลายเรื่องเเต่รัฐบาลไม่ฟัง วันนี้เริ่มจวนตัวคะแนนนิยมไม่ดี เพราะสิ่งที่ตัวเองก่อไว้เริ่มส่งผลลบ จึงเด้งเชือกออกจากมุม ถามว่าเเบบนี้จริงใจหรือไม่

เฉ่งเชื่อไม่ได้ปรองดองแต่เร่งหมายจับ

น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่ารัฐบาลไม่ควรใช้อำนาจหรือกลไกรัฐข่มขู่คุกคามประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง เพื่อรักษาอำนาจไปวันๆ นายกฯเพิ่งบอกว่าจะเดินสายรับฟังความเห็นนักศึกษาทั่วประเทศ ไม่ทันข้ามคืนสั่งให้ตำรวจจับกุมนักศึกษาสวนทางกับคำพูดโดยสิ้นเชิง คำพูดคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อถือไม่เคยได้ คนรุ่นใหม่เรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภารัฐบาลพยายามเตะถ่วง แล้วยังสกัดกั้นคุกคามทุกรูปแบบ ทุกคนดูออกว่ารัฐบาลไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญแต่ไม่ควรตีสองหน้า ที่ สำคัญหากการจับกุมนักศึกษาทำให้สถานการณ์บานปลายจนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจนายกฯจะรับผิดชอบอย่างไร

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่สบายใจมากที่จะออกหมายจับผู้ชุมนุมถึง 31 คน ขัดแย้งกับสิ่งที่รัฐบาลสื่อสารให้มี กมธ.วิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา นายกฯบอกจะรับฟังความคิดเห็นนักศึกษาด้วยตัวเอง แต่การดำเนินคดีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ต่อจากนี้คงตึงเครียดไปในทางที่อาจไม่ดีนัก

“ภูมิธรรม” อัดผู้นำสร้างภาพ-ข่มขู่เด็ก

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “อย่าให้ประเทศเสียหายไปกว่านี้...หยุดคุกคาม ข่มขู่ประชาชน” มีเนื้อหาว่า เบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกฯปากีสถาน เคยกล่าวไว้ว่า “คุณสามารถจองจำคนได้ แต่ไม่อาจจองจำความคิดได้ คุณเนรเทศคนได้ แต่ไม่อาจขับไล่ความคิดได้ คุณฆ่าคนได้ แต่ไม่อาจฆ่าความคิดได้” เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราวันนี้ แสดงให้เห็นถึงปัญหาของการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ไม่เท่าเทียมชัดเจน รัฐบาลไม่ควรใช้อำนาจและกลไกรัฐข่มขู่คุกคาม นักเรียน นักศึกษา ประชาชน เพียงเพราะการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกฯเพิ่งประกาศพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ แต่การปฏิบัติดูเหมือนจะสวนทางกับคำพูดหรือเป็นแค่การแสดงออกเพื่อการสร้างภาพไปวันๆ ประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ถ้าเศรษฐกิจก็วิกฤติ ระบบยุติธรรมล้มเหลวขาดความน่าเชื่อถือ การ แสดงออกและสิทธิเสรีภาพคนรุ่นใหม่อนาคตชาติถูกคุกคาม รัฐบาลพร้อมรับความเสียหายอันใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ มิให้เกิดขึ้นซ้ำอีก ประวัติศาสตร์ไม่พึงประสงค์ ไม่ควรเกิดซ้ำรอยอีก

“ชัชชาติ” ซัดคดีบอสกับบ่อนไม่เอาจริง

ช่วงดึกคืนวันที่ 7 ส.ค.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ถ้ารัฐเอาจริงเอาจังกับคนที่ขับรถชนตำรวจตายหรือบ่อนการพนันที่ยิงกันตายไป 4 ศพ ได้สักเสี้ยวหนึ่งของการไล่จับดำเนินคดีผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง สังคมไทยน่าจะดีขึ้นกว่านี้เยอะครับ”

“ภราดร” เตือนการเมืองถึงจุดเผชิญหน้า

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่าเทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้พรมแดน สร้างเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจวิวัฒนาการของสังคม จึงมีวิสัยทัศน์กว้างไกลรู้ถึงความรับผิดชอบต่ออนาคตเมื่อเห็นความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลปัจจุบัน ที่สร้างภาระหนี้สิน สังคมไม่เท่าเทียม ทำให้พวกเขาต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูตัวเองและสังคมผู้สูงอายุ จึงรับไม่ได้ ตั้งคำถามว่าทำไมต้องทน ทำไมต้องรอให้ชีวิตจมอยู่กับการสืบทอดอำนาจ ประชาชนจึงไม่ยอมทนอีกต่อไป จัดตั้งคณะประชาชนปลดแอก เป็นหัวหอกการชุมนุมเรียกร้องให้หยุดคุกคาม แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาฯ ล่าสุดเพิ่ม 2 จุดยืนคือไม่เอารัฐประหาร ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ สถานการณ์การเมืองมาถึงจุดเผชิญหน้า

นักการเมืองรอเอาคืนเปลี่ยนนายกฯ

“การเปลี่ยนผ่านจะราบรื่นได้ต้องได้ผู้นำที่ ฉลาด ยึดมั่นความเป็นธรรม แต่พฤติการณ์ผู้นำสืบทอดอำนาจ ฟ้องว่าเขาใช้กระบวนการและคนของขบวนการยุติธรรม จนประชาชนสิ้นศรัทธา การปรับ ครม.ล่าสุดไม่ให้เกียรติแกนนำพรรคใหญ่ เดี๋ยวได้เจออาฟเตอร์ช็อกเล่นงานแน่ นักการเมืองเป็นมวยคอยจังหวะล้างแค้นเอาคืน อุบัติเหตุทางการเมืองให้นายกฯตกเก้าอี้ ย่อมเกิดขึ้นได้ เราอาจได้นายกฯคนใหม่ จากการยอมถอยกันคนละก้าวของ ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องและจุดยืนของประชาชน เจ้าของอธิปไตยตัวจริงพาประเทศออกจากหล่มการสืบทอดอำนาจกันเสียที” พล.ท.ภราดรกล่าว

โฆษก พช.ไล่ไขก๊อกดับไฟขัดแย้ง

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวว่า เมื่อ 5 ปีก่อน คสช.ออกมายึดอำนาจ อ้างว่ารัฐประหารแก้ปัญหาความขัดแย้งที่การเมืองแบบเดิมแก้ไม่ได้ แต่เวลานี้ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดการเมืองกลับรุนแรงเช่นเดิม การต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศ คู่ขัดแย้งคือ คสช.แปลงร่างที่ต้องการสืบทอดอำนาจกับคนรุ่นใหม่อนาคตของประเทศ ผ่านมา 6 ปีจนประชาชนหมดความอดทน ไม่กลัวอำนาจปืนออกมาขับไล่แล้ว ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบจริง วิธีจบความขัดแย้งง่ายที่สุดคือใช้คำพูดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยบอกในที่ประชุมก่อนยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ให้รัฐบาลลาออก และประกาศ ว่าพอแล้ว ไม่เสพติดอำนาจแล้ว พอจะบันทึกได้ว่าเป็นห่วงชาติ ไม่ต้องอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมโควิดมาคุมม็อบ ไม่ต้องแอบสั่งการให้ตำรวจจับแกนนำม็อบให้ยุ่งยาก

“คึก” จี้นัดวันคุย นศ.–รื้อ รธน.ให้ชัด

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในวันเสียงปืนแตก 8 สิงหาคมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่อนุสรณ์สถานอ่าวศรีเมือง อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ว่า บรรยากาศสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ขึ้นอีก จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิสิตนักศึกษาและภาคประชาชน จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาการเมือง โดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ ขอสนับสนุนแนวคิดนายกฯที่พร้อมรับฟังความเห็นกลุ่มนิสิตนักศึกษาด้วยตัวเอง แต่อยากให้กำหนดวันเวลา สถานที่ให้ชัดเจน และเมื่อนายกฯประกาศเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากขอความชัดเจนมีแนวทางแก้ไขอย่างไร แก้ไขมาตราใดบ้างให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอผลการศึกษาของ กมธ.

เหน็บ “บิ๊กตู่” ขับรถถังชนคนทั้ง ปท.

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์จริงใจแก้รัฐธรรมนูญ คงไม่สั่งให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญเขียนมาตรา 256 ชนิดไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เลย ถ้าไม่สั่งการให้วุฒิสมาชิกให้เห็นด้วยก็ทำไม่ได้เด็ดขาด เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ขับรถถังชนคนทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญจะกลายเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง ไม่แตกต่างอะไรกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 35 รัฐธรรมนูญจะแก้ไขได้หรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้นำจิตวิญญาณของ ส.ว.เพียงคนเดียว การเกิดม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษากดดันเรียกร้องเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นวงรอบทางการเมืองของสังคม ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีศิลปะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ผู้เสพอำนาจนานๆจะไม่รู้จุดจบ ไม่ว่ารัฐบาลใดรู้แต่เพียงเสพติดในอำนาจและผลประโยชน์ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ได้ลงไปรับรู้ความรู้สึกประชาชนอย่างแท้จริง กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวก็อาจสายไปเสียแล้ว

กมธ.เตือน ตร.อย่ารุนแรง-ยัดข้อหา

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษาฯ กล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่หน้า สน.บางเขน ว่าสถานการณ์นับจากนี้จะรุนแรงบานปลายหรือไม่ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร กมธ.เชิญตัวแทน สตช.มาพูดคุยว่าการคุกคามใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะติดตาม โทรศัพท์กดดันผู้ปกครองเป็นสิ่งไม่ควรทำ รวมถึงการดำเนินคดีด้วย ตำรวจต้องไม่พยายามยัดข้อกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนข้อสังเกตตำรวจเร่งรัดออกหมายจับโดยไม่มีหมายเรียก ตั้งใจสกัดม็อบชุมนุมใหญ่วันที่ 16 ส.ค.ใน กมธ.มี พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็น กมธ.อยู่ด้วย การประชุมครั้งต่อไปต้องสอบถามกัน กมธ.จะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่จะมีขึ้นหลายที่ในสัปดาห์หน้า

วัยรุ่นลงชื่อไอลอว์ชงแก้ รธน.คึกคัก

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ Lido Connect สยาม กลุ่มแคร์เสวนาแก้รัฐธรรมนูญ “ชวน คิด เคลื่อน เขียน รัฐธรรมนูญฉบับในฝันของประชาชน” เพื่อร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตย ให้เป็นฉบับสุดท้ายของประเทศ ด้านหน้างานกลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ได้ตั้งโต๊ะล่าชื่อประชาชน “5 หมื่นชื่อ ร่วมรื้อ ร่วมสร้าง ร่วมร่างรัฐธรรมนูญ” มีกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ลงชื่อร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญกันคึกคัก ทั้งนี้ นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องทำก่อนยุบสภาฯมิเช่นนั้นจะได้นายกฯคนเดิมหรือคนใหม่จากการจัดตั้ง ต้องแก้ 2 ประเด็นโดยไม่ต้องทำประชามติ คือ 1.ที่มานายกฯกำหนดให้นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.จากคะแนนเสียงข้างมากในสภาเท่านั้น และ 2.แก้ไขระบบเลือกตั้งกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 40 และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วน ส.ว.เรายกเว้นการใช้บทเฉพาะกาล ม.269 เพื่อให้อำนาจ ส.ว.หมดไป ไม่ต้องมีส่วนร่วมเลือกนายกฯอีก หรืออีกทางต้องเลือกตั้ง ส.ส.ร.จากประชาชน ร้อยละ 80 อีก 20 จากผู้ทรงคุณวุฒิ

“อ๋อย” รธน. ในฝันกองทัพต้องอยู่ใต้ รบ.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญในฝันที่อยากได้คือรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนจริงจังและเป็นจริง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่ายต้องถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องไม่เป็นอิสระจากประชาชน และไม่อยู่ใต้ผู้มีอำนาจ กระบวนการยุติธรรมต้องยึดโยงประชาชน วิพากษ์วิจารณ์ได้ ต้องกำหนดชัดว่ารัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเหนือกองทัพ ไม่ใช่ให้กองทัพเป็นอิสระจากรัฐบาลและรัฐสภา ทั้งนี้ควรตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ยกเว้นเงื่อนไขไพรมารีโหวตให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ส.ส. ได้ให้มีนายกฯใหม่มาจากการเลือกตั้ง นำไปสู่การแก้มาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการ ที่สำคัญต้องส่งเสริมการเคลื่อนไหวของนักศึกษาให้มีมากขึ้น ตลอดกระบวนการจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

ตร.อุ้ม “อานนท์-ไมค์” ทุลักทุเล

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีนายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และหนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย 2 ผู้ต้องหาคดีปลุกปั่นยุยง ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆรวม 7 ข้อหา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 7 ส.ค. ภายหลังศาลอาญามีคำสั่งคืนคำร้องฝากขังทั้งสองคนให้พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ แล้ว ขณะเจ้าหน้าที่จะนำตัวออกจากห้องควบคุม (ห้องเวรชี้) ชั้น 1 ใต้ถุนศาล นายอานนท์ได้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าใช้อำนาจอะไรมาควบคุมตัวต่ออีก พอจะผ่านกลุ่มผู้สนับสนุนก็หยุดเดินโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องชี้แจงกว่า 20 นาที แต่นายอานนท์ยังไม่ยอมเดิน จน ตร. 2-3 นาย ต้องประกบซ้ายขวายกตัวไปขึ้นรถตู้อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนยกโทรศัพท์ขึ้นบันทึกภาพตะโกนต่อว่าตำรวจ ส่วนไมค์ ระยอง ก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน หลังคุมตัวขึ้นรถตู้แล้ว อนุญาตให้ทนายความขึ้นไปด้วยพาไปควบคุมต่อที่ สน.ห้วยขวาง ชั่วคราวระหว่างรอพาตัวผู้ต้องหาทั้งสองมายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกใหม่อีกครั้งต่อศาลอาญาในวันรุ่งขึ้น

ยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาอีกรอบ

ขณะที่หน้า สน.ห้วยขวาง แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอกประมาณ 100 คน พร้อมเครื่องขยายเสียง มาปักหลักชุมนุมกันต่อบริเวณหน้าโรงพัก มีแกนนำสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีตำรวจ กล่าวหาควบคุมตัวผู้ต้องหาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันจะอยู่ชุมนุมเป็นเพื่อนผู้ต้องหาถึงเช้า กระทั่งเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ส.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ส่งศาลอาญาเพื่อฝากขังครั้งแรก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ส.ค.เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปชุมนุม กระทำความผิดเพิ่มเติม ต้องสอบเพิ่มอีกหลายปากและรอผลตรวจ โดยตำรวจ สน.ห้วยขวางวางกำลังเป็นแนวยาวจากประตูทางเข้าโรงพักถึงรถตู้ ระหว่างผู้ต้องหาเดินมาเกิดชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนพยายามฝ่าแนวตำรวจเพื่อไปจับมือให้กำลังใจ พอมาถึงหน้าศาลอาญามีกลุ่มมวลชนราว 200 คน มารวมตัวกัน มี “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวหารักษ์ เป็นแกนนำพูดเชิงต่อรองให้ศาลอาญาปล่อยตัวทั้งคู่ก่อนเที่ยง มวลชนต่างส่งเสียงโห่ร้อง ปรบมือเป็นระยะ

“อานนท์” ลั่นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา หลังมีประชาชนรวมตัวหน้าแผงเหล็กกั้นทางขึ้นศาลอาญา เจ้าหน้าที่นำป้ายข้อความข้อกำหนดศาลอาญามาติดไว้ เพื่อควบคุมมิให้ผู้ใดประพฤติตนรบกวนการพิจารณาคดีในศาล ฐานละเมิดอำนาจศาล ทั้งนี้ระหว่างรอศาลพิจารณาตามขั้นตอน ทนายความของศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า นายอานนท์ กำลังตัดสินใจจะประกันตัวหรือไม่ โดยเขียนจดหมายระบุว่า “ตอนนี้มีความกังวลของทีมทนายว่าศาลอาจส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำนครไชยศรี (ทุ่งสองห้อง) ความกังวลต่อมา คือ ก่อนหน้านี้ เคยมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาและเสียชีวิตภายในเรือนจำแห่งนี้ จึงปรึกษาทีมทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ฝากลุงป้าน้าอา ดูแลลูกหลาน นักเรียนนิสิตนักศึกษาด้วย ลงท้ายว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด # ให้มันจบที่รุ่นเรา ลงชื่ออานนท์ นำภา”

ศาลดับข่าวลือส่งเรือนจำทุ่งสองห้อง

เวลา 10.30 น. เกิดชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามดึงรั้วเหล็กจะเข้าในศาลอาญา หลังมีกระแสข่าวว่าอาจควบคุมตัวทั้งสองคนไปฝากขังเรือนจำ จนเจรจาต่อรองกันหน้ารั้วเหล็ก 15 นาที เจ้าหน้าที่ให้ตัวแทน 2 คน เข้าไปสังเกตการณ์ ต่อมานายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาล อาญา ลงมาดูความเรียบร้อยหน้าศาล และชี้แจงว่ากรณีการแชร์ข่าวว่าหากศาลอนุญาตให้ฝากขังและออกหมายขังจะนำผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมตัวที่เรือนจำนครไชยศรี เขตทุ่งสองห้อง เป็นข่าวลือ ไม่เป็นความจริง กรณีศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหามีสิทธิยื่นประกันตัวต่อศาลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ หากไม่ยื่นคำร้องขอประกันตัวหรือขอปล่อยตัวชั่วคราว จะถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป บ้านเมืองขณะนี้ยุ่งกันอยู่เเล้ว บางเรื่องต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ อย่างผู้ชุมนุมวันนี้ยืนยันว่ามองแบบหลักรัฐศาสตร์ จะดำเนินคดีหรือไม่ยังตอบไม่ได้

มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง

ต่อมาเวลา 15.30 น. ศาลมีคำสั่งฝากขังและคำคัดค้าน หลังไต่สวนพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้องและข้อคัดค้านแล้วเห็นว่า ตามป.วิ อาญามาตรา 78 วางหลักเกณฑ์ควบคุมตัวไว้เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เมื่อคดีนี้พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาวันที่ 7 ส.ค.63 เวลา 16.30 น. ต่อมานำตัวผู้ต้องหาและคำร้องมายื่นต่อศาลอาญาวันเดียวกันเมื่อเวลา 16.45 น. ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝากขังพ้นกำหนดเวลาราชการ จึงมีคำสั่งคืนคำร้องและให้รับตัวผู้ต้องหาคืนและให้ยื่นคำร้องภายใน 48 ชม.ตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอฝากขังเวลา 08.52 น. ยังอยู่ในระยะเวลาที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ตาม ป.วิอาญามาตรา 87 วรรคสาม มิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่าผู้ต้องหามีถิ่นที่อยู่และประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ มีข้อหาอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี ตามกฎหมายเมื่อเป็นกรณีที่ผู้ถูกจับไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและมีเหตุจำเป็นเพื่อการสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ โดยอ้างเหตุขออนุญาตฝากขังว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปากและรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือและผลการตรวจประวัติการต้องโทษ พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจขอสอบสวนพยานได้ เมื่อเป็นการร้องฝากขังครั้งที่ 1 พนักงานสอบสวนมีเวลาสอบสวนเพียง 48 ชม.กรณีนี้จึงมีเหตุจำเป็นเพื่อสอบสวนต่อไป ส่วนข้อคัดค้านอื่นไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามขอ

ให้ประกันตั้งเงื่อนไขห้ามทำผิดซ้ำ

ต่อมาเวลา 16.45 น. ศาลพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้งสองมีประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาทโดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไข ห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน

ลั่นลุยต่อทุกเวทีแก้ รธน.-บี้ยุบสภา

ภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายอานนท์กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลอาญาที่พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ ส่วนเงื่อนไขมีข้อเดียวคืออย่าไปทำอย่างที่เขากล่าวหา ตนกล่าวมาตลอดว่าชุมนุมด้วยความสงบมาตลอด ไม่มีการยุยงปลุกปั่น จุดยืนคือไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ไม่เอารัฐประหาร ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่มานอนรอหน้า สน.ห้วยขวาง ส.ส.พรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่เดิม พรรคเพื่อไทยและ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่แสดงความจำนงจะยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาอื่นอีก พร้อมต่อสู้ทั้งในและนอกสภาฯ จากนี้จะไปร่วมชุมนุมเฉพาะกิจกรรมที่ชอบโดยรัฐธรรมนูญ เวทีที่พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยุบสภาก็ดี พวกตนยินดีไปทุกเวทีทั่วประเทศ สิ่งที่เรียกร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลควรรับฟังและยุติการคุกคามพวกเราทุกรูปแบบ น้องๆเยาวชนที่ออกมาต่อสู้เป็นหน้าที่ของพวกเรา น้า ป้า ที่มาเป็นแนวร่วมต่อสู้ ต่อไปนี้ทุกคนจะเป็นกองหน้าร่วมกัน ถ้าจะรับฟังเสียงพวกเรา อย่าตั้งข้อหาพวกเรา เคารพในความเห็นต่าง

ม็อบปลดแอกมากันแน่นสกายวอล์ก

ขณะที่เวลา 16.00 น. ที่ลานสกายวอล์ก หน้าศูนย์การค้า MBK สี่แยกปทุมวัน กลุ่มประชาชนปลดแอก นัดแนวร่วมแฟลชม็อบ “ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส” กดดันให้ปล่อยตัวแนวร่วม 2 คน มีผู้ชุมนุมวัยรุ่นทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษาหลายร้อยคนเข้าร่วมจนแน่นเต็มพื้นที่ ก่อนเริ่มชุมนุม พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน นำกำลังจาก สน.ปทุมวันเข้ารักษาการณ์โดยรอบ พร้อมนำประกาศเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ สน.ปทุมวัน ที่ 172/2563 เรื่องให้เลิกการชุมนุมแจ้งต่อแกนนำให้รับทราบว่าไม่ได้ขออนุญาต ผิดกฎหมายและมีโทษท่ามกลางเสียงโห่ร้องตะโกนขับไล่ด้วยความไม่พอใจของกลุ่มผู้ชุมนุม

แกนนำโชว์ตัวชวนเพื่อนชุมนุมใหญ่16 ส.ค.

ต่อมาแกนนำได้ตั้งเวทีปราศรัยพร้อมเครื่องเสียงขนาดเล็ก กลางลานสกายวอล์ก มีแกนนำหลายคนที่มีข่าวว่าตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. มาแสดงตัว อาทิ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะเลขาธิการกลุ่ม น.ส.ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ คณะครุศาสตร์ จุฬาฯและนายสิรภพ อัตโตหิ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มธ.ในฐานะโฆษกกลุ่ม และเลขาธิการสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เป็นต้น โดยแกนนำกลุ่มได้ขึ้นเวทีสลับกันปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ตอกย้ำข้อเรียกร้อง ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมา แต่มวลชนยังคงปักหลักนั่งฟังปราศรัยอย่างเหนียวแน่น ระหว่างปราศรัยแกนนำได้ประกาศให้ทราบว่าแนวร่วม 2 คนได้รับการปล่อยตัวในชั้นศาล ผู้ชุมนุมต่างดีใจส่งเสียงเฮดังลั่น ก่อนชู 3 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาล และพร้อมใจกันตะโกนก้องว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ แล้วเชิญชวนให้ไปรวมพลังกันในการชุมนุมใหญ่วันที่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เด็กยโสฯ ร่วมต่อต้านเผด็จการ

ส่วนความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนิสิตนักศึกษาตามจังหวัดต่างๆ เมื่อเวลา 16.30 น.ที่โดมอเนกประสงค์ สวนสาธารณะพญาแถน เขตเทศบาลเมืองยโสธร กลุ่มประชาชนปลดแอกยโสธร ประกอบด้วยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมกลุ่มกันชุมนุมขับไล่รัฐบาลภายใต้กิจกรรม “ยโสธรบ่ออนซอนเผด็จการ” มีการเขียนป้ายข้อความ ปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล แห่บั้งไฟสัญลักษณ์ของจังหวัด พร้อมเรียกร้องข้อเสนอต่อรัฐบาล 5 ข้อ ได้แก่ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ประกาศยุบสภา 4.ปล่อยนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข และ 5.หยุดแผนพัฒนาที่ทำลายวิถีชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยมีตำรวจ สภ.เมืองยโสธร และตำรวจสันติบาลทั้งในและนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความเรียบร้อย

บุรีรัมย์-แม่กลองเชิญชวนแอนตี้ รบ.

ที่แยกสะพานยาว สวนรมย์บุรี อ.เมืองบุรีรัมย์ กลุ่มเลือกข้างประชาธิปไตย พร้อมนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายปรัญชญา ตรีกาญจนา แกนนำกลุ่มจัดแฟลชม็อบแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “เมืองภูเขาไฟ ไม่รับใช้เผด็จการ” มีการเขียนข้อความเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย เชิญชวนให้ผู้สัญจรผ่านไปมาเข้าร่วมต่อต้านรัฐบาล และมีการปราศรัยเรียกร้องประชาธิปไตย เวลา 19.10 น.ร่วมกันเปิดแสงไฟจากมือถือและร้องเพลง ก่อนแยกย้ายกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรง ส่วนที่หน้าธนาคารออมสิน สาขาสมุทรสงคราม อ.เมืองสมุทรสงคราม กลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนจัดกิจกรรม “รวมพลังคนแม่กลอง” ค่อนข้างเงียบเหงา มีฝนตกลงมาอย่างหนัก กลุ่มผู้ชุมนุมพากันนั่งชูป้ายแสดงจุดยืนขับไล่รัฐบาลก่อนแยกย้ายกันไป

กกต.โอ่ส่งทีมส่องทุจริต ลต.ปากน้ำ

เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุม อบต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมนายปฐมพงศ์ โพธิโต ผอ.กกต.สมุทรปราการ ตรวจเยี่ยมการส่งมอบตรวจรับวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จ.สมุทรปราการ โดยนายอิทธิพร กล่าวว่า จะใช้ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ตั้งไว้ 6 ท่านพร้อมผู้ช่วยลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ และมีชุดเคลื่อนที่เร็วของ กกต.ลาดตระเวนหาข่าวว่ามีการทุจริตหรือไม่ ประชาชนมีข้อมูลเบาะแสการทุจริตให้แจ้งมาที่ กกต.ได้

นายปฐมพงศ์ ผอ.กกต.สมุทรปราการ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ยึด “ลำปางโมเดล” จัด 4 คูหา 1 ในนั้นจะเป็นคูหาพิเศษ ก่อนเข้าหน่วยเลือกตั้งจะมี อสม.คัดกรอง ถ้าตรวจวัดอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาจะให้ใช้คูหาพิเศษ จากนั้นประสานสำนักงานสาธารณสุข จ.สมุทรปราการเข้าสู่ระบบทางการแพทย์