ก็ถือเป็นข่าวน่ายินดี คุณพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 พร้อมด้วยกรรมาธิการร่วมกันแถลงข่าว ที่ประชุม กมธ.มีมติเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องมีการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 ได้ง่ายขึ้น หากไม่แก้ไขมาตรานี้ ก็ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนอื่นได้ กมธ.ยังเห็นตรงกันว่า หากเป็นไปได้จะต้องมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อาจจะต้องเสนอให้ตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และหากเป็นไปได้ กมธ.จะเพิ่ม หมวดการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเข้าไปอีกหนึ่งหมวด ก็แล้วแต่รัฐบาล หากรัฐบาลไม่แก้ เราก็ทำอะไรไม่ได้

คุณพีระพันธ์ แถลงด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิและมีความเป็นเจ้าของมากขึ้น แปลไทยเป็นไทยก็คือ คนไทย 68 ล้านคน จะได้เป็น “พลเมืองชั้นหนึ่ง” ของประเทศไทยเสียที

คุณโภคิน พลกุล ที่ปรึกษากรรมาธิการฯ ก็ร่วมแถลงด้วยว่า การแก้ไขมาตรา 256 จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ยุ่งยาก เขามีความเห็นว่า ควรตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เหมือนปี 2534 ที่ใช้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 จนเป็น รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ทำให้ประเทศไทยออกจากวิกฤติการเมือง “พฤษภาทมิฬ” ได้สำเร็จ หากแก้ไข มาตรา 256 ได้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน ก็จะได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และใช้เวลาอีกประมาณปีครึ่งในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คนไทยก็จะได้ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ที่แท้จริง แทนฉบับปัจจุบันที่ยกร่างโดย กมธ.ชุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่สนองการสืบทอดอำนาจ คสช. จนทำให้บ้านเมืองและการเมืองติดขัดไปหมด

...

มาตรา 256 ใน รัฐธรรมนูญ 2560 คือตราสังข์ที่ กมธ. ชุด นายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ร่างขึ้นมา กักขังรัฐธรรมนูญ 2560 ไว้ไม่ให้มีการแก้ไขได้โดยง่าย โดยกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นเงื่อนไขการแก้ไขไว้ถึง 9 ข้อ เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ข้อ 3 และข้อ 6 ว่าด้วยเรื่องการออกเสียงลงคะแนนดังนี้

“(3) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วย การแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องมีวุฒิสมาชิกเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา”

“(6) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สาม ขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วย ในการที่จะออกใช้รัฐธรรมนูญ มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา โดยในจำนวนนี้ ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน และ มีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา”

อ่านมาตรานี้ทีไร ก็ให้รู้สึกสมเพชคนที่คิดวิธีการลงคะแนนที่ซับซ้อนแบบนี้ขึ้นมา ไม่รู้ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไร ชาตินี้จึงมีสมองที่คิดอะไรได้แบบนี้

ความเสียหายของประเทศชาติ จาก รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านมา ปีเศษ คนไทยได้เห็นแล้ว เดือดร้อนกันสาหัสแล้ว รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ได้ รัฐบาลผสมเสียงข้างน้อย นายกฯก็ขาลอยไม่เด็ดขาด ผลประโยชน์ ของชาติถูกต่อรองกับเก้าอี้รัฐมนตรี แม้ในยามที่ประเทศชาติประสบภัยพิบัติไวรัสระบาด เศรษฐกิจติดลบ 8.5% นักการเมืองเสือหิวก็ไม่สนใจ ถ้าไม่รีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเร็ว คงได้เห็นประชาชนลงถนน อีกครั้งแน่นอน.


“ลม เปลี่ยนทิศ”