“ทิพานัน” อวย ส.ส.พลังประชารัฐ ทำการบ้านมาดีอภิปรายงบ 64 รอบด้าน มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ-ยกระดับคุณภาพชีวิต เตรียมลุยลงพื้นที่แก้ปัญหาปากท้องประชาชนตามนโยบายเร่งด่วนของหัวหน้าพรรคคนใหม่
วันที่ 4 ก.ค. 2563 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ว่า ในส่วนของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน เป็นตัวแทนสะท้อนเสียงของประชาชน เพราะตระหนักดีว่าเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีจำนวน ส.ส. 119 คน และขอขอบคุณประชาชนที่ส่งเสียงคำแนะนำคำติชมมายังพรรค และมั่นใจว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะทำหน้าที่ในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 โดยศึกษาและเสนอข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแน่นอน
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อไปว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ รอบด้าน และสมกับที่ทำการบ้านกันมาอย่างหนัก อภิปรายงบประมาณเพิ่มเติมประเด็นจากการลงพื้นที่ฟังข้อทุกข์ร้อนของประชาชน ล้วนเป็นแนวทางการสร้างให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว สอดคล้องครอบคลุมกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาลให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
“ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 จำนวน 72 คน โดยพรรคพลังประชารัฐ จะมีตัวแทน 13 คน เพื่อรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากประชาชน โดย ส.ส. ทั้งหมดของพรรคจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการร่วมพิจารณาเพื่อให้งบประมาณปี 2564 มีการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการจัดสรรงบประมาณปี 64 อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม”
...
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะทำการลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ ส.ส. ทุกคนร่วมมือกันรับฟังปัญหาทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน มานำเสนอกับทางพรรค เพื่อท่านจะได้ทราบและเดินหน้าทำนโบายเพื่อประชาชนอย่างตรงจุด และเพื่อช่วยเหลือความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าและแก้ปัญหาในระยะสั้นโดยเฉพาะผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเข้าถึงและทั่วถึงต่อไป.