ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ สื่อทุกฉบับดูเหมือนจะฟันธงเป็นที่เรียบร้อยว่ารายชื่อรัฐมนตรีใหม่ ที่จะมาแทนคนเก่าๆ ที่ลาออกไปนั้นได้แก่ใครบ้าง ซึ่งถ้าเป็นจริงตามนั้น ผมก็เห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่ประเทศชาติไม่ถึงกับ “ขาดทุน” จนเกินไปนัก โดยเฉพาะใน 3 กระทรวงสำคัญที่ต้องสูญเสีย 3 กุมารไป
ผมเขียนถึงกระทรวงการคลังไปแล้วว่า ถ้าเป็นคุณ ปรีดี ดาวฉาย อย่างที่ข่าวระบุก็ถือว่า รับได้เลย เพราะท่านมาจากสายปฏิบัติ มีความรู้ทั้งด้านกฎหมายและการเงินงานธนาคาร
ที่สำคัญเคยผ่าน “สงครามเศรษฐกิจ” ครั้งใหญ่ ในยุค “ต้มยำกุ้ง” มาแล้ว ถือว่ามีประสบการณ์ในการฝ่าพ้นวิกฤติมาพอสมควร มีความเหมาะสมที่จะรับหน้าที่ขุนคลังในการศึกครั้งนี้
รายที่ 2 ที่จะมาแทนกุมารที่ 2 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งตามข่าวระบุว่า “บิ๊กตู่” หักดิบพรรคพลังประชารัฐ ไม่แต่งตั้ง คุณ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ตามที่เสนอมาและจะมอบหมายให้คุณ สุพัฒน์พงษ์ พันธุ์เชาวน์ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งนี้แทน
ก็เผอิญเป็นบุคคลอีกท่านหนึ่งที่ผมติดตามการทำงานและเคยสัมภาษณ์ท่านมาหลายๆครั้ง
ซึ่งหากเทียบกับผู้ที่ทางพรรคพลังประชารัฐเสนอตัวไปคือ คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผมก็เห็นว่าอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.น่าจะเหมาะสมกว่า รอบรู้และเข้าใจในปัญหาด้านพลังงานของชาติมากกว่า
สำหรับกระทรวงที่ 3 ที่เราต้องสูญเสียกุมารท่านที่ 3 ไป อันได้แก่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.นั้น ในตอนแรกๆ ผมมีความห่วงใยมากที่สุด
...
เพราะในความเห็นของผม กระทรวงนี้เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวเดินต่อไปสู่อนาคตอันยาวไกลข้างหน้า
เป็นกระทรวงที่จะสร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศเราให้ก้าวทันโลก เป็นกระทรวงที่จะมุ่งหน้าสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้ประเทศไทยเราก้าวไปสู่ความเป็น 4.0 ตามที่ฝันไว้
คนที่เหมาะที่สุดก็คือ กุมารที่ 3 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เจ้าตำรับ “4.0” ที่อยู่เบื้องหลังในการ “ยำใหญ่” สร้างกระทรวงนี้ขึ้นมาจากหลายๆ งานของหลายๆกระทรวงในอดีตนั่นแหละครับ
พอได้ยินข่าวช่วงแรกๆ ว่าพรรคจะส่งใครก็ไม่ทราบ ซึ่งน่าจะอยู่ระดับ 1.0 หรืออย่างเก่งก็ 2.0 มาอยู่กระทรวงนี้ ผมจึงหายใจไม่ทั่วท้อง
ล่าสุด ข่าวว่าจะเป็น ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหาร พรรครวมพลังประชาชาติไทย ผมก็ค่อยโล่งใจ
เท่าที่ผมรู้จักเช่นกัน ดร.เอนกคงแทนที่ ดร.สุวิทย์ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ท่านก็เป็นบุคคลที่มีความคิดความอ่าน มีวิสัยทัศน์และมีความเข้าใจอย่างดียิ่งเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาประเทศไทย
ท่านเป็นนักวิชาการ เป็นนักรัฐศาสตร์ และรู้ว่าความสำเร็จของประเทศชาติในอนาคตจะมาจากอะไรบ้าง?
แม้ผลงานของกระทรวง อว.จะไม่ใช่เรื่องปัจจุบันทันด่วนที่จะมีส่วนในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในปัจจุบันมากนัก แต่การปูพื้นฐานเอาไว้สำหรับอนาคตก็มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
ได้ท่านไปว่าการกระทรวงนี้ย่อมดีกว่า หรือเหนือกว่าบุคคลที่มีการเอ่ยชื่อแรกๆแน่ๆ
สรุปว่าสำหรับการเปลี่ยนใน 3 ตำแหน่งนี้ ในความเห็นของผมถือว่ารับได้ครับ และดูจะมี “กำไร” เล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 3 ท่านเก่าที่อำลาไป และที่มีการคาดหมายว่าคนโน้นคนนี้จะมาแทนในตอนแรก
แต่ก็อย่างว่าแหละ สถานการณ์เศรษฐกิจจากนี้ไปจะหนักมาก ในขณะที่ปัญหาอื่นๆก็รุมเร้าเข้ามามาก ลำพัง 3 ท่านที่เอ่ยมานี้คงจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ลงท้ายแล้วคณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะต้องช่วยกัน ต้องรวมพลังเป็น 1 เดียวกันให้ได้ และบิ๊กตู่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็จะต้องเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ช่วงนี้ประเทศไทยเหมือนเครื่องบินกำลังจะเข้าสู่แดนพายุ หรืออากาศแปรปรวนที่รุนแรงก็คงต้องฝากชีวิตและความหวังทั้งหมดทั้งมวลไว้ที่กัปตันและผู้ช่วยกัปตันนี่แหละครับ
พวกเราที่เปรียบเสมือนผู้โดยสารก็คงทำได้เพียงแค่รัดเข็มขัดแน่นๆ แล้วก็หลับตาสวดมนต์เท่านั้นเอง.
“ซูม”