ณ ซอกมุมหนึ่งของผืนแผ่นดินไทย มีครอบครัวเล็กๆประกอบด้วย ตา ยาย พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกสาว หลานชาย รวมแล้ว 8 ชีวิต
ตา อายุมากแล้วถึงแม้จะผอมเกร็งแต่มีสุขภาพแข็งแรงสายตายังดี ไม่เคยอยู่ว่างวันๆก็ตัดไม้ไผ่มานั่งจักเป็นตอกเพื่อสานกระบุง กระจาด ตะกร้า ส่งไปขายในเมือง บางทีก็ทำลอบ ทำไซ ไว้ขายให้ชาวบ้านซื้อไปใช้เป็นเครื่องมือจับปลา คันเบ็ด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตามีฝีมือในการคัดเลือกเรียวไผ่มาทำให้เด็กๆในละแวกบ้านที่มาขอ ผู้ใหญ่ก็เหมือนกันใครมาซื้อก็ขายมาขอก็ให้ นัยว่าตาสมัยหนุ่มเป็นพรานปลามือฉมัง
ยาย ถึงแม้จะอายุอ่อนกว่าตาเพียงไม่กี่ปี และมีเจ็บไข้ออดๆแอดๆอยู่บ้าง แต่ยายก็ยังรับภาระหนักในการหุงข้าวต้มแกงเลี้ยงดูคนในครอบครัว มิหนำซ้ำที่ดินรอบๆบ้านยังรกเรื้อไปด้วยพืชผักสวนครัวนานาชนิด พริก ขิง ข่า ตะไคร้ กะเพรา โหระพา แมงลัก ตำลึง ถั่วฝักยาว ฟักทอง ต้นมะกรูด มะนาว กล้วย อ้อย มะพร้าว ฯลฯ ว่างจากเรื่องกินอยู่ของคนในบ้านแล้วยายยังทำขนมต่างๆให้หลานไปขายหลังเลิกเรียนเพื่อหารายได้เสริมในครอบครัวอีก
พ่อ ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว มีอาชีพทำนามาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ พื้นที่นาที่ทำก็เช่าจากเถ้าแก่โรงสีเศรษฐีที่ดินสืบต่อจากปู่ย่าซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ทำนาได้บ้างเสียบ้างแต่ยังดีที่มีข้าวกินตลอดปีโดยอาศัยอยู่ในที่ดินแค่กระแบะมือซึ่งตกทอดมานมนานเช่นกันแต่จะเป็นกรรมสิทธิ์ประเภทใดไม่มีใครรู้แน่ชัด
แม่ ที่ดูเหมือนจะเป็นมือรองช่วยยายในเรื่องในบ้านทุกอย่างและทำหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดซักเสื้อผ้าให้ทุกคนแล้ว เวลาที่มีการติดตลาดนัดในหมู่บ้าน แม่จะกลายเป็นแม่ค้าจำเป็นที่หอบเอาพืชผักและทุกสิ่งที่หาได้ไปขายของในตลาดนัดเป็นประจำไม่เคยขาด
...
ลูกชาย แรกๆก็อยู่ช่วยพ่อทำนาแต่ทำไปทำมาไม่พอกินปากเดียวท้องเดียวยังพอทำเนา พอมีเมียมีลูกเข้าก็เผ่นเข้ากรุงเทพฯไปทำงานรับจ้างทั่วไปแล้วลงเอยด้วยการขับแท็กซี่หาเงินส่งกลับมาทางบ้าน พร้อมกับลงเรียนราม
ลูกสะใภ้ เมื่อผัวเข้ากรุง ก็ไปเป็นลูกจ้างร้านทำเล็บทำผมในตลาดได้ค่าจ้างเป็นรายวัน วันไหนไม่ไปก็อด วันไหนได้ทิปดีๆทั้งตัวเองและลูกก็ได้กินเปรี้ยวกินหวานบ้าง
ลูกสาว อุตส่าห์เรียนหนังสือจนจบพาณิชย์ระดับ ปวช. เป็นลูกจ้างทำบัญชีการเงินที่โรงแรมเล็กๆในตัวอำเภอเป็นคนที่มีรายได้ประจำถ้าอยู่ตัวคนเดียวก็คงพอเลี้ยงตัวได้ แต่เพราะเป็นเด็กกตัญญูเงินเดือนที่ได้มาแบ่งเป็น 2 ส่วน ใช้เองครึ่งหนึ่ง ให้แม่ใช้จ่ายในครอบครัวอีกครึ่งหนึ่งเลยแทบไม่มีอะไรเก็บออม
หลานชาย ขวัญตาขวัญใจของทุกคนในครอบครัวปีนี้เรียนชั้น ป. 6 แล้วเย็นลงมารับขนมที่ยายทำไปเร่ขาย วันเสาร์อาทิตย์ถ้ามีตลาดนัดก็ไปช่วยแม่ขายของ หรือไม่ก็ไปช่วยพ่อหาปลา หาของป่า
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชีวิตในครอบครัวนี้ก็พออยู่พอกินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
แต่แล้ววันหนึ่ง รัฐบาลประกาศว่าเกิดมีโรคระบาดชื่อโควิด-19 อะไรก็ไม่รู้ให้ทุกคนรักษาความสะอาดอยู่กับบ้าน กระบุงกระจาดเครื่องมือจับปลาของ ตาไม่มีใครมาถามหา แต่ ยาย ยังมีภาระหนักเหมือนเดิม พ่อ ว่างงานนาเพราะเจอภัยแล้ง วันๆนั่งกอดเข่ากลุ้มใจกับหนี้ ธ.ก.ส.และหนี้เถ้าแก่โรงสี แม่ ต้องหยุดขายของเพราะเขาห้ามมีตลาดนัด ได้แต่อยู่บ้านช่วยยายอย่างเดียว ลูกชาย ตกงานเพราะขับแท็กซี่ได้ไม่พอค่าเช่าต้องซมซานกลับบ้าน ลูกสะใภ้ ตกงานเพราะร้านทำผมโดนปิด ลูกสาว ก็ไม่มีเงินเดือนอีกต่อไปเพราะโรงแรมปิดตัวเอง เนื่องจากไม่มีคนมาพักเพราะแขกส่วนใหญ่คือเซลส์แมนขายยาขายของสารพัด แต่ยังดีที่ได้ประกันสังคมช่วยบ้าง หลานชาย สอบ ป.6 เสร็จแล้ว กำลังเคว้งคว้าง ว่าจะสอบเข้าเรียน ม.1 ที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ก็ไม่รู้จะให้สอบเมื่อไหร่
แล้วเหมือนฟ้ามาโปรดเมื่อรัฐบาลประกาศเยียวยาคนตกงานเดือน ละ 5 พันบาทโดยให้รีบไปลงทะเบียนเท่าที่มีสิทธิ ทุกคนรีบกรอกข้อมูลตามความจริงทุกอย่าง ใครทำไม่ถูกก็มีหลานคอยช่วย
ผลการคัดกรองออกมาว่า ตา-ยาย เป็นคนชราไร้อาชีพ พ่อ เป็นเกษตรกร แม่ เป็นแม่บ้าน ลูกชาย เป็นเกษตรกรและเป็นนักศึกษา ลูกสาว มีประกันสังคม หลานชาย เป็นนักเรียน 7 คนนี้ไม่มีสิทธิ
มีลูกสะใภ้ ได้ 5 พันคนเดียว....สวัสดี.
“ซี.12”