ฝ่ายค้านเร่งดันญัตติแก้ รธน. ฉะ “บิ๊กตู่” อย่าลอยตัวเหนือปัญหา เพื่อไทยหวังริบดาบ ส.ว.เลือกนายกฯ “เทพไท” ลั่นถึงเวลาต้องแก้ ม.256 ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพส่งสัญญาณถึง ส.ว.ลากตั้งอย่าขวาง “นิกร” หนุนปลดกุญแจดอกแรก “สมชาย” แตะเบรกชี้ควรแก้เป็นรายประเด็น “เสรี” ขวางตั้ง ส.ส.ร.ตีเช็คเปล่าล้มกระดาน ส.ว. กร้าวไม่ยอมตามแรงกดดัน “กรณ์” กระทุ้ง รบ.ไม่มีเวลาฮันนีมูนแล้ว จี้ “ลุงตู่” ตั้งแม่ทัพทีม ศก.ตัวจริง “พิชัย” แซะตั้ง “ปรีดี” ก็ช่วยไม่ได้ ทีม กทม.ยังตื๊อ “ชัชชาติ” ลงชิงผู้ว่าฯจากกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ สรุปผลการศึกษาและมีมติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เป็นประตูนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิความเป็นเจ้าของมากขึ้น

 

ฝ่ายค้านเร่งดันญัตติแก้ รธน.

...

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ) มีมติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรแก้รัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้งใหม่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีประโยชน์ และจะสำเร็จได้รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ ให้นักการเมืองทั้งสภาร่วมมือกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ควรนิ่งดูดาย ปมปัญหาคือเรื่องอำนาจของ ส.ว.ที่มากเกินไป สามารถเลือกนายกฯได้ รวมถึงการกำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นอันตรายและล็อกตายการพัฒนาประเทศ เห็นได้จากการจัดทำงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ลอยตัวเหนือปัญหา คาดว่าในสัปดาห์หน้าพรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติด่วนต่อสภา เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากทุกฝ่ายเห็นด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเร็ว และชี้แจงต่อสังคมได้

หวังริบดาบ ส.ว.เลือกนายกฯ

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาของนิสิต นักศึกษา ผสานไปกับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ ดูจากรูปการณ์มาถึงเวลานี้ ทุกกลุ่มมีจุดยืนเดียวกัน พร้อมยกระดับการเคลื่อนไหว บ่งชี้ถึงความพร้อมและแสดงถึงความต้องการชัดเจนว่า การตอบสนองต้องรวดเร็ว ดังนั้นฝ่ายการเมืองต้องเร่งตอบสนอง ประชาชนเขารู้เท่าทันอ่านเกมกันออก จะมาโยกโย้ไม่ได้ เพราะอาจนำไปสู่วิกฤติซ้อน วิกฤติ จนเป็นความโกลาหลวุ่นวาย เมื่อนั้นรัฐบาลคงไปต่อไม่ได้ และคาดการณ์ไม่ได้ว่าสถานการณ์จะยุติลงแบบใด ดังนั้นรัฐบาลต้องรวดเร็วในการจัดการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีกติกาการเลือกตั้งที่เสรีภาพเป็นธรรม ที่สำคัญคือต้องไม่ให้ ส.ว.มาเป็นอุปสรรคของการเลือกตัวนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้นเดินหน้ายุบสภาไปสู่โหมดการเลือกตั้ง หากดำเนินการได้ตามแนวทางนี้ เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ครรลองประชาธิปไตย

“เทพไท” ลั่นถึงเวลาแก้ ม.256

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ มีข้อสรุปถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน โดยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มหมวดการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นข้อสรุปที่สังคมคาดหวัง และตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของนักศึกษา 3 ข้อ คือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.ยุบสภา 3.หยุดคุกคามประชาชน รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมาเกือบ 2 ปีแล้ว เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ และปลดล็อกการชุมนุมรายวันของกลุ่มนักศึกษาด้วย ขอเสนอให้รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพ ด้วยการส่งสัญญาณถึง ส.ว.ทั้ง 250 คน ขอความร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เปิดทางให้ตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญที่ ยึดโยงกับประชาชน เมื่อมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชา– ธิปไตยอย่างแท้จริง ก็เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อเลือกตั้งใหม่ต่อไป

“นิกร” หนุนปลดกุญแจดอกแรก

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นข้อสรุปที่ กมธ.ตกลงร่วมกัน และ เห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายเรื่องต้องแก้ และเกี่ยวพันเกือบทุกหมวดในรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้แก้มาตรา 256 ก่อน เพราะเป็นกุญแจดอกแรก ถ้าไม่เริ่มที่มาตรา 256 เปิดทางให้ตั้ง ส.ส.ร.ส่วนอื่นที่เป็นปัญหาจะแก้ไม่ได้เลย จากนั้นให้เป็นหน้าที่ ส.ส.ร.มาดูรายละเอียดต่อไป คิดว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นทางออกที่ดี ทำให้ ส.ว.ชุดนี้ที่มีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญคลายความกังวลใจลง เพราะ กมธ.ไม่ได้ชี้ว่าจะตัดอำนาจใดของ ส.ว.หรือไม่ แต่ยกหน้าที่ให้ ส.ส.ร.พิจารณา กว่าจะถึงขั้นตอนดังกล่าวอาจใช้เวลาอีกเป็นปี ถึงเวลานั้น ส.ส.ร.อาจมีความเห็นให้ ส.ว.ชุดนี้อยู่ครบวาระ 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลก็ได้ นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้แก้ไขส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด พ่วงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขไปพร้อมกับมาตรา 256 เพราะที่ผ่านมาระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้พิสูจน์แล้วว่ามีปัญหาจริง

“สมชาย” ให้แก้เป็นรายประเด็น

ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า กรณี ส.ว.บางส่วนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความเห็นของแต่ละบุคคล แต่วุฒิสภายังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้เพราะยังอีกไกล กมธ.วิสามัญฯชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะให้ตั้ง ส.ส.ร. หรือให้ทำในลักษณะใด ส่วนตัวตนเห็นว่าหากจะแก้ไข ต้องไปดูรายประเด็น ที่จะทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า โดยเฉพาะประเด็นที่สังคมเห็นว่าต้องเปลี่ยนแปลง หรือกฎหมายฉบับใดที่ใช้แล้วเกิดติดขัด แต่ต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติมาแล้ว ดังนั้น ประเด็นที่เป็นโครงใหญ่ของรัฐธรรมนูญควรคงอยู่ในหลักการ ส่วนประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงทั้งเรื่องที่มา ส.ส. และ ส.ว. รวมถึงการทำงานขององค์กรอิสระ ถ้ามีประเด็นแค่นี้คิดว่าไม่จำเป็นต้องตั้ง ส.ส.ร. รัฐธรรมนูญปี 60 เดินมาไกลแล้ว ถ้าเห็นว่ามีปัญหาที่ประเด็นไหนก็ควรแก้ตรงนั้น

นศ.–รบ.–ฝ่ายค้าน–ส.ว.จับเข่าคุย

เมื่อถามว่า ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ไม่ห่วงเรื่องข้อเสนอ หรือวิธีคิดของกลุ่มนิสิตนักศึกษาเพราะเป็นข้อเสนอที่เป็นประชาธิปไตย ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้ง หรือความวุ่นวาย หากไม่มีปัจจัยอื่นหรือไปกระทบกับสิ่งที่เป็นอันตราย แต่ขอฝากแกนนำกลุ่มนิสิตนักศึกษาว่าให้ระมัดระวังบุคคลที่เข้าไปแอบอ้าง ทั้งทางสื่อโซเชียล หรือการถือป้ายถ่ายรูปในจุดชุมนุม เพื่อพยายามสร้างให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงเหมือนในอดีต ประเทศเรามาไกลแล้ว และกำลังมีปัญหาหลายเรื่องที่ต้องเผชิญร่วมกัน ทั้งภัยโควิด-19 พิษเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าปัญหาทางความคิดจะแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ และอยากเห็นเวทีการร่วมกันพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นระหว่างนักศึกษา ตัวแทนของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.

“เสรี” ขวางล้มกระดาน ส.ว.

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า ตามข้อเสนอของ กมธ.วิสามัญฯให้แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เปิดทางไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯหรือไม่ การให้ ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น กมธ.พัฒนาการเมืองฯเห็นว่าต้องมีเป้าหมายก่อนว่าต้องการแก้ไขประเด็นใดบ้าง และให้ ส.ส.ร.ไปยกร่างแก้ไข ไม่ใช่ให้ ส.ส.ร.ไปคิดเองตามใจชอบ ถ้าจะตีเช็คเปล่าโดยไม่มีเป้าหมายจะแก้เรื่องใด แสดงว่ายังไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ส.ว.คงไม่เอาด้วย จะไม่ร่วมมือเสนอแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะถ้าจะมาแตะเรื่อง ส.ว.ทั้งการยกเลิก ส.ว. หรือไม่ให้มีอำนาจเลือกนายกฯตามที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ต้องการนั้น ส.ว.คงไม่ยอม เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ว.อยู่ในตำแหน่ง 5 ปี เพื่อติดตามการปฏิรูปประเทศ เรายึดหลักการตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ใช้ม็อบมากดดัน แต่ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่มีเรื่อง ส.ว.ค่อยมาคุยกัน

“กรณ์” กระทุ้งไม่มีเวลาฮันนีมูน

วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล โดยเฉพาะมีการปรับทีมเศรษฐกิจใหม่ ว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติสังคม มีปัญหาร้อยแปด รัฐบาลควรสื่อสารให้ประชาชนรับทราบว่าหลังการปรับ ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับอะไรบ้าง ให้ประชาชนรู้สึกว่าได้ประโยชน์จากการปรับ ครม. ตอนนี้ประชาชนมองเป็นการปรับเพื่อนักการเมือง แย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกัน และเมื่อ ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาต้องทำงานทันที ในช่วงวิกฤติไม่มีเวลาเรียนรู้งาน ย้ำอีกครั้งว่าขอให้รัฐบาลเตรียมแก้ปัญหาการว่างงาน การช่วยเหลือเอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ ที่เป็นนายจ้างส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ถ้าเอสเอ็มอีไปไม่รอด เศรษฐกิจก็ไม่รอด คนตกงานเพิ่ม รวมถึงต้องกล้ารื้อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ที่นำไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดจากวิกฤติโควิด โครงการไม่เร่งด่วน ไม่เป็นไปตามโครงการงบประมาณ ปกติ ต้องยกเลิกทั้งหมด

จี้ “ลุงตู่” ตั้งแม่ทัพทีม ศก.ตัวจริง

“ที่สำคัญเอกภาพการทำงานของรัฐบาลยังมีความแตกแยกระหว่างพรรคร่วม แล้วรัฐบาลจะมีพลังขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร กระทรวงเศรษฐกิจกระจายอยู่หลายพรรค มีจุดที่น่าเป็นห่วงคือไม่ชัดเจนว่าใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องเป็นคนรู้เรื่องเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลให้ชัดเจน แบบนี้จะเดินหน้ากันอย่างไร ด้วยความเคารพนายกฯ ที่มีความถนัดเรื่องอื่นมาก แต่ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ ดังนั้น ถึง เวลาต้องกำหนดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลให้ชัดเจน” นายกรณ์กล่าว

“พิชัย” แซะตั้ง “ปรีดี” ก็ช่วยไม่ได้

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ดูจากรายชื่อ ครม.ที่จะเข้ามาใหม่ตามที่ถูกคาดหมายแล้ว เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และเศรษฐกิจไทยจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เช่น การเลือกนายปรีดี ดาวฉาย มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.คลัง คงไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักขณะนี้ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถมาก ต้องมีเครดิตสูง แต่นายปรีดีไม่เคยมีผลงานในการบริหารเศรษฐกิจมาก่อน และไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดในการแก้เศรษฐกิจให้ประจักษ์ ในส่วนของ รมว.แรงงาน และ รมว.การอุดมศึกษาฯ เป็นตามที่พรรค การเมืองเสนอมา ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีอย่างหนัก ยังคงมีชื่อจะได้เป็น รมช.แรงงาน ต้องดูว่าจะทำผลงานได้ดีขนาดไหน จากภาพรวมรัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ประกาศย้ำว่าจะยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต่อไปจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะตั้งแต่เป็นมาเศรษฐกิจไทยก็ดิ่งเหวมาตลอด รัฐบาลบริหารล้มเหลวในทุกด้าน ยิ่ง อยู่นานประเทศยิ่งเสื่อมโทรม ทางที่ดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกโดยเร็ว ให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาแทน

ทีม กทม.ยังตื๊อ “ชัชชาติ” ชิงผู้ว่าฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ช่วงเย็นวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมติดตามการทำงานของ ส.ส.กทม. อดีต ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก. พรรคเพื่อไทย มีผู้ร่วมกว่า 60 คน ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค มีแกนนำภาค กทม. อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ก. และผู้ว่าฯ กทม. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. เข้าร่วม ที่ประชุมได้พูดคุยถึงแนวทางการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เสียงส่วนใหญ่ยังอยากให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม เปลี่ยนใจมาลงสมัครในนามพรรค เพราะถือเป็นบุคคลที่เหมาะสม สมาชิกทุกส่วนใน กทม.พร้อมสนับสนุน โดยขอให้นายวิชาญโทรศัพท์ไปหานายชัชชาติเพื่อโน้มน้าวให้ลงมาสมัครในนามพรรคเพื่อไทยอีกรอบ แต่นายชัชชาติยังคงยืนกรานปฏิเสธ

“วัฒนา” เหน็บสงสัยกลัวถูกไล่ล่า

ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ก่อนการเลือกตั้งปี 2554 คนในพรรคเพื่อไทยและคนทั่วไปไม่มีใครรู้จักนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่งตั้งให้นายชัชชาติเป็น รมว.คมนาคม ตอนรัฐบาลเสนอ พ.ร.ก.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท นายชัชชาติได้โอกาสแสดงบทบาทชี้แจงทำให้ประชาชนที่ดูการถ่ายทอดสดประทับใจ และรู้จักนายชัชชาติตั้งแต่บัดนั้นมา เมื่อรัฐบาลประกาศจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ภายในปี 2563 ที่ประชุมภาค กทม. เห็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องส่งผู้สมัครในนามพรรคเพื่อรักษาฐานเสียงและให้เกียรติชาว กทม. พวกเราเห็นว่าต้องให้โอกาสนายชัชชาติ แต่ทราบจากสื่อว่านายชัชชาติปฏิเสธ ยังคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่ปฏิเสธ สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ พรรคตั้งใจจะเสนอชื่อเป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ได้ตั้งใจให้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่คุณหญิงสุดารัตน์ก็มีหน้าที่ต่อพรรคที่ต้องไปหาผู้สมัครมาลงในนามพรรคให้ได้ ถ้าไม่สามารถหาผู้ที่เหมาะสมได้ ก็ต้องรับผิดชอบต่อพรรค ยังเชื่อว่าคนอย่างคุณหญิงสุดารัตน์คงพร้อมที่จะสู้กับพรรค ไม่ว่าในยามที่พรรครุ่งเรือง หรือเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า ศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นนักการเมืองวัดกันตรงนี้

ดีอีเอสเปิดช่องรับร้องเว็บหมิ่นฯ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดช่องทางให้ประชาชนร่วมกันช่วยสอดส่องดูแลเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ที่มีการกระทำผิดกฎหมายทางออนไลน์ หรือผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “อาสา จับตา ออนไลน์” www.facebook.com/DESMonitor  เป็นช่องทางรับแจ้งข้อมูลจากภาคประชาชน มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง พิจารณาข้อมูลร้องเรียนตามข้อกฎหมายและตอบกลับ แนะนำวิธีการแก้ปัญหาต่างๆในสื่อสังคมออนไลน์ ขณะนี้ได้พัฒนาระบบรับเรื่องร้องเรียนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียง 48 ชั่วโมง รวบรวมหลักฐานเพื่อขอคำสั่งศาล และส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปิดหรือลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

เด็กสุราษฎร์ฟาดเผด็จการ

ที่บริเวณสะพานนริศ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กลุ่ม เยาวชนใช้ชื่อ “สุราษฎร์จะฟาดเผด็จการ” ประมาณ 70 คน ในชุดขาว-ดำ สวมหน้ากากอนามัย รวมตัวกลางสายฝนเขียนข้อความลงผืนผ้าและประกาศเจตนารมณ์ในการชุมนุม เรียกร้องให้ 1.ให้ยุบสภา คืนอำนาจจัดการเลือกตั้งใหม่ 2.หยุดคุกคาม ลิดรอน สิทธิเสรีภาพประชาชน และ 3.ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากตัวแทนของประชาชน โดยมี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำตำรวจประมาณ 100 นาย ดูแลความเรียบร้อย การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสลายตัวแยกย้ายกลับ

แกนนำปราจีนฯผวายกเลิกนัด

วันเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Biw Chonghuangklang โพสต์ข้อความเชิญชวนชาวปราจีนบุรีร่วมแสดงจุดยืนในกิจกรรม“ศรีมหาโพธิคู่บ้านแต่ไม่อยู่คู่เผด็จการ” บริเวณลาน ร.5 ต่อมาเวลา 17.00 น. ปรากฏว่าเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวแจ้งยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อม ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังคนใกล้ชิดกลุ่มจัดกิจกรรม ได้รับแจ้งสาเหตุว่ามีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานติดตามตัวแกนนำจนไม่กล้าออกมา ทางด้าน พ.ต.อ.กลยุทธ ด่อนแผ้ว ผกก.สสงภ.จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่าได้รับแจ้งจากผู้จัดกิจกรรมว่าได้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว แต่ตำรวจยังต้องจัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ดูแลพื้นที่จัดงานตามกำหนดการ

ราชบุรีขอกำหนดอนาคตเอง

ที่ อ.เมืองราชบุรี กลุ่มเยาวชนปลดแอกราชบุรี กว่า 200 คน สวมเสื้อสีดำรวมตัวชุมนุมที่บริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ทำกิจกรรม “เราไม่ทนอีกต่อไป” เรียกร้องไม่เอาเผด็จการโดยมีตัวแทน 4 คน สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล ท่ามกลางการดูแลของทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กว่า 100 นาย ที่วางกำลังรอบพื้นที่ เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายธีรชัย ระวิวัฒน์ อายุ 21 ปี แกนนำนักศึกษารายหนึ่ง กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการสร้างสถานการณ์ หรือสร้างความปั่นป่วนใดๆ ต้องการมาอธิบายว่าทำไมเด็กอย่างเราถึงออกมา เป้าหมายเราคือต้องการทวงคืนอนาคตที่เราจะเป็นคนกำหนดเอง ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกหรือ ล้างสมองเรา เด็กอย่างเราไม่มีความคิดทำให้ประเทศวุ่นวาย เราเจอความวุ่นวายในประเทศมากว่า 10 ปี จึงไม่อยากให้กลับไปเป็นแบบนั้น และต้องการหาอนาคตที่สวยงามเหมือนกับที่เราฝันหวังไว้