ดีเดย์ 3 พ.ค.63...
ผ่อนปรน 6 กิจการ
ยิ่งพอจะเห็นแสงสว่างรำไรอยู่ข้างหน้าความหวังของผู้คนทั้งโลกที่จะก้าวข้ามไวรัสโควิด-19 ไปได้อีกไม่นานนี้
หัวใจคงพองโตขึ้นอีกเป็นกอง แม้จะต้องฝ่าฟันต่อสู้อย่างหนักในอีกหลายประเทศเพื่อยับยั้งการระบาด
แต่ที่คู่ขนานกันมาตลอดคือปัญหาเศรษฐกิจไม่ว่าประเทศไหนต่างก็ต้องประสบพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จะเลือกด้านหนึ่งด้านใดก็ไม่ได้
จังหวะก้าวนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกิดปัญหาขัดแย้งแปลกแยกความคิดเห็นที่ต่างกันด้วยมุมมองความเป็นตัวตนของคนได้
ยังเชื่อว่าทางสายกลาง...นั่นแหละคือคำตอบ
เมืองไทยเราก็เช่นกันความเห็นต่างในเรื่องนี้ก็มีเช่นกันเพียงแต่เหตุผลที่มีการดำเนินการในรูปแบบของไทยได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปมีน้ำหนักมากกว่า
ที่มองข้ามไม่ได้คือเสียงเรียกร้องให้ “ปิดเมือง” ทันทีนั้นขาดน้ำหนักพอที่จะได้รับการยอมรับ ยิ่งบางส่วนเอาการเมืองมาเจือก็จบกัน
ลืมคิดไปว่าคนไทยนั้นมีลักษณะลึกๆแล้วเป็นอย่างไร?
ทางการเมืองถ้าเล่นกันแบบนี้มีแต่แพ้ ไม่มีทางเอาชนะได้จนเข้ารกเข้าพงไปเอง เพราะเมื่อรู้สึกว่าเริ่มสู้ไม่ได้ก็ยิ่งมีทิฐิเคียดแค้นซ้ำเข้าไปอีก
พยายามหามุกงัดขึ้นมาเล่นไม่ต่างไปจาก “วิชามาร”
“ยุทธวิธี” อย่างนี้มันกำลังส่อแสดงให้เห็นว่าสุดท้ายมันก็ไม่ต่างไปจากแก๊งการเมืองอย่างที่พยายาม “ยกตัว” ว่าเหนือชั้นกว่า
อีกไม่นานก็คงถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง!
ว่ากันถึงการผ่อนปรนมาตรการเพื่อให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจได้เดินหน้าต่อไปได้ด้วยการอนุญาตให้ 6 กิจการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ใช้เวลาประเมิน 14 วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.63 ทั่วประเทศ
...
แม้จะไม่ใช่เครื่องจักรตัวใหญ่ที่เมื่อเปิดปุ๊บสว่างไสวไปทั้งประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีไวรัสเป็นตัวกำกับก็ต้องลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
กิจการที่ดำเนินการได้มีอยู่หลายส่วนที่ทำให้ประชาชนได้ผ่อนคลายมากขึ้นอย่างสวนสาธารณะ เล่นกีฬาได้แต่ต้องห้ามจับกลุ่มกัน เปิดร้านตัดผมเสริมสวย หรือแม้แต่ร้านตัดขนสัตว์ รับเลี้ยงสัตว์ ซึ่งอย่าคิดว่าไม่สำคัญเนื่องจากปัจจุบันคนกับสัตว์เลี้ยงนั้นผูกพันกันมากกว่าที่ผ่านมา
เพราะ “หมา-แมว” ดีกว่าคนบางคนด้วยซ้ำไป?
ที่ผ่อนปรนและเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจอย่างการให้เปิดตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย ร้านอาหารทั่วไป กิจการค้าปลีกค้าส่งที่เกี่ยวพันกับคนระดับล่าง
ผลจะส่งตรงไปถึงคนส่วนใหญ่ที่กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างหนัก เมื่อมีงานทำ มีเงินใช้สอยก็จะผ่อนคลายลงได้มาก
ไม่ต้องมาเครียดกับห้าพันบาทอย่างที่เห็นๆกันอยู่
อยู่ที่ว่าหากเครื่องยนต์ตัวแรกให้ผ่านพ้นไปได้อย่างดีไม่ให้ดับๆติดๆ ก็จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมขับเคลื่อนไปได้ในเบื้องต้น
เครื่องยนต์ตัวใหญ่ๆ ที่กำลังรอฤกษ์เปิดทำงานในระยะต่อไปก็ยิ่งจะมาเร็วขึ้นโดยปริยาย พูดง่ายๆคือไปกันทั้งขบวน
แบบว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน...ว่างั้นเถอะ.
“สายล่อฟ้า”