หลังโควิดซา พ.ร.ก.กู้เงินผ่านสภา พรรคพลังประชารัฐเปิดฉากตะลุมบอนทันที

18 กรรมการบริหารพรรคตบเท้าลาออกเกินกึ่งหนึ่งจากจำนวน 34 คน ส่งผลให้ต้องปรับโครงสร้างพรรค เลือกกรรมการบริหารพรรคกันใหม่ภายใน 45 วัน หรือประมาณกลางเดือน ก.ค.

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค ขาลอยหลุดจากตำแหน่งในพรรคทันทีเหลือเพียงแค่รักษาการ

ตำแหน่งหัวหน้า-เลขาฯ คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของหมากเกมนี้ เปลี่ยนตัวพ่อบ้าน แม่บ้านคนใหม่ หวังผลต่อยอดไปถึงการปรับ ครม.

ไล่เรียงรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่ลาออกแล้วเห็นภาพชัด กลุ่มสามมิตร กลุ่มกปปส. กลุ่มประธาน ส.ส.-ประธานวิปรัฐบาล กลุ่มของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ แท็กทีมกินโต๊ะเลื่อยเก้าอี้กลุ่ม 4 กุมาร

ตามจังหวะไทม์ไลน์ที่อั้นมานานตั้งแต่ต้นปี สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

กลายเป็นสึนามิโหมมาตูมเดียวเรียบร้อย แล้วอาฟเตอร์ช็อกก็ตามมา เมื่อ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัสที่สวิงขั้วไปทั้งซ้ายขวา โดนนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ตัวจี๊ดพลังประชารัฐ ออกมาทิ่มแรง เป็นประเภทหน้าไหว้หลังหลอก เหมือนจะสนับสนุนทั้งนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ แต่กลับร่วมไล่ทั้ง 2 คนด้วยการลาออกจาก กก.บห.

ขณะที่เจ้าตัวโวยโดนหักหลังเอาชื่อมาปล่อย คาใจบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวขับไล่มาตลอด แต่กลับไม่มีชื่อลาออกจาก กก.บห. แอบอยู่หลังฉากแต่กระพือความขัดแย้ง หวังผลการปรับ ครม.

สาวไส้กันเละเทะตามเคย เมื่อไหร่ที่ต้องเดินเกมชิงเหลี่ยมทางการเมือง ขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งสำคัญ นี่แค่ในพรรคยังล่อกันนัวขนาดนี้ คิวปรับ ครม.ที่ตามมาจะขนาดไหน เขย่ากันเสาบ้านเอียงแน่

...

เพราะนั่นคือเป้าหลักเส้นชัย จังหวะเคลื่อนวันนี้แค่ออเดิร์ฟเริ่มต้น

งานนี้แกนนำหลายคนต้องออกมาปรามให้เบา ให้หยุด เพราะบ้านเมืองยังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน สถานการณ์โควิด-19 ยังวางใจไม่ได้ ไหนจะต้องเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชนอีก

มีงานรอให้ทำเยอะแยะ ไม่ใช่เล่นเกมการเมืองจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ชาวบ้านเอือมระอา

“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังต้องออกมาเตือนอย่าดราม่ากันเยอะ อย่าให้มีปัญหากันต่อไปอีกเลย แค่นี้พอแล้ว วุ่นวายพอสมควรแล้ว

ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ฝากข้อคิดเตือนใจ

“ขอฝากสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคมซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม”

แต่ยอมรับไม่มีกั๊ก ดัน “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค

เหมาะสมด้วยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การเมืองโชกโชน แต่ต้องไปวัดกำลังกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รวมทั้ง “เสี่ยตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่จ่อชิงตำแหน่งนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากความขัดแย้งแตกแยกที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ เท่ากับเขี่ยลูกเข้าเท้าฝ่ายค้านเต็มๆ ได้จังหวะตอกลิ่มขยายแผลเน่าใน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พูดตรงเป้าซัดหมัดเข้ากระโดงคาง มัวแต่แย่งกันเป็นรัฐมนตรี เสียงไม่ปริ่มน้ำแล้ว แต่น้ำกำลังจะเน่า

แต่นั่นไม่แสบเท่ากับบรรดาพ่อยก แม่ยกของ “ลุงตู่” อย่าง “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค ที่ออกอาการหมดแรงเชียร์จากปัญหาแตกแยกภายในพลังประชารัฐ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ก็ออกมาจวกยับ ไม่รู้กาลเทศะ ไม่เกรงใจ “ลุงตู่” ที่กำลังเหนื่อยกับการแก้ปัญหาโควิด แต่กลับสร้างปัญหาให้ปวดหัว เพราะกระสันเป็นรัฐมนตรี

ดังนั้น 45 วันนับจากนี้ จะเป็นเกมวัดใจ “บิ๊กตู่” และพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่

จะบริหารจัดการความอลเวงในพรรคอย่างไร รวมไปถึงการปรับ ครม.ที่จะเกิดขึ้นแน่หลังจากนั้น จะปรับแต่งแปลงโฉมสร้างความเชื่อมั่นได้แค่ไหน

เสียง ส.ส.ก็สำคัญ แต่กระแสสังคมภายนอกก็อันตรายเหมือนกัน.

ทีมข่าวการเมือง