จืดชืดผิดธรรมชาติการอภิปรายร่างกฎหมายงบประมาณฯ
บรรยากาศการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท วาระแรก ที่ไม่จี๊ดจ๊าดดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนเก่า จนต้องมีเรื่องผีๆเข้ามาสลับฉากการอภิปรายให้มีสีสันยิ่งขึ้น
ดูตามรูปการณ์แล้วคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงฝ่ายรัฐบาลที่กุมเสียงข้างมากเหนือ
ฝ่ายค้านหลายช่วงตัว ยังไงก็คงผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายปี 2564 วาระ 2-3 ไปได้ในที่สุด
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ใกล้ได้งบฯมโหฬารไว้เตรียมรับมือสึนามิเศรษฐกิจที่ฝ่ายค้านทำนายภาวะเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ขั้นมหาวิกฤติในช่วงเดือน ต.ค.
สอดรับเค้าลางที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติปรับลดตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทยตลอดปี 2563 อาจติดลบสูงสุด 8% จากเดิมคาดการณ์จะติดลบสูงสุดแค่ 5%
ถึงรัฐบาลจะคลายล็อกดาวน์ให้หลายภาคธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติ แต่กำลังซื้อของคนไทยยังอ่อนแรง การส่งออกเผชิญความไม่แน่นอนจากโควิด-19 และการท่องเที่ยวยังชะลอตัว
ประเทศไทยส่ออาการฟุบยาว แม้แต่ “ลุงตู่” ก็ยังออกลูกลังเลในการชี้แจงงบฯรายจ่ายปี 64 ยอมรับเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง ไม่แน่ว่าจะฟื้นตัวได้ตามคาดการณ์หรือไม่
ตัวเลขคนตกงานมีสิทธิพุ่ง 5-7 ล้านคน อย่างที่หลายฝ่ายวาดภาพความน่ากลัวไว้ หนักหนาสาหัสกว่าวิกฤติต้มย้ำกุ้งปี 2540 หลายเท่าตัว
ใครเป็นผู้นำก็เหนื่อย ได้ถอนหายใจหลายรอบกับการกู้วิกฤติที่รออยู่ข้างหน้า
ในภาวะที่เกมการเมืองคอยผสมโรงสร้างความปั่นป่วน หมกมุ่นอยู่กับการไล่เขย่าให้ปรับ ครม.โดยเร็ว อย่างที่เห็นลูกหาบพลังประชารัฐรับสคริปต์พวกขาใหญ่ไล่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พ้นรัฐบาล หมายมั่นปั้นมือยึดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีทีมสี่กุมารยกลอต
...
นำไปเกลี่ยแจกกลุ่มก๊วนต่างๆที่รอคิวรับตำแหน่ง ขย่มกันแบบหมดความเกรงใจหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
“สมคิด” ตกอยู่ในวงล้อม นอกจากต้องเตรียมรับมือพายุเศรษฐกิจลูกใหญ่ อีกทางต้องยกการ์ดสูงระวังคนในพรรคที่ไล่ทุบไม่มีหยุด
อยู่ในช่วงพะอืดพะอม ทำท่าคายฟันยาง ต้องยิงมุกยุบสภาเป็นทางเลือกให้ “ลุงตู่” ใช้สยบเกมป่วนค่ายพลังประชารัฐ
สถานการณ์ชักเลยเถิด เกิดแรงกระเพื่อมต่อเนื่อง จน “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องออกโรงปราม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
ที่เป็นตัวเปิดเกมไล่นายสมคิดให้สงบปากสงบคำ
เบรกเกมแกว่งปากขยายรอยร้าว เพื่อรักษาภาพลักษณ์พรรคและรัฐบาล
ก๊วนไล่ “สมคิด” เองต้องผ่อนคันเร่ง เพลาเกมบุก ตามท่าที นายชัยวุฒิ รีบชี้แจงไม่มีเจตนาขับไล่ เป็นแค่การเสนอแนะให้ทีมเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนการทำงาน เพราะการยุบสภาไม่ใช่ทางออก
ลดโทนดุดัน หลังกระแสสังคมตีกลับหันไปเห็นใจทีมงาน 4 กุมารที่ถูกอีกฝ่ายรุมสกรัม
ยิ่งหัวหอกทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของ “ลุงป้อม” ที่มีการโยนชื่อ “อาจารย์แหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เจอกระแสยี้อื้ออึง
ต้องแก้ต่างอุตลุดแจง “อาจารย์แหม่ม” เป็นแค่ทีมนโยบายเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่หัวหอกทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
วัดตามฝีมือและประสบการณ์ทำงานยังห่างชั้นจากนายสมคิดอยู่หลายขุม
ทีม “ลุงป้อม” เองก็แต้มบอดทางเศรษฐกิจ ไม่มีชื่อมือดีมาสร้างความอุ่นใจให้ประชาชน
ขณะที่คนนอกเองไม่มีใครอยากเปลืองตัวมากุมบังเหียนเศรษฐกิจในช่วงคับขัน ยิ่งธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ ถึงเก่งระดับมืออาชีพแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีพวกพ้องก็อยู่ลำบาก
ตัวเลือกมือเศรษฐกิจระดับคุณภาพแทบไม่มีในสต๊อก ภายใต้ภาวะที่ “ลุงตู่” ถูกบีบให้ปรับ ครม.ตามโพยของฝ่ายกุมกำลัง ส.ส.ในพรรค
ย้อนแย้งกับคอนเซปต์การเมืองยุคนิวนอร์มอลของ “บิ๊กตู่” ที่อยากให้ก้าวข้ามพฤติกรรมน้ำเน่า เลิกใช้โควตา ส.ส.ในมือกดดันต่อรอง เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี
เป็นโจทย์ยากวัดใจผู้นำ ภายใต้เดิมพันการกู้มหาวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังจ่อคอหอย
จะปรับ ครม.โดยยึดหลักการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน หรือหลักการพวกพ้องเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล!!!
ทีมข่าวการเมือง