พายุฤดูร้อนกระหน่ำ สัญญาณเปลี่ยนผ่านสู่ฤดูฝน
ห้วงสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อ วิกฤตการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยกำลังอยู่ในทางสองแพร่ง จะเดินหน้าไปสู่ปลายทางด้วยความปลอดภัย หรือจะเลี้ยวกลับไปสู่หายนะรอบใหม่
ผู้ติดเชื้อรายวันเหลือแค่เลขหลักเดียว บางวันเป็นศูนย์
โดยสภาพการณ์ที่ ศบค.คุมไวรัสมรณะอยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นปัจจัยกระตุ้นเสียงเรียกร้อง แรงกดดัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผู้อำนวยการ ศบค.
รีบคลายมาตรการล็อกดาวน์คืนสู่ภาวะปกติ ไม่ต้องรอไวรัสหาย
ผู้นำต้อง “ชั่งใจ” อย่างหนัก ประคองสถานการณ์สองแพร่ง
แต่ที่ไม่ต้องรอไวรัสโควิดซา เชื้อเน่าดีดกลับมาตีคู่เชื้อไวรัสมรณะ ล่าสุดพายุการเมืองตั้งเค้ามาพร้อมกับพายุฤดูฝน ตามปรากฏการณ์ร้อนๆปฏิบัติการเล่นแรงๆของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เปิดหน้าวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งนายนุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองคมนตรี
โดยอารมณ์ที่ “ป๊อก เดอ ฟรองซ์” ถูกตั้งเครื่องหมายคำถามกับความตั้งใจ “ล้ำเขตแดน” มิบังควร
ตามจังหวะก่อชนวนไฟ นำร่องการขยับเคลื่อนไหวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำคณะก้าวหน้า เดินเกมเร้ากระแสกองเชียร์ กระตุกกลุ่มผู้สนับสนุนด้วยยุทธศาสตร์การตลาด กับการจัดอีเวนต์แจกเงิน 3,000 บาทให้กับผู้ได้รับผลกระทบโควิด โดยไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ
เบิ้ลบลัฟมาตรการแจกเงิน 5,000 บาทของกระทรวงการคลัง
และยังโฟกัสไปที่มาตรการฟื้นฟูการบินไทยที่เสี่ยงล้มละลาย “ธนาธร” อัดแหลก สื่อความหมายเป็นนัยรัฐบาล “บิ๊กตู่” เอาภาษีไปเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ปล่อยให้คนจนแบกภาระหนี้
...
“ไพร่ห้าพันล้าน” ตอกลิ่มความไม่เท่าเทียมระหว่างชนชั้น
ไล่เลี่ยๆกัน “มือดี” ลักลอบฉายเลเซอร์ข้อความ “ตามหาความจริง” บนผนังอาคารกระทรวงกลาโหม และอีกหลายจุดใน กทม.ตามห้วงเวลารำลึกเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง นปช.เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ตามจังหวะที่เพจเฟซบุ๊กของคณะก้าวหน้ารับสมอ้างเป็นประชาชนที่กำลังร่วมกันตามหาความจริง
อ้างอิงฉากเลือด โยงเหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดง
ในจังหวะเร้าอุณหภูมิ กระตุ้นการเปิดตัวมวลชนใหม่ในนาม “คนป.” เครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แปรสภาพจากแฟลชม็อบต่อต้านการยุบพรรคอนาคตใหม่
“ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แทรกคิวโควิด เปิดเกมรุกได้อย่างเร้าใจ
เป็นจังหวะให้มวยรุ่นเก่าเกาะขบวน โหนเทรนด์คนรุ่นใหม่ ทีมงานสายตรงดูไบอย่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค
เพื่อไทย กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง นปช. ออกมาประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกัน
สถานการณ์กำลังล้อประวัติศาสตร์ รัฐบาล “บิ๊กตู่” ใกล้เจ๊ง
เพราะมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนยากลำบาก อดอยาก ไม่มีกิน ผู้คนเดือดร้อนจะรวมตัวกันออกมาขับไล่ผู้บริหารประเทศ
เหตุการณ์ต่อเนื่องกับการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่มาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี โชว์กึ๋นการรับมือกับวิกฤตการณ์ไวรัสมรณะ แนะนำให้คลายล็อกเพื่อเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้
ก้าวหน้า-ก้าวไกล-นายใหญ่ดูไบ-เพื่อไทย แปรรูปขบวนรบ
ยกระดับสงครามการเมืองแทรกสงครามไวรัส เขย่าเกมอำนาจมุ่งโค่นกระดานรัฐบาล “ประยุทธ์”
จุดชนวนมวลชนเร้าเกมม็อบแดงแฝงสีส้ม
ศึกนี้ใหญ่หลวงแค่ไหน จับอารมณ์ได้จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบดักคอดักทาง
“วันนี้คนไทยจำเป็นต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศของเรา หลังจากสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปแล้วคงต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน วันนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวาย
กันอีกเลย ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนอย่างไร การที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอลหม่านในเวลานี้ ท่านต้องตัดสินใจต้องคิดแล้ว ฉะนั้นวันนี้ผมต้องการความรักความสามัคคีของคนทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งหมด”
อิงวิกฤติไวรัสมรณะ “สะกด” เกมบุกของฝ่ายต่อต้าน
“บิ๊กตู่” ฉวยสถานการณ์เป็นต่อ ตามเงื่อนไขความจำเป็นที่ประชาชนส่วนใหญ่ย่อมเห็นด้วยกับผู้นำรัฐบาลที่ต้องการสมาธิในการกู้วิกฤตการณ์โควิด
ถือเป็นสิทธิความชอบธรรมที่นายกฯอ้างได้เต็มปากเต็มคำ
ถ้าไม่บังเอิญว่า มันเกิดเหตุพฤติกรรมย้อนแย้งขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ฐานค้ำยันอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์เอง ที่กำลังก่อหวอดการเมืองท้าทายโควิด
เขย่าเกมอำนาจกันเองในพรรคอย่างหนัก
ตามความพยายามหักดิบ เดินเกมแห่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ขึ้นยึดแท่นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทนนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง
ล้างบางผู้บริหารพรรคชุดเก่า จัดทัพกันใหม่ให้ “พี่ใหญ่” ยึด พปชร.
ชักเย่อเอาล่อเอาเถิดกันไม่หยุด ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะส่งสัญญาณจากการเรียกนายอุตตมกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นไปพบบนห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ส่งสัญญาณให้ตั้งใจทำงานในหน้าที่ต่อไป
การันตีไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งในพรรคพลังประชารัฐและตำแหน่งรัฐมนตรี
แต่ก็ยังมีขบวนการใต้ดินเดินเกมต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องที่มีการปล่อยข่าวเขย่านายอุตตมให้ไขก๊อก อีกทางก็ล็อบบี้ช่วงชิงสัดส่วนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเกิน
กึ่งหนึ่งคือ 18 เสียงจากทั้งหมด 34 คน เพื่อเป็นผลในทางกฎหมาย โละกรรมการบริหารชุดเก่าโดยอัตโนมัติ
ใช้เป็นเงื่อนไขโยงการต่อรองโควตารัฐมนตรี เกลี่ยชามข้าวกันใหม่
กระแสสวิงไปสวิงมาแบบรายวัน ตามเหลี่ยมการถือไพ่ในมือของกลุ่มก๊วนตัวแปร ใช้โควตากรรมการบริหารพรรคเป็นตัวแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ให้ได้มากสุด
จุดชนวนป่วนศึกใน หักหน้า “บิ๊กตู่” ที่ขอให้ฝ่ายต่อต้านหยุดเกมการเมือง
ตามท้องเรื่อง ประเมินตามรูปการณ์ ในมุมที่ “บิ๊กป้อม” คือคนคุมเสบียงกล้วยเลี้ยงลิงในพรรค บวกกับสถานะของ “พี่ใหญ่” ที่เชื่อกันว่าอย่างไรเสีย “บิ๊กตู่” ก็ยังกริ่งเกรงบารมี
โอกาสสูงที่ทีมแห่ “บิ๊กป้อม” จะยึดพรรค กดดัน “บิ๊กตู่” ปรับ ครม.เกลี่ยเค้กกันใหม่
และมันคือ “วิกฤติใหม่” ที่แซงมหันตภัยโควิดมาท้าทายผู้นำ
อันดับแรกเลยย่อมหนีไม่พ้นโดนประทับภาพค่ายพลังประชารัฐเป็นพรรคทหารต่อท่ออำนาจ คสช. เทียบกับพรรคก้าวไกล เครือข่าย “คณะก้าวหน้า”
ภาพมันชัด คนรุ่นใหม่ยุค new normal กับรุ่นโบราณ old normal
“บิ๊กตู่” คงต้องเจอเครื่องหมายคำถาม การเมือง พัฒนา การประชาธิปไตยของไทยวนกลับไปที่เก่า ย้อนแย้งกับสิ่งที่ชูธงขอเวลาในการปฏิรูป ล้างเชื้อเน่าสาเหตุของวิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง
พรรคที่เป็นฐานค้ำอำนาจนายกฯก็มีพฤติการณ์ไม่ต่างจากอดีต
ยิ่งบวกกับสถานการณ์รัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ บริหารกันไปคนละทิศละทาง ต่างฝ่ายต่างมีวาระแฝงการเมือง เรื่องของการตุนเสบียงเลือกตั้ง โดยมีเค้กเงินกู้ 4 แสนล้านบาทฟื้นฟูเศรษฐกิจจากพิษโควิดตั้งกองอยู่ตรงหน้า
โอกาสติดเงี่ยงคอร์รัปชัน “บิ๊กตู่” เสี่ยงติดเชื้อทุจริตได้ทุกวินาที
“ตัวถ่วง” ก็ละสายตาไม่ได้ ขณะที่ “ตัวช่วย” จะหายยกพวง
โดยสภาพรัฐบาลเรือเหล็กที่เหลือแค่เครื่องยนต์ตัวเดียวที่ยังเดินอยู่ ถ้าถึงจุดที่นายอุตตมต้องหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่นก็น่าจะกระทบถึงสถานะ “ขุนคลัง” เช่นเดียวกับนายสนธิรัตน์ต้องหลุดจากเก้าอี้เลขาธิการพรรคก็ต้องมีผลถึง รมว.พลังงาน
แนวโน้ม “สมคิด” กับรัฐมนตรี 4 กุมาร คงถอนยวงกันหมด
เบื้องต้นเลย นายกฯจะทำอย่างไรในจังหวะพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภาปลายเดือนนี้ ตามคิวสำคัญต้องมีการพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้โควิดและ พ.ร.บ.โยกงบประมาณ
จะหามืองานทำหน้าที่แทนทีม “สมคิด” ที่ทำแผนมาตั้งแต่ต้นได้ที่ไหน
ในสภาพการณ์มือดีด้านเศรษฐกิจถูกดึงมาเป็นทีมกุนซือนายกฯเป็นห่างว่าว คนอยากเป็นรัฐมนตรีจ่อแถวรอยาวยันสะพานพุทธ แต่จะมีสักกี่คนที่ “ทำงานเป็น” จริงๆ
โดยเฉพาะกับมาตรฐานระดับนายสมคิด ไม่ใช่แค่ชั้นเชิงบริหารประสบการณ์คุมเศรษฐกิจประเทศสั่งสมมานับ 10 ปี ต่อเนื่องจากรัฐบาลไทยรักไทยมารัฐบาล คสช.จนถึงรัฐบาลพลังประชารัฐ
เครดิตในต่างประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รู้จักชื่อนี้มายาวนาน
โดยสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสี่ยงจับยามสามตาหามือชั้น “สมคิด” มารับภารกิจหนักในการฟื้นเศรษฐกิจจากมหันตภัยโควิด ภารกิจโคตรหินระดับโลก อีกทางหนึ่งก็เสี่ยงกับการที่มือเศรษฐกิจทีมใหม่เข้ามารื้อแผนที่วางฐานกันมา 5-6 ปี เท่ากับสูญเปล่า กลับไปนับหนึ่งใหม่
โจทย์วัดใจผู้นำในภาวะเชื้อเน่าไวรัสการเมืองแซง
ตีคู่ไวรัสมรณะ
มันคือความแตกต่างระหว่าง new normal กับ old normal.
“ทีมการเมือง”