นายกฯ ขอบคุณสภา เชื่อทุกคนหวังดี แต่หลายคนไม่เข้าใจ ชี้ มองภาพทีละเสี้ยวทำเกิดปัญหา ยัน ไม่ได้อนุมัติใช้จ่ายงบฯ คนเดียว มี คกก.พิจารณา บอกก่อหนี้เป็นทุกรัฐบาล ยัน รบ.ทำดีที่สุดเพื่อ ปชช.

วันที่ 2 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในวันที่ 2 ภายหลังเสร็จภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงการประชุมที่ผ่านมาว่า สำหรับการอภิปรายวานนี้ (1 ก.ค.) ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกคน เข้าใจว่าทุกคนหวังดี แต่บางครั้งต้องดูข้อมูลที่สังเคราะห์แล้ว แต่ถ้าดูข้อมูลทีละชิ้นก็คงไม่ดีทั้งหมด อย่าลืมว่า รัฐบาลทำงานด้วยการสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนบ้าง แต่เราก็จะมีการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดแนวนโยบาย และกรอบในการจัดทำงบประมาณ ถ้าทุกคนมีแต่ความต้องการทั้งหมดมันก็ไม่มีเงินพร้อมกันหมดในเวลาเดียวกัน ดังนั้นช่วงนี้จึงจะมีคนที่ได้และคนที่กำลังจะได้ จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในการใช้งบประมาณพร้อมจัดลำดับความเร่งด่วน ซึ่งหลายหน่วยงานและจังหวัดอาจถูกปรับงบประมาณลง จึงต้องมาดูว่ามีความแตกต่างเพราะอะไร แต่ไม่เคยลดงบประมาณพื้นฐานเลย งบฯ ที่เกี่ยวข้องก็ใช้งบฯ บูรณาการของจังหวัด ดังนั้นจะให้ความต้องการทั้งหมดได้พร้อมกันคงไม่มีเงินเพียงพอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การทำงานของรัฐบาล นอกจากให้เบ็ดไปแล้วก็ต้องให้ปลาไปด้วย ซึ่งเบ็ดนั้นถือว่าสำคัญ แต่เราต้องตัดทอนงบฯ ที่ไม่จำเป็นและไม่ได้ผลออกไปก่อนหรือถ้าโครงการใด ที่ลำดับความสำคัญเร่งด่วนกว่า ก็ต้องปรับขึ้นมา บางโครงการ อาจรอไปถึงปีหน้า รวมทั้งงบฯ ด้านการวิจัยก็ต้องให้ความสำคัญไม่ใช่แค่ความต้องการของคนวิจัยเท่านั้น แต่ต้องเป็นการวิจัยที่สอดคล้องความต้องการของประเทศ เรามียุทธศาสตร์ชาติ เป็นตัวกำหนด และมีแผนแม่บทคอยกำกับ ในเรื่องการปฏิรูประบบราชการที่รัฐบาลและตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งระบบการกระจายอำนาจและระบบอื่นๆ เพียงแต่ทุกคนต้องพัฒนาตัวเองก่อนและต้องแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมา โดยทุกคนต้องมีความพร้อม ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการรั่วไหลทุจริต

...

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับข้าราชการ ที่ถูกมองว่า มีจำนวนมาก แต่เราก็มีการปรับโครงสร้างมาโดยตลอด ตั้งแต่ สมัย ร.5 หลายอย่างมีการปรับเปลี่ยนไปแล้วแต่บางอย่างก็ต้องปรับการทำงานขึ้นมาใหม่ เช่น เรื่องเทคนิคและดิจิทัลจำเป็นต้องมีคนมารองรับ แต่อนาคตข้างหน้ามีเครื่องมือเข้ามาทดแทนคนก็ต้องลดลง เหมือนการปรับในส่วนของทหารที่มีข้าราชการพลเรือนมารองรับ เพื่อลดจำนวนนายพลลง แต่บางอย่างไม่จำเป็นต้องลด แต่ก็ต้องใช้เวลาปรับแก้

"หลายอย่างที่ฟังในสภาก็เป็นประโยชน์ แต่หลายอย่างยังมีความไม่เข้าใจกันอีกเยอะ ถ้ามองอะไรเป็นเสี้ยวๆ ก็จะมีปัญหาทั้งหมด แต่ถ้ามองอย่างนายกฯ และ ครม.มองก็จะเป็นอีกแบบ โดยนำทุกอย่างมารวมกัน ก่อนตัดสินใจทำอะไรก่อนหรือหลัง ส่วนที่มองกันว่างบกลางมีจำนวนมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นงบรายจ่ายประจำ แต่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก็เพื่อรองรับกรณีภัยพิบัติ ถ้าไม่มีก็ถือว่าโชคดีไป แล้วสามารถอนุมัติเพิ่มเติมให้กับท้องถิ่นของน้ำ เช่น เรื่องของแหล่งน้ำ เป็นต้น ที่สำคัญผมในฐานะนายกฯ ไม่ได้กำหนดให้เงินงบประมาณเพียงคนเดียว เรามีคณะกรรมการกลั่นกรอง โดยนายกฯ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อขออนุมัติงบกลางไม่ใช่เรื่องที่นายกฯ สั่งคนเดียว แล้วจะรับผิดชอบไหวหรือ ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจ หลายอย่างที่พูดออกมาฟังดูแล้วดี แต่ในการปฏิบัติมันทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยกฎหมายและระเบียบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ผ่านมารัฐบาลเสนอกฎหมายให้พิจารณาหลายฉบับ แต่ยังไม่สามารถออกมาบังคับใช้ได้ เพราะมัวแต่สนใจเรื่องความขัดแย้ง หน้าที่ของกฎหมายมันต้องมี" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านให้ฉายาผู้นำแห่งการก่อหนี้ว่า มันก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาล แต่ว่าวันนี้ปัญหาเรามากขึ้นก็ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น ตนไม่โทษใคร เพราะโทษใครไม่ได้ โทษประชาชนก็ไม่ได้ โทษคนอื่นก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง สิ่งสำคัญสุด คือ การจัดงบประมาณปีนี้ ไม่ได้จะได้ทุกคน และถ้าไม่ได้จะได้เมื่อไหร่ แต่ถ้าบอกว่า จะได้ทั้งหมดไม่มีคนเสียก็ไม่ได้ ถ้าภาษีเก็บไม่ได้ก็ไม่มี นี่คือหลักการสูงสุด ต้องเข้าใจถึงความต้องการของประชาชนคนไทย มีความต้องการมากที่อยากมีความเป็นอยู่ที่ดี มีบ้านใหม่ มีรถ มีเงินและอะไรต่างๆ ที่เป็นความต้องการทุกคนก็จะหวังจากรัฐบาลและรัฐบาลก็หวังจากการจัดเก็บรายได้ ซึ่งมันเชื่อมโยงกันแค่นี้ เราคิดได้ว่า ต้องการอะไร แต่รัฐบาลต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ใช้งบประมาณ ทั้งการพัฒนาคนให้มีความเข้าใจให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ถ้าบอกว่าคนในต่างจังหวัดเข้าถึงไม่ได้ก็ต้องสนับสนุนให้ไปอบรม ไม่ใช่บอกว่าเข้าไม่ถึง แล้วเมื่อไหร่จะเข้าถึง พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี แต่ก็มีลูกหลานหรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องช่วยแนะนำ รวมถึง ส.ส.ถ้าจะบอกว่าไอ้นั่นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่ได้ มันก็ไปกันไม่ได้

นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและบูรณาการร่วมกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศชาติ ประชาชน อย่าบอกแต่ตัวเองว่าต้องการ แต่ไม่ไปดูว่าที่ผ่านมาได้อะไรมาแล้วบ้าง ไม่ใช่นายกฯ ต้องการให้ทุกคนไม่ขออะไรเลย ซึ่งมันไม่ใช่ เป็นหน้าที่ที่นายกฯ ต้องทำ ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะเราต้องปรับความคิดระหว่างกันให้เป็นความร่วมมือด้วยกัน ถ้าทุกคนไม่ยอมกันเลย มันก็ไปไม่ได้ คณะกรรมการนโยบายต่างๆ มีอนุกรรมการเป็นร้อยๆ คณะ ถ้าไม่เอาหลักการที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมอบให้แล้วทำงานกันไม่ได้แล้ว ทุกอย่างก็จะโยนกลับมาที่นายกฯ เพราะมันไม่ได้ข้อยุติ ถ้าเราสร้างระบบนี้ขึ้นมาได้ ใครจะเป็นนายกฯ ใครจะเป็นรัฐบาล ดีทั้งนั้น

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ไม่ต้องการให้ใครแทรกแซงการจัดทำงบประมาณท้องถิ่นหรือในกระทรวง โดยระบุถ้านายกฯ รู้พวกคุณก็ต้องรู้ นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดถึงทั่วไป ที่คุณถามคุณก็รู้อยู่ในหัวคุณอยู่แล้ว คุณจะถามให้ตนไปชี้โน่นชี้นี่ คนไม่ชี้ ทุกคนต้องช่วยกันดูแลทุกโครงการ เพราะประชาชนเป็นคนเสนอผ่านกลไกท้องถิ่น มีคณะกรรมการแล้วขึ้นมาทางกระทรวง แล้วเสนอเข้า ครม. ปัญหาก็คืออย่าไปยุ่งกับโครงการเหล่านั้น เช่น การล็อกสเปก เพราะมันเคยเกิดมาแล้ว

เมื่อถามว่า หมายความว่า นายกฯ ยังไม่ได้รับรายงานเลย ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันยังไม่ได้ใช้เงินเลยสักบาท งบฯ ปี 64 ยังไม่มีเลย งบฯ ฟื้นฟูยังไม่จ่ายเลยสักบาท ตนเพียงแต่เตือนว่า อย่าไปทำ ตนยังไม่ได้ว่าใคร ถ้าคุณถามว่า อย่างนี้เท่ากับตนจะไปว่า คนนั้น คนนี้ ซึ่งไม่ใช่ ตนบอกว่า ตนดีคนเดียว ตนไม่ใช่คนอย่างนั้น