เริ่มแล้วนะครับ การผ่อนคลายใน “เฟส 2” ของ ศบค. ที่มีท่านหัวหน้าศูนย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะการประชุม มีมติปลดล็อกครั้งใหญ่ให้แก่หลายๆกิจการและกิจกรรม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (อาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม เป็นต้นมา)
มีทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน ด้านออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และลงท้ายด้วยด้านอื่นๆที่ไม่อยู่ในหัวข้อแรกและหัวข้อที่สอง
ที่ลุ้นกันมากและเป็นข่าวใหญ่มาตลอดก็คือ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และ คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งก็ปรากฏว่าอยู่ในบัญชีต้นๆ ของการปลดล็อกเลยทีเดียว
ป่านฉะนี้คงจะทยอยกันเปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อย และก็น่าจะมีนักเดินห้างไปเดินเอาฤกษ์เอาชัยกันบ้างแล้วละ
ถ้าจะถามผมว่าเราคลายล็อกนี้เร็วไปไหม? จะเกิดเหตุการณ์ระบาดรอบ 2 อย่างที่อเมริกา ซึ่งตัวเลขทำท่าจะกระดกกลับมาอีก หรืออย่างบราซิลที่กลับมาแรงเพิ่มขึ้นระยะหลังๆหรือไม่?
แม้ผมจะไม่มั่นใจว่าจะกลับมารอบ 2 หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่คาดเดายาก...แต่ผมเห็นว่าการดำเนินการของเราเป็นไปอย่างเหมาะสมแล้ว...โดยพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเราอย่างรอบคอบ
ด้วยความเห็นชอบของทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายบริหาร และฝ่ายเศรษฐกิจ โดยไม่มีข้อขัดแย้ง
ไม่เหมือนสหรัฐอเมริกา ที่ประธานาธิบดีจะให้เปิดเร็ว แต่ฝ่ายสาธารณสุข โดยเฉพาะ “หมอใหญ่” นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อระดับสูงของท่านไม่เห็นด้วย เพราะยังไม่ถึงเวลา
ดังนั้น เมื่อหลายๆรัฐตัดสินใจเปิด หมอใหญ่ท่านนี้จึงไปให้การ ต่อกรรมาธิการของรัฐสภาว่า รัฐที่ชิงสุกก่อนห่าม คือรีบเปิดเกินไปนั้น กำลังเสี่ยงอันตรายที่อาจหนักหน่วงเหนือความคาดหมาย
...
เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องออกมาต่อว่าหมอใหญ่ว่าพูดอย่างนี้ได้อย่างไร? ท่านรับไม่ได้ กลายเป็นข่าวไปทั่วโลก
แต่ของเราไม่มีบรรยากาศเช่นนี้ครับ...ทุกๆหมอ ไม่ว่าหมอใหญ่หรือหมอน้อยเข้าใจถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายเศรษฐกิจก็เข้าใจในภาระหน้าที่ของคุณหมอ ในที่สุดก็ประนีประนอมกันได้ด้วยการคลอดมาตรการหลายประการออกมาในเฟสนี้
โดยมีเงื่อนไขสำคัญที่เห็นด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ก็คือจะผ่อนปรนแบบ “การ์ดไม่ตก” ทุกๆกิจกรรมที่ได้รับอนุมัติให้กลับมาดำเนินได้จะต้องมีมาตรการดูแล “รักษาการ์ด” เอาไว้โดยไม่ประมาทอย่างเด็ดขาด
โดยส่วนตัวของผมแล้วถือว่า การเปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นสัญลักษณ์ประการหนึ่งของการเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เพราะห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเป็นแหล่งจ้างงานที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งของประเทศ เมื่อเปิดแล้วก็จะมีกิจการทางเศรษฐกิจธุรกิจ อันจะก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นลูกโซ่ตามมาอีกหลายกิจการ
ผมค่อนข้างเชื่อว่า การเปิดห้างระยะแรกๆ เจ้าของห้างต่างๆ น่าจะยังขาดทุนอยู่ เพราะจะต้องเสียค่าแอร์เพิ่ม จ่ายค่าแรงงานเพิ่มรวมทั้งค่าป้องกันสุขภาพอนามัยจากโรคโควิด-19 เพิ่ม ฯลฯ แต่อาจขายสินค้า ไม่ได้มากนัก
เหตุที่ทุกๆห้างกระตือรือร้นอยากเปิดและยอมขาดทุนในระยะแรกๆ ก็คงด้วยเหตุผลทางด้านจิตวิทยา คืออยากให้กงล้อธุรกิจเริ่มต้นหมุนกันเสียที
ค่อยๆหมุนไปเรื่อยๆ ย่อมดีกว่าหยุดนิ่ง ซึ่งมีแต่จะโทรมและทรุดลง
การหมุนไปข้างหน้า แม้จะหมุนช้า แต่อาศัยการกระตุ้นจากรัฐบาลบ้าง หรือจากการเคลื่อนไหวของธุรกิจอื่นๆควบคู่กันไปบ้างก็อาจจะทำให้การหมุนของห้างต่างๆเร็วขึ้นและดีขึ้นในที่สุด
สรุปว่า ผมเห็นด้วยกับการเริ่มต้น “เฟส 2” ครับ ว่าเป็นมาตรการที่ดำเนินการได้อย่างถูกที่ถูกเวลาและเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศเราทุกประการ
ที่สำคัญจากคาถาที่ทุกฝ่ายบ้านเรายังท่องพร้อมๆกันอยู่เสมอคือ “การ์ดไม่ตก” จะทำให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย หรือหากพลาดพลั้งไปบ้างก็สามารถจะแก้ตัวได้และจะไม่หนักหนาสาหัสดังเช่นประเทศอื่นๆแน่นอน...ผมมั่นใจและขอให้กำลังใจในการเปิดเฟสนี้ครับ!
“ซูม”