สถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 มาจนถึงระดับหนึ่ง ต้องยอมรับว่ามาตรการล็อกดาวน์ ใช้ได้ผลมากที่สุดตราบใดที่ วัคซีนต้านไวรัส ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ การรักษาตามอาการไม่สามารถหยุดยั้งไวรัสได้แบบสะเด็ดน้ำ ซึ่งฝ่ายสาธารณสุข พยายามออกมาอธิบายว่า ถ้าเราปลดล็อกดาวน์ทันที สถานการณ์จะกลับมาแพร่ระบาดเช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น และตามความเห็นของ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยังเตือนว่า ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องแน่ใจว่า สามารถจะควบคุมการแพร่ระบาดได้เต็มร้อย จะต้องเดินหน้าสุ่มตรวจเชิงรุก เพราะในส่วนที่ยังไม่มีการตรวจสอบโควิด-19 เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรยังมีอีกเป็นจำนวนมาก หรือผู้ติดเชื้อบางรายยังไม่ปรากฏอาการ อาจเพราะร่างการแข็งแรง เชื้อไวรัสมีจำนวนน้อย แต่ในที่สุดแล้ว ไวรัสชนิดนี้ยังสามารถกลับมาได้ทุกเวลา ตัวเลขของผู้ป่วยโควิด-19 ที่แท้จริงยังไม่มีใครกล้าการันตี เนื่องจากมีคนทยอยเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยทุกวัน วันละ 100-200 คน มีคนส่วนหนึ่งที่ กักตัวอยู่กับบ้าน อีกส่วนอยู่ในระหว่าง State Quarantine มีโอกาสที่จะเป็นผู้ป่วยติดเชื้อได้ตลอดเวลา
ในเวลาเดียวกัน เรื่องปากท้องชาวบ้านก็สำคัญ ขืนให้อุดอู้อยู่กับบ้านไม่มีเงินไม่มีงาน ไม่มีอาหารรับประทาน กลายเป็นเหตุชุลมุนวุ่นวายตามมา เพราะฉะนั้นหลายประเทศเริ่มมีการประท้วงให้ปลดล็อกดาวน์ บางประเทศก็เริ่มมีการผ่อนผันให้ออกจากบ้านได้ ให้เปิดสวนสาธารณะ ให้เดินเล่นตามชายหาดได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ร้านค้า ร้านอาหารเปิดบริการได้ แต่ต้องไม่แออัด จัดที่นั่งให้ห่างกันเข้าไว้ ประชาชนเองก็ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น
...
ส่วนการบังคับใช้กฎหมายก็ยังจำเป็นต้องใช้ต่อไป มาตรการเคอร์ฟิว ผ่อนคายเรื่องระยะเวลา ให้คนสามารถใช้เวลาออกจากบ้านได้มากขึ้น ห้างสรรพสินค้า ค่อยๆเปิดทีละส่วน เอาที่จำเป็นกับชีวิตประจำวันก่อน แต่ สนามกีฬา สนามมวย สถานบันเทิง การจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของคนจำนวนมากๆ ยังไม่อนุญาต หรือในพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยงสูง จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก็ยังประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดอยู่ต่อไป
สำหรับบ้านเราการปลดล็อก ก็คงจะยึดหลักเกณฑ์เดียวกับที่ทั่วโลกเขาทำกัน รักษาสมดุลระหว่างปากท้องกับสุขภาพ ให้ไปด้วยกันได้ ร้านค้าร้านอาหารเริ่มซ้อมการจัดที่นั่งให้ลูกค้ารักษาระยะห่างเอาไว้เรียบร้อย ร้านตัดผม ร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือขานรับมาตรการทางสาธารณสุขทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการจะปฏิบัติตามแค่ไหน เรื่องนี้สมควรจะเข้มงวดพอสมควร
ส่วนอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยว ที่จะเริ่มเปิดบริการเท่าที่จะสามารถทำได้ ก็ต้องทำใจเรื่องของรายได้มีน้อยดีกว่าไม่มีเลย ทั้งการจัดเก้าอี้โดยสาร ที่จะต้องห่างกันเข้าไว้ การตรวจสอบเบื้องต้นสำหรับผู้โดยสารที่จะใช้บริการหลายประเทศสายการบิน จะต้องทำหน้าที่คัดกรองคนไข้ก่อนขึ้นเครื่อง 3-4 ขั้นตอนด้วยซ้ำ
การปลดล็อกหรือไม่แค่ไหน การผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว เชื่อว่าคนไทยน่าจะเริ่มชินบ้างแล้ว ปรับตัวกันได้เยอะขึ้น แต่มาตรการเยียวยาที่ยังปิดบัญชีไม่ลง เป็นของแสลงของรัฐบาลชุดนี้ มีแต่เสมอตัวกับติดลบ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th