“การควบคุมไวรัสโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศ ได้คลอดมาตรการเดินคู่ขนานกันไป”
นายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี ฉายให้เห็นภาพรัฐบาลแก้วิกฤติประเทศ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
ฉากแรกควบคุมการติดเชื้อ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ช่วงนี้ระบบการเมืองช็อก การโต้ตอบทางการเมืองดูน้อยกว่าปกติ
พอควบคุมได้ สถานการณ์เข้าสู่ฉากสองซับซ้อนมากขึ้น ทั้งเป็นการเยียวยา เร่งรัดการฟื้นฟู ทยอยออกมาตรการประคับประคองโครงสร้างเศรษฐกิจ
และเริ่มพูดถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ มีการพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติ เป็นช่วงที่เข้าสู่การฟื้นฟูและเยียวยาอย่างจริงจัง การตอบโต้ทางการเมืองเริ่มเข้มข้น เป็นธรรมชาติการเมือง 2 ขั้ว ระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายค้าน ในแง่การตรวจสอบ ถ่วงดุลคานอำนาจ
พอเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดได้ คนกลัวน้อยลง หากมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในระดับหนึ่ง ถ้าสังคมรับได้โดยไม่กลับไปมีความรู้สึกแบบเดิมๆก็โอเค
การตรวจสอบถ่วงดุล การชุมนุมประท้วงจะตามมา ไม่ใช่เป็นเรื่องของแพทย์อย่างเดียว นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. คงต้องแสดงบทบาทมากขึ้น รัฐบาลคงต้องแสดงบทบาทเพิ่มขึ้น
เพราะมีคำถามทั้งทำไมกลุ่มนี้ได้รับการเยียวยา กลุ่มนี้ ไม่ได้รับการเยียวยา ทำไมติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทำไมไม่ดูแลเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทำไมไม่ให้ผู้ประกอบการเดินหน้า ทำไมต้องรออีกเดือนถึงเปิดได้ เปิดตอนนี้ทำไมไม่ได้
ความขัดแย้งกลับมาปั่นป่วนไม่ถึงขั้นปะทุ ท่ามกลางการฟื้นฟู การเยียวยา การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ฉากนี้หนักมาก ทดสอบทุกองคาพยพ รัฐบาลคงปรับเปลี่ยนอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงมีโอกาสปรับ ครม.
...
ฉากสามระยะยาวมาก เริ่มขึ้นจริงจังก็ตอนฉากสองจบตรงเมื่อมีวัคซีนควบคุมโรคได้
วัคซีนมาก็เริ่มเข้าสู่โลกใบใหม่ โรคตัวใหม่โลกใบใหม่
หลายประเทศที่อ่อนแออาจเดินไปไม่ถึงฉากนี้ได้ง่ายๆ
การเมืองโลกเปลี่ยน โลกาภิวัตน์เปลี่ยน ประชาธิปไตยเปลี่ยน
สาธารณรัฐประชาชนจีนอาจผงาด จีนและสหรัฐอเมริกาคงขับเคี่ยวกันหนักกว่าเดิม
จีนเข้มแข็งขึ้น ตอนนี้ยื่นมือช่วยเหลือต่างประเทศจนได้ใจนานาชาติ สหรัฐอเมริกาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เราต้องคุยกับจีนให้ดีมากกว่านี้
บางประเทศกลับไปสู่อนุรักษนิยมมากขึ้น ปิดประเทศมากขึ้น เห็นได้จากซีพีทีพีพี (สมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแปซิฟิก) ถูกต่อต้านทั้งที่ประเทศสมาชิกผ่านข้อตกลงกันไปแล้ว
ประชาชนในประเทศกลัวติดโรค กลัวการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ หรือกรณีทัวร์จีนกำลังเข้ามา เสียงส่วนใหญ่ไม่อยากให้เข้ามา ถึงเวลาต้องคิดปรับโครงสร้างการท่องเที่ยวตอนนี้
ฉากใหม่ประเทศไทยคงคล้ายกรอบบริบทโลก จากฉากแรกโมเดลสาธารณสุขไทย ฉากสองการเมืองไม่ลงตัว ระบบราชการอาจยังมีการรั่วไหล กลไกล่าช้า ยิ่งอัดฉีดอย่างไรก็ไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย ย่อมก่อให้เกิดวิกฤติตามมา
ทำอย่างไรให้ฉากสองเชื่อมฉากสามโดยไร้รอยต่อ นายปณิธานบอกว่า ประเทศไทยเผชิญวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติโควิด ผู้แสดงบนเวทีการเมืองแตกต่างกันไม่มาก จะทำอะไรต้องรอให้การเมืองนิ่ง
โชคดีมีเครื่องมือใหม่ยุทธศาสตร์ ชาติ ถือเป็นอาวุธลับ ผูกพันทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทั้งฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ มีบทลงโทษพิสดารกว่าหลายประเทศ ถูกออกแบบให้ภาคเอกชน ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ที่ผ่านมายังไม่ได้ทำอย่างจริงจัง เพราะติดเงื่อนไขเวลา
และถูกออกแบบให้สถาบันที่ขับเคลื่อนตัวนี้มีพลังมาก แต่ไปไม่ไหว เพราะสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่มีแรงขับเคลื่อนพอ
หลายฝ่ายเริ่มเสนอให้นำยุทธศาสตร์ชาติกลับมาแก้ไข ขณะนี้มีนักวิชาการหลายคนกำลังทำอยู่โดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อผลักดันให้รัฐบาลมองไปให้ถึงปลายทางเอนด์เกมส์
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน รัฐบาลชุดนี้อยู่ได้หรือไม่ พี่ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ) ของน้องๆยึดพรรคได้หรือเปล่า พี่ป้อมบอกไม่ได้ยึดๆ ไม่มีๆ จบๆ พูดสามคำจบ จบจริงหรือไม่ ไปถามพี่ป้อมดู
พวกเรามองไปอีกประเด็น พอจบฉากสอง อยู่ในช่วงรัฐบาลเก่าหรือรัฐบาลใหม่ พรรคการเมืองต้องเปิดประชุมจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย ก็เข้าสู่ฉากสามที่หนักมาก ซึ่งชัดเจนภาพรวมหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยจะยากจนลง
คนที่จนลงจริงๆ ทั้งผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม แรงงานนอกระบบ พวกนี้นับ 10 ล้านคนน่าเป็นห่วงมาก ไม่รู้เดินไปถึงฉากสามหรือไม่ ไปถึงรับรองฐานะไม่ดีขึ้นแน่
ถึงจังหวะนั้นมีการประเทศปิดมากขึ้น เสรีภาพลดน้อยลง
ระหว่างสถานการณ์อยู่ในฉากสอง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ชาติควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรให้พร้อมเดินหน้าฉากสามได้อย่างลงตัว นายปณิธาน บอกว่า เท่าที่ทราบในช่วงฉากแรกและฉากสอง มีการเก็บข้อมูลภายในการทำงานของกระทรวงต่างๆว่า ทำอะไรได้ดี ตรงไหนทำได้ดี เพราะอะไร เพื่อนำไปปรับปรุงในฉากต่อไป
ขณะเดียวกัน ถึงเวลาที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่างๆนัดประชุม เพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติ
คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เริ่มประชุมบ้างแล้ว
รวมถึงกระทรวงกลาโหมก็มีการเก็บข้อมูล เพื่อปรับเปลี่ยน ผู้กุมสภาพในกองทัพรู้ดีว่าต้องปรับอย่างไร
สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็กำลังหารือปรับแผนในมิติด้านความมั่นคง โดยเรียงลำดับทั้ง 19 แผนใหม่ อาจไม่เพิ่มอะไรเท่าไหร่และโยกงบประมาณ
แผนย่อยที่เกี่ยวกับโควิด โรคอุบัติใหม่ต้องดูว่าควรปรับอย่างไรบ้าง
ทำไมรัฐบาลไม่ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ อย่างน้อยได้พิจารณาการปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติ นายปณิธาน บอกว่า ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องทำอะไรสักอย่างให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในยามยาก
ไม่เช่นนั้นจะยุ่งไปใหญ่ ปลายทางถ้าไม่เปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ และ ส.ส.อยู่นิ่งโดยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผ่านฉากสองไปถึงฉากสาม นักการเมืองมีโอกาสถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ขณะเดียวกัน วุฒิสภาสามารถหยิบยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาพิจารณา เพื่อรองรับฉากสาม และ ส.ส.สามารถสานต่อ โดยนำประเด็นลงไปสอบถามในพื้นที่ว่าต้องการอะไรหลังจากเข้าสู่ฉากสองเตรียมรับมือเข้าฉากสาม
ขณะนี้เรากังวลว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฉากสามได้ดีแค่ไหนและแรงขับเคลื่อนระดับประเทศมีพอหรือไม่
แม้มียุทธศาสตร์ชาติฉบับเก่าคิดจากฐานเดิม ต้องการให้ประชาชนออกจากความยากจนภายใน 20 ปี
ถึงเวลาปรับยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งด้านอุตสาหกรรม สาธารณสุข และด้านอื่นๆ
รวมถึงแผนขุดคลองไทย (เชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดีย) ควรทำให้อยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ จะได้ร่วมกันตัดสินใจเดินหน้า เพื่อย่นระยะเวลาการเดินทางเรือได้ 21 วัน แต่อาจมีผลต่อทางมิติด้านความมั่นคง
ที่สำคัญ โลกใบใหม่ในฉากที่สามต้องเตรียมเด็กรุ่นใหม่ให้พร้อม
เพราะเป็นกลุ่มที่สามารถเข้าไปฟื้นประเทศไทย
ฉะนั้นตอนนี้ต้องดึงเข้าในระบบ เพื่อเรียนรู้ถึงการทำงานในยามวิกฤติด้านต่างๆ รู้ถึงการแก้ไขปัญหา
พอถึงฉากสามเขาจะไปทำเอง เชื่อมั่นเขาทำได้ดีกว่าเรา
ผมกำลังนำเสนอนายกฯเตรียมคนเหล่านี้เข้าระบบ ซึ่งมีหลายช่องทางที่สามารถเข้ามาช่วยได้
และกำลังเตรียมปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติ
รองรับฉากสามของประเทศไทย.
ทีมการเมือง