ให้สกัดเข้มข้น ป๊อกนำทีม มท.หัก 50% 3 เดือน ตั้งทุนสู้ ‘โควิด’
สภาฯตั้งท่าถก พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับม้วนเดียวจบ จ่อผ่าน 3 วาระรวดร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ ปี 63 ครม.ขอทำแผนแก้ปัญหาโควิด-19 ใส่ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 ก่อนส่งเข้าสภาฯ 17 ก.ค. สมาชิก ส.ว.ตามแห่นายกฯห้ามทุจริตงบเยียวยา-ฟื้นฟู “วันชัย” ยุตัดหัวขจัดเหลือบเขมือบงบประมาณ “คำนูญ” หวั่นแร้งลงรุมทึ้งเงินกู้มโหฬาร ไม่ใช้งบฯพรรคการเมืองหาเสียง แนะงัดระเบียบสำนักนายกฯสกัดโกง “บิ๊กป๊อก” นำทีมบิ๊ก มท.หักเงินเดือน50 เปอร์เซ็นต์นาน 3 เดือน ตั้งกองทุนร่วมทุกข์ ร่วมสุข สู้ภัยโควิด ซับน้ำตาคนไม่ได้รับความช่วยเหลือ“นิพนธ์” บอกทุกคนเต็มใจเสียสละช่วยชาวบ้าน “ชวลิต”ขู่ความหิวไม่เคยปรานีใคร บี้ รบ.รีบจ่ายเยียวยา“อนุสรณ์” อัด ส.ว.เล่นพวกตั้ง 14 นายพลนั่ง กมธ. “บิ๊กติ๊ก”โอดถูกขย้ำเพราะนามสกุลจันทร์โอชา
สภาผู้แทนราษฎรเตรียมความพร้อมเปิดการประชุมสมัยสามัญ เพื่อเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2563 เพื่อใช้แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะพิจารณาแบบ 3 วาระรวด และตามด้วย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาเป็นห่วงจะเกิดการทุจริตการใช้จ่ายเงินงบประมาณและเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
สภาฯไม่ใช้คอนเฟอเรนซ์กลัวขัด รธน.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 เม.ย.ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า การเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญ วันที่ 22 พ.ค. สรุปว่าจะใช้ห้องประชุมห้องสุริยันที่พร้อมแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งระบบเสียงและระบบลงคะแนน ห้องทำงาน ส.ส. ต้นเดือน พ.ค.จะย้ายเข้าเตรียมพร้อมรับทำงานของ ส.ส.ได้ ภาพรวมการก่อสร้างอาคารรัฐสภาคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 72 ตามสัญญาต้องแล้วเสร็จในวันที่ 31 ธ.ค.63 ส่วนที่มีคนเสนอให้ประชุม ส.ส.ผ่านระบบออนไลน์หรือประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คงมีปัญหามากมาย ยืนยันว่าจะเป็นการประชุมพร้อมกันในห้องประชุมสุริยัน หากไม่ประชุมห้องเดียวในคราวเดียวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 120 ที่บัญญัติการนับองค์ประชุมได้ พื้นที่จอดรถรองรับได้ 2,000 คัน สภาฯได้เตรียมมาตรการการคัดกรองบุคคลตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด นอกจากวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากอนามัย ยังไม่เพียงพอ จึงให้นั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ส่วนมาตรการเสริมอื่นการตรวจ ส.ส.ก่อนเข้าห้องประชุมหรือไม่ต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมของประเทศก่อนว่าเมื่อใกล้ถึงวันเปิดประชุมสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นอย่างไร
...
ถก พ.ร.ก.กู้เงินไม่ยืดเยื้อวันเดียวจบ
นพ.สุกิจ กล่าวอีกว่า กรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นเอกสารขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ หักเงินเดือนจนหมดวาระ ส.ส. เลขาสภาฯจะทำหนังสือเเจ้งไปยังนายมงคลกิตติ์มาเขียนชื่อโครงการให้ถูกต้อง จากนั้นถึงจะหักเงินให้ได้ต่อไป ส่วนการเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญ สภาฯจะนัด ส.ส.มาประชุมช่วงวันที่ 27-28 พ.ค. วาระแรกเชื่อว่าจะนำเสนอ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เท่าที่ทราบหากรัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงินก่อนสภาฯจะเปิดสมัย ต้องนำเข้าให้สภาฯพิจารณาเร่งด่วนเป็นวาระแรก และต้องให้สภาฯอนุมัติ คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อ วันเดียวจะแล้วเสร็จ
จ่อผ่าน 3 วาระรวด พ.ร.บ.โอนงบฯ 63
นพ.สุกิจกล่าวต่อว่า ต่อมาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2563 เพื่อใช้แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ ตามที่ได้รับการประสานจะพิจารณาแบบ 3 วาระรวด ตั้งกรรมาธิการพิจารณาเต็มสภาฯ ส่วนร่างกฎหมายที่สำคัญสัปดาห์ถัดไปช่วงวันที่ 4-5 มิ.ย. รัฐบาลจะเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2564 ให้สภาฯพิจารณาในวาระแรก
ครม.เเจ้งงบฯปี 64 เข้าสภาฯ 17 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า จากกรณีที่สภาฯ มีกำหนดจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในช่วงวันที่ 4-5 มิ.ย. ล่าสุดในทาง ครม.ได้เเจ้งมายังสภาฯว่า ขอยืดเวลาไปจากเดิม โดยจะขอนำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 เข้าสภาฯ วาระเเรก ในวันที่ 17 ก.ค.เเทน เนื่องจากต้องจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาแก้ไขปัญหาเรื่องโควิด-19 เพิ่มเติมด้วย
ส.ว.ห่วงเหลือบงาบงบฯเยียวยา–ฟื้นฟู
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลระมัดระวังการทุจริต เล่นพรรคเล่นพวก จนเงินเยียวยาไปไม่ถึงคนเดือดร้อนจริงๆ เรื่องนี้เป็นมาทุกยุคสมัย รวมหัวกันหากินจากงบ ประมาณแผ่นดินไม่ว่าเงินคนพิการ คนด้อยโอกาส เด็กนักเรียน ผู้ประสบภัย ต่างถูกพวกฉ้อฉลหากินมาตลอด ความเดือดร้อนทั่วแผ่นดินขณะนี้ถ้ามีเหลือบรวมหัวหากินต้องจัดการเด็ดขาด ตัดหัวไปเลย ต้องเร็วและแรงให้เห็นจะจะผู้มีอำนาจต้องเข้มงวดกวดขันถึงลูกถึงคน ทุกขั้นตอนต้องปิดประตูตายการทุจริต นอกจากเงินเยียวยาแล้ว เงินฟื้นฟูกำลังจะตามมาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ขอนำไปใช้ฟื้นฟูอย่างแท้จริง ไม่จ้องหาประโยชน์ เล่นพรรคเล่นพวก ประชาชนต้องร่วมเป็นหูเป็นตา ฝ่ายการเมืองต้องตรวจสอบ ถ้ามีทุจริตเมื่อไร ถือเป็นโรคร้ายรุนแรงกว่าโควิด-19 เสียอีก ส่วนการใช้กลไกรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นมาช่วยกลั่นกรองตรวจสอบคนเดือดร้อน มาถูกทางแล้ว รัฐบาลอย่าไปถือสาฝ่ายการเมืองที่ออกมาให้ข้อสังเกตกล่าวหา ขอให้ทุกฝ่ายหยุดต่อปากต่อคำบ้างจะเป็นสิ่งดี
หวั่นแร้งลง รุมทึ้งเงินกู้ 1 ล้านล้าน
ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แร้งลง รุมทึ้ง เชื้อชั่วไม่ยอมตาย ต้องไม่เกิดขึ้นกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ชอบแล้วที่นายกฯออกมาแถลงเชิงปรามนักการเมืองเมื่อ 2-3 วันก่อน ยืนยันหนักแน่นว่าต้องไม่มีทุจริตเกิดขึ้นทุกรูปแบบ วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ มากกว่างบลงทุนในงบฯแต่ละปี เป็นเงินกู้นอกงบประมาณ เมื่อได้มาแล้ว ไม่ต้องส่งเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีเหมือนรายรับอื่นของรัฐ แยกบัญชีไว้ที่กรมบัญชีกลางให้หน่วยงานต่างๆมาเบิกไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายออกไปตามกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี มีผลยกเว้นรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ตัดบทบาทของรัฐสภาไป การใช้เงินก้อนนี้ถูกกำหนดโดยรัฐบาลฝ่ายเดียว ไม่ผ่านรัฐสภาทั้งสภาฯ วุฒิสภา รัฐบาลเพียงรายงานการใช้จ่ายเงินกู้ตามกฎหมายต่อรัฐสภาภายใน 60 วันหลังสิ้นปีงบฯเท่านั้น ที่ผ่านมาวัตถุประสงค์จะเขียนไว้สั้นๆ ชนิดนับบรรทัดได้ ไม่มีรายละเอียดชัดเจนจะใช้เงินไปทำอะไรบ้าง
แนะใช้ระเบียบสำนักนายกฯสกัดโกง
นายคำนูณระบุว่า เงิน 1 ล้านล้านบาทนี้กำหนดชัดเจนว่าไปฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่ ชุมชนทั่วประเทศโดยตรง 4 แสนล้านบาท อีก 6 แสนล้านบาทไว้เยียวยาผู้เดือดร้อนทางเศรษฐกิจ จัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และสาธารณสุข น่าจับตาทั้ง 2 ส่วนจะทำอย่างไรให้ถึงชาวบ้านจริง การจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆจะไม่มีการชักเปอร์เซ็นต์ ต้องไม่ใช้งบประมาณหาเสียงให้พรรคการเมืองตามห่วงกัน ต้องไม่ใช้อย่างเบี้ยหัวแตก หมดแล้วหมดไปไม่เหลือไว้เป็นฐานโครงสร้างให้ต่อยอด ต้องไม่มีการชักเปอร์เซ็นต์ไม่ว่ารูปแบบใดในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อย่าให้มีการโกง ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เชื่อว่านายกฯใช้ความระมัดระวังสูงสุด สร้างทำนบป้องกันไว้มากพอสมควร ตัวช่วยสำคัญคือ ระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการใช้เงินกู้ก้อนนี้ จึงอยากให้ระเบียบสำนักนายกฯนี้เข้มข้น ไม่แพ้เกณฑ์การใช้งบฯประจำปี แม้เป็นเงินกู้นอกงบประมาณ แต่ทุกบาททุกสตางค์ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ยต้องชำระคืน จะมีผลให้งบฯแต่ละปีน้อยลง ต้องแบ่งไปชำระหนี้ แร้งลง รุมทึ้ง เชื้อชั่วไม่ยอมตายต้องไม่เกิดขึ้นกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
“บิ๊กตู่” ชมเปาะมองโกเลียสยบไวรัส
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายทุกสบิลกูน ทูมูร์คูเลก เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกฯกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต ที่มีบทบาทสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ และชื่นชมรัฐบาลมองโกเลียในมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิผล ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อย และยินดีมองโกเลียเปิดบริการเที่ยวบินตรงเส้นทางกรุงเทพฯ-กรุงอูลานบาตอร์ หวังว่าหลังโควิด-19 คลี่คลาย ทั้งสองฝ่ายจะใช้ประโยชน์สายการบินดังกล่าวส่งเสริมแลกเปลี่ยนในระดับประชาชนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ขณะที่เอกอัครราชทูตกล่าวขอบคุณรัฐบาลและนายกฯถึงความเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิด ยืนยันเอกอัครราชทูตจะมีบทบาทอย่างเข้มแข็งส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลีย
มท.หั่นเงินเดือน 50% ตั้งกองทุนโควิด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายประจำ และรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีทุกกรม ผู้ว่าฯทุกจังหวัด ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งผู้บริหารสูงสุดของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ได้พร้อมใจกันบริจาคเงินเดือนร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.นอกจากนี้ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการบำนาญ และเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย ร่วมบริจาคตามความสมัครใจ และร่วมกันจัดตั้งกองทุนชื่อ “มหาดไทย ร่วมทุกข์ ร่วมสุขประชาชนจากภัยโควิด-19” ขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงาน องค์กร หรือเข้าไม่ถึงระบบความช่วยเหลือหรือไม่สามารถขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการได้ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการกองทุนขึ้น เพื่อพิจารณาช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนต่อไป ทั้งนี้เพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากการปฏิบัติตามหน้าที่ราชการ ดังปณิธานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของชาวมหาดไทย
“นิพนธ์” บอกทุกคนเต็มใจสละช่วย ปชช.
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายประจำ และรัฐวิสาหกิจ ร่วมบริจาคเงินเดือนร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่า เป็นแนวคิดของคนในกระทรวงมหาดไทย นำโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ว่าควรจะร่วมกันทำ เพราะเห็นว่าเป็นการเสียสละ เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำในสภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราเต็มใจที่จะทำแม้ว่าจำนวนเงินจะไม่มาก แต่เป็นการกระทำ เป็นการแสดงออก เพื่อร่วมกันดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ยืนยันว่าทุกคนเต็มใจช่วยเหลือตั้งแต่รัฐมนตรี อธิบดี และผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง
พท.เตือน รบ.ความหิวไม่เคยปรานีใคร
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์สำคัญๆของโลก เมื่อประชาชนหิวจนหาทางออกให้ตนเองและครอบครัวไม่ได้ อะไรที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นได้ สถานการณ์ในไทย หากไม่ผ่อนคลายให้ประชาชนได้ทำมาหากิน ได้หายใจทางธุรกิจบ้างตามสมควร บ้านเมืองปั่นป่วนแน่ จึงขอฝากฝ่ายบริหารได้ปรึกษากับฝ่ายควบคุมโรค ว่าถึงเวลาจำเป็นที่รัฐบาลต้องผ่อนคลายให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพเพื่อยังชีพ ฝ่ายควบคุมโรคควรมีมาตรการที่เหมาะสมควบคุมโรค ที่ประชาชนดำเนินการได้ ระยะเวลาควบคุมเข้มข้นไม่ควรเกินอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ถ้ายืดเวลามาตรการควบคุมไปจนถึงสิ้น พ.ค.การเยียวยารายละ 5,000 บาท การตรวจสอบสิทธิประชาชนไม่ควรรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง ควรกระจายอำนาจไปยังส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ต้องรีบจ่ายเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว กว้างขวางและทั่วถึง เร่งให้เงินหมุนเวียนอยู่ในระบบทุกระดับทั้งอำเภอ จังหวัดให้มากที่สุด
ปชป.แจกแมสก์ผ้า 5 แสนชิ้น
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จัดทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าซักได้ 500,000 ชิ้น แจกให้พี่น้องประชาชนแบ่งปันกันทั่วประเทศผ่าน ส.ส. อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส.สาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดในทุกจังหวัด ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อให้ผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ไปให้ได้ บุคลากรของพรรคทั้งหมดได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ มีทั้งร่วมผลิตหน้ากากผ้า ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แจกเจลล้างมือ ร่วมสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วน ร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนในทุกพื้นที่ ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเท ประชาชนเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเสมอ
“เทพไท” ลุยบี้ลดค่าขนส่ง–รถโดยสาร
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและน่ายินดีที่กระทรวงพาณิชย์จัดโครงการ “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” ร่วมกับภาคเอกชน 22 บริษัทลดราคาสินค้า 72 รายการ จัดส่วนลด 5-58% ระหว่างวันที่ 16 เม.ย.-30 มิ.ย. อยากให้มาตรการลดราคาสินค้าช่วยเหลือประชาชนของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่านายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน จะยืนยันว่าราคาสินค้าปรับตัวขึ้นลง ไม่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวของราคาน้ำมัน แต่จะเกี่ยวข้องกับการขนส่งหรือระบบโลจิสติกส์ แต่อยากให้รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ผู้มีรายได้น้อย ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและต้องปรับลดราคาค่าขนส่ง ค่ารถโดยสารสาธารณะ ที่มีต้นทุนส่วนใหญ่จากราคาน้ำมันโดยตรง อย่าให้ค่าครองชีพสูงซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
“เชาว์” ห่วงเด็ก 20 ชุมชนขาดสารอาหาร
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้ตั้ง “โรงครัวทนายเชาว์สู้ภัยโควิด” จัดข้าวกล่องแจกจ่ายให้ประชาชนในชุมชนเขตห้วยขวาง วันละ 500-1,000 กล่อง ประเดิมที่ชุมชนทับแก้วและชุมชน ส.พัทยา จะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ สลับกับการแจกไข่ไก่ ครอบครัวละ 1 แผง 30 ฟอง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จะทยอยหมุนเวียนไปกว่า 20 ชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน คนในชุมชนอดอยากเด็กๆขาดแคลนนม ขาดสารอาหาร พ่อแม่ไม่มีงาน ไม่มีเงิน หากนานเข้าจะกลายเป็นเด็กขาดสารอาหาร น่าวิตกจะเกิดขึ้นกับเด็กในชุมชนแออัด ภาครัฐต้องเร่งเข้ามาดูแลด่วน
พท.อัด ส.ว.ตั้ง 14 นายพลเป็น กมธ.
อีกเรื่อง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้ง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นกรรมาธิการการท่องเที่ยวว่า ยุคนี้ยิ่งกว่าตั้งพวกพ้อง ตั้งน้องท่านผู้นำมารับประโยชน์เป็น กมธ. พล.อ.ปรีชามีผลงานขาดประชุม สนช. 394 วัน จาก 400 วัน แต่ยังถูกเลือกให้เป็น ส.ว.ด้วยเหตุใด ประชาชนพอทราบที่มา ไม่แน่ใจว่าคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อเห็นข่าวการแต่งตั้ง พล.อ.ปรีชาในสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่รู้จะมีความหวังหรือหมดหวัง ที่น่าตกใจคือรายชื่อมีถึง 14 นายพลนั่งเป็น กมธ. ในช่วงที่ผ่านมาแม่น้ำ 5 สาย ส.ว.มีลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ตั้งเครือญาติลูกหลานมารับตำแหน่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน เอาเปรียบสังคมหลายกรณี ส.ว.จะตั้งใครเป็นสิทธิ แต่ควรเคารพและฟังเสียงประชาชนบ้าง ตอนประชาชนเรียกร้องให้สละเงินเดือน ส.ว. เหล่า ส.ว.กลับเพิกเฉย แล้วยังมาแต่งตั้ง กมธ.ที่ไม่เคารพและฝืนความรู้สึกประชาชนอีก
“บิ๊กติ๊ก” พ้อถูกขย้ำเพราะนามสกุล
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการการท่องเที่ยวว่า ไม่มีอะไรเลย ตนเข้าไปทำงานตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาใน 2 คณะ คือ คณะ กมธ.สาธารณสุข และคณะ กมธ. การท่องเที่ยว ช่วยเหลืองานทั้ง 2 คณะมาโดยตลอด ยืนยันว่าสมัครใจเข้าไปทำงาน ไม่ได้มีใครแต่งตั้ง อยากใช้ประสบการณ์ ความรู้ที่มีให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม “เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ออกมานั้นน่าจะเป็นเพราะผมนามสกุลจันทร์โอชา”
“บุญธรรม” โอดมีชื่อ “ปรีชา” เลยเป็นเรื่อง
พล.อ.บุญธรรม โอริส รองเลขานุการคณะ กมธ.การท่องเที่ยว กล่าวชี้แจงถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้ง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา เป็น กมธ.การท่องเที่ยวว่า ตำแหน่งใน กมธ.ว่างลง พล.อ.ปรีชาจึงอาสาเข้ามาทำงาน ไม่ได้มีใครตั้งใครแต่สมัครใจมาทำงาน ที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีอดีตนายทหารหลายคนนั่งเป็นคณะ กมธ.การท่องเที่ยว กมธ.ชุดนี้มี 19 คน 14 คนเป็น ส.ว.และอีก 5 คนเป็นพลเรือนทั้งหมดมีความรู้ความสามารถ ทำงานกันมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมี เพียงแต่พอมี พล.อ.ปรีชาเข้ามาอีกคน กลายเป็นเรื่องเป็นราว ต้องให้ความเป็นธรรมกับ 12 นายพล ที่นั่งอยู่ในคณะ กมธ.การท่องเที่ยวด้วย อยากให้ไปดูโปรไฟล์แต่ละท่านผ่านงานอะไรมาบ้าง เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์ ตนทำงานท่องเที่ยวมาตลอดตั้งแต่ปี 2550 เป็น กมธ.การท่องเที่ยว สภาฯช่วงยังไม่มีรัฐประหารมาด้วยซ้ำ ทุกท่านมีองค์ความรู้ เราทำงานปิดทองหลังพระตลอด เรามีหน้าที่ติดตามเร่งรัด ตรวจสอบ เสนอแนะฝ่ายรัฐบาล เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 เรื่องเร่งรัดการปฏิรูปประเทศช่วง 5 ปีแรก ให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ 10 ปี ที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่เมื่อเกิดปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต้องปรับเปลี่ยนเสนอรัฐบาลว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้การท่องเที่ยวสอดคล้องกับปัจจุบัน ประชุมผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์กันทุกวัน ไม่เคยมีเบี้ยเลี้ยงหรืองบฯเราใช้เงินเดือนของแต่ละคน
“บิ๊กป้อม” ดันสุดลิ่มไซเบอร์ ซิเคียวริตี้
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) จากนั้น พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเตรียมจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และความคืบหน้าการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารและกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่ประชุมได้เห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งเลขาธิการ เพื่อให้เป็นกลไกขับเคลื่อน มีเป้าหมายสู่การพัฒนาและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้ประเทศมีความพร้อมป้องกัน และรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเจาะเข้าระบบอินเตอร์เน็ต (hacking) เป็นต้น พล.อ.ประวิตรได้กำชับให้เร่งผลักดันขับเคลื่อน Cyber Security ของประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
“โรม” เย้ยรั้วทหารไม่มั่นคงจี้ปฏิรูปกองทัพ
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.สั่งการผู้บังคับหน่วยการแก้ไขปัญหาการเกณฑ์ทหารโดยเลื่อนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำปี 2563 จากผลกระทบโควิด-19 และให้ทหารกองประจำการสมัครใจเลื่อนปลดประจำการต่อไปอีก 1 ปี มียอดเพียงร้อยละ 13 หรือประมาณ 5,460 นาย จากยอดปลดประจำการ 42,000 นาย น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะนี้หางานยากลำบาก ถึงทหารประจำการกว่า 36,500 นาย หรือร้อยละ 87 ที่จะปลดประจำการกลับเลือกจะไม่อยู่เป็นทหารต่อไป สะท้อนว่าในรั้วค่ายทหารอาจไม่ได้ให้ความมั่นคงกับชีวิตอย่างที่ผู้นำทหารพยายามทำให้เราเชื่อ จึงไม่อาจรั้งใครไว้ได้ กองทัพควรจะใช้วิกฤตินี้ปรับปรุงกองทัพตามแนวทางที่อดีตพรรคอนาคตใหม่เคยเสนอตามร่าง พ.ร.บ.การรับราชการทหารฉบับใหม่ เลิกบังคับเกณฑ์ทหารในยามสันติ ใช้การสมัครเปิดโอกาสให้ทั้งชายและหญิงเท่าเทียมกัน ยกระดับให้ทหารมีเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี และแก้ปัญหาเรื้อรัง นำพลทหารไปรับใช้ส่วนตัว การฝึกละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ต่อยอดเป็นทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร
“วัชระ” บี้ อสส.แจงยุติคดี “โอ๊ค” ฟอกเงิน
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ขอทราบเหตุผลรายละเอียดกรณีอัยการไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร 10 ล้านบาท ที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นจำเลย โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่อง นายวัชระกล่าวว่า ประชาชนผู้เสียภาษีสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นอย่างมากจึงส่งหนังสือถาม และขอถามตรงๆว่ามีใบสั่ง มีการแทรกแซงทางการเมือง วิ่งเต้นหรือไม่ ทั้งอยากให้รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดูกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เป็นอุทาหรณ์ ถ้าทำตามใบสั่งทางการเมืองในที่สุดไม่มีใครช่วยข้าราชการประจำได้ ขอโปรดยึดหลักกฎหมาย ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม
อัยการโต้ไม่มีใบสั่งเฉกเช่นศาลยกฟ้อง
ด้านนายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้เมื่อพนักงานอัยการศาลสูงมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จตามกระบวนการกฎหมาย สำนวนส่งต่อไปที่ดีเอสไอ ถ้าดีเอสไอเห็นด้วยกับคำสั่งของอัยการจะถึงที่สุด แต่ถ้าเห็นแย้งจะส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ส่วนเนื้อหาไม่สามารถอธิบายได้ แต่ยืนยันในหลักการว่าศาลยกฟ้อง ความเห็นขององค์คณะที่แตกต่างเป็นรายละเอียดทางคดีในแง่กฎหมายคือยกฟ้อง อัยการคณะทำงานเห็นด้วยกับศาลยกฟ้องเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ส่วนหนังสือร้องเรียนบอกว่ามีใบสั่งวิ่งเต้นไหม ขอให้มั่นใจว่าไม่มี เฉกเช่นเดียวกับการวินิจฉัยของศาล ต้องให้ความเชื่อมั่นในความสุจริตว่าท่านยกฟ้องคงไม่มีใครไปวิ่งเต้น อัยการสั่งไม่อุทธรณ์คงทำนองเดียวกัน
ดีเอสไอยันอุทธรณ์คดีต้องรอบคอบ
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ (ฝ่ายคดีพิเศษ 4) ส่งสำนวนคดี พร้อมความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษาคดีดังกล่าวให้ดีเอสไอแล้ว พนักงานอัยการขอขยายเวลาอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 4 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 เม.ย. ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ขอให้ติดตามคดีผ่านเว็บไซต์ www.dsi.go.th หรือเฟซบุ๊ก DSI www.facebook.com/DSI2002/เท่านั้น ขณะที่ นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการอธิบดีดีเอสไอ เผยว่า ดีเอสไอจะพิจารณาโดยเร็วและรอบคอบ หากมีความเห็นไม่ทันวันที่ 25 เม.ย.ก็จำเป็นต้องมีหนังสือถึงพนักงานอัยการขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป