“ประยุทธ์ออกไป ประยุทธ์ออกไป ประยุทธ์ออกไป”
เสียงตะโกนสั้นๆกับสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วเดิมๆ แต่รอบนี้มันดังกังวานไปถึงโสตประสาทของผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม
กระตุกต่อม “สะท้าน” กับพลังมวลชนไม่ทน “ขุมอำนาจ 3 ป.”
นั่นก็เพราะเงื่อนไขสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะกระแส “ขาลง” หมดเวลา “ขาขึ้น”
โดยปรากฏการณ์ขับเคลื่อนอย่างทรงพลังของกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือ “Free YOUTH” กลับมา “รีสตาร์ต” จัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้ยุบสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ยื่นคำขาด รอคำตอบภายใน 2 สัปดาห์
กระแส#เยาวชนปลดแอก แซง#กราดยิงโคราช ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ ตามภาพข่าวการลุกพรึบพรับตามหัวเมืองใหญ่ กลุ่มแนวร่วมเยาวชนปลดแอกเนืองแน่นประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ รวมไปถึงจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำ
“แฟลชม็อบ” นักศึกษาปัญญาชน ที่พักรบโควิด-19 กลับมาใหม่อย่างมีพลานุภาพ
ภายใต้การจัดการอย่างมีระเบียบแบบแผนกว่าที่ผ่านมา สังเกตได้จากการที่แกนนำยุติการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมาแบบกลางคัน เพื่อสกัดกั้นพวกฮาร์ดคอร์ เบรกคิวพวกหมิ่นเหม่สถาบัน และป้องกันไอ้โม่งมือที่สอง มือที่สาม ที่พยายามแทรกเข้าป่วนความชอบธรรมม็อบ
กรอง “พลังบริสุทธิ์” แบบเพียวๆของมวลชนคนรุ่นใหม่
“เยาวชนปลดแอก” ไม่ใช่แค่ม็อบมุ้งมิ้ง แบบทหารตุ้งติ้งเย้ยหยัน
นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า พลังไฟของมวลชนคนรุ่นใหม่มันได้เชื้อเน่าๆการเมืองพันธุ์เก่าเป็นตัวจุดชนวน “เพิ่มระดับความชอบธรรม” ตามจังหวะสถานการณ์
...
เทียบกับปรากฏการณ์พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ข่าวการเมืองปี 2563 เหมือนย้อนกลับไปในอดีตกาล 40-50 ปี ไร้พัฒนาการ ในอารมณ์ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ที่ประกาศพร้อมบริหารแบบ “new normal” แต่เอาเข้าจริงก็แบะท่าแบไต๋
จำเป็นต้องปรับ ครม.ตามวิถีการเมือง
เมื่อหนีไม่พ้นเรื่องโควตา แจกเก้าอี้กันตามพลังเสียง ส.ส. ก็แปะข้างฝาชื่อ “แฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย ต้องได้ประเดิมเก้าอี้รัฐมนตรี เช่นเดียวกับ “เฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่เกี่ยงแค่จะนั่ง รมว.แรงงานเท่านั้น โปรไฟล์บริหารไม่ต้องพูดถึง เน้นแค่คุณสมบัติ “ใจถึงพึ่งได้” ถูกใจพระเดชพระคุณ ส.ส.ในพรรคและกองเชียร์นอกพรรค
และช็อตที่จะ “หักหน้า” พล.อ.ประยุทธ์อย่างจังก็คือคิวของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ขาใหญ่ก๊วนสามมิตร ที่ชิงปิดกล่องผ่านสื่อ ยึดสัญญาใจกับ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ มัดคอยึดเก้าอี้ รมว.พลังงาน ไม่สนกระแสต้าน ไม่แคร์ปัญหาภาพโปร่งใส
ตามรูปการณ์ สั่งข้าวต้มรอล่วงหน้าได้
ในอารมณ์แบบที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฟันธงการปรับ ครม.ชุดใหม่ จะออกมาในรูปแบบที่ชาวบ้านร้องยี้กันทั่วประเทศ
นายกฯต้องยอมให้เกิดการต่อรอง เพียงเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจต่อ
คนข้างนอกยังอ่านไต๋ขาด มีหรือ “บิ๊กตู่” จะไม่รู้อยู่แก่ใจ
ขนาดแค่แข็งขืนยืนยันชื่อ “ยาสามัญประจำหลังบ้าน” อย่างนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร มากั๊กเก้าอี้ รมว.พลังงาน เป็นโควตากลางของนายกรัฐมนตรี
ยังเจอแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ โดน “ทนายหน้าหอ” อย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวจี๊ด พปชร. ตัดบทออกอากาศ เป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอคนนอกที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ของพรรคเข้ามารับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ที่เป็นโควตาของพรรคตามสัดส่วนที่มีการจัดสรรไว้แล้ว
อ้างชื่อของนายไพรินทร์ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากเคยเป็นผู้บริหาร บมจ.ปตท.มาเป็นรัฐมนตรีที่ต้องกำกับดูแล ปตท. จะตอบคำถามสังคมอย่างไร
ว่าแล้วก็แบไต๋แบบไม่กั๊กไม่เม้ม ดันก้น “สุริยะ” มีคุณสมบัติครบถ้วน จบด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ สหรัฐอเมริกา และยังเป็นนักธุรกิจมีความรู้ความสามารถ
“ทนายหน้าหอ” หนุน “สุริยะ” หักหน้า “บิ๊กตู่” ออกอากาศ
โอกาสล้อกับมุกตลกร้ายของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส.ที่โพสต์ถามตอบหัวข้อ “ประยุทธ์ 2 กับ วิกฤติเศรษฐกิจ” เปรียบ “บิ๊กตู่” มีสภาพเป็นพระเอกลิเกคณะ “พ่อประชารัฐ” เชิญมาร้องรำหน้าม่าน ปลายปีจะเจอวิกฤติของจริง บวกด้วยกระแสไม่ไว้วางใจทั้งบนถนนและในสภา เมื่อใดก็ต้องลาโรง รำไม่ออกแน่ๆ
สี่กุมารและหัวหน้าคณะ โชคดีมากๆที่หลุดออกมาได้เสียก่อน ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ
พระท่านยังคุ้มครองอยู่!!!
ทีมข่าวการเมือง