'อภิสิทธิ์' ยันไม่คิดแก้แค้น เผย คืน 10 เม.ย. ร้องไห้นาน เมียให้สติ อาสามาทำงานต้องทำให้ลุล่วง 'ชวน' เผย สงสารชาวเชียงใหม่ ท่องเที่ยวทรุด...
เมื่อเวลา 19.10 น. วันที่ 23 มิ.ย. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นปราศรัยท่ามกลางเสียงตบมือจากกองเชียร์ที่ต่างตะโกนโห่ร้องต้อนรับว่า ไม่ว่าจะพูดถึงสี่แยกไหนก็ตาม แต่ความจริง ก็คือความจริงที่ ผ่านมาตนได้เดินทางไปหาเสียงที่ภาคอีสาน พบว่าป้ายหาเสียงของพรรคถูกทำลายมากกว่าร้อยละ 90 และวิธีทำลายคือการกรีดหน้าของหัวหน้าพรรค ตนไม่อยากจะบอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็มั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับพฤติกรรม เพราะไม่ใช่การสู้ด้วยวิธีทางที่ถูกต้อง และไม่เข้าใจว่าผู้ที่ทำ ทำทำไมต้องกลัวหน้า นายอภิสิทธิ์ ตนได้ไปจังหวัดในภาคอีสานที่ศาลากลางถูกเผา และ ต้องทำใหม่ด้วยเงินภาษีของประชาชน เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ไปบ้านหมู่บ้านคนเสื้อแดง และ ได้พูดคุยกับชาวบ้าน จึงได้ทราบว่า ชาวบ้านนั้นมีความกลัวถึงขนาดบอกกับตนว่า ยืนยันว่าจะสนับสนุนอยู่ในใจ แต่อย่าให้รับสิ่งของอะไรเลยเพื่อความปลอดภัย
นายชวน กล่าวต่อว่า สงสารพี่น้องที่เชียงใหม่ ที่การท่องเที่ยวทรุด คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ตนได้ห้ามปรามไม่ให้ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านพรรคการเมืองอื่นที่เข้าไปหาเสียงในพื้นที่บ้างมิเช่นนั้น จะเกิดความขัดแย้งและวุ่นวายไม่รู้จบ นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงของสังคมไทยคือการปล่อยให้เกิดวงจรอุบาทว์ ธุรกิจการเมืองที่มีการซื้อเสียงแล้วมาถอนทุนเมื่อได้บริหารประเทศ
ทั้งนี้นายชวนได้จบการปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 20.30น.ขณะที่บรรยากาศบริเวณลานปราศรัยเริ่มคึกคักขึ้นเพราะประชาชนเตรียมจะมารอฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ โดยกล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนชัมมิต) ที่ตนต้องพานายกฯ หนีไปอยู่ในห้องแคบๆ 4x4 เมตร หลังคนเสื้อแดงไปล้มการประชุม ต่อมาจึงเกิดการชุมนุม และ เหตุวุ่นวายการชุมนุมเดือนเมษายนปี 53
กระทั่งเวลา 21.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัย โดยขอให้ผู้ฟังทั้งหมดยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์การสูญเสียในการสลายการชุมนุม จากนั้นนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การมาปราศรัยที่นี่เพื่อยืนยันว่าราชประสงค์เป็นของคนไทยทุกคน และหลังวันที่ 3 ก.ค. จะเดินหน้าประเทศไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวโลกอีกครั้ง ตนไม่มีเจตนามาตำหนิใส่ร้ายใคร และไม่ขอตอบโต้กับผู้ที่จะตอบโต้การปราศรัยในวันนี้ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกทุกข์ของตนมากที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตนมีสิทธิที่จะพูดมากที่สุดว่าไม่คิดจะแก้แค้นใคร เพราะไม่เคยแค้นใคร ที่ผ่านมาพยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสียมากที่สุด ในปี 2552 ได้แก้ปัญหาจนไม่มีคนเสียชีวิต และไม่เคยบอกว่าเป็นชัยชนะ อีกทั้งยังให้มีการตรวจสอบในสภาได้อีก กระทั่งปี 2553 เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น เพราะศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่มีการทำทุกวิถีทางให้ตนเป็นคู่ขัดแย้งเพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีการปลุกระดมเงื่อนไขมากมาย โดยพยายามทำให้เห็นว่ารัฐบาลเป็นเผด็จการ ใช้กำลังสลายการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 2553 ขอสารภาพว่าต้องร้องไห้อยู่นานมาก คิดอะไรก็ไม่ตก คนที่ให้สติคือภรรยา แนะนำว่าอาสามาทำงานแล้วเมื่อมีปัญหาต้องแบกรับและเดินหน้าต่อไปให้ลุล่วง ห้ามหนีปัญหา จากนั้นนำไปสู่เหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค.2553 ก่อนหน้านั้นมีการเจรจา แต่ถูกปฏิเสธเพราะไม่ได้ตอบโจทย์ของคนคนหนึ่ง การที่ตนมาปราศรัยครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนดูว่า ตนสามารถทำงานปรองดองได้หรือไม่ แต่บางพรรคมีความพร้อมปรองดองหรือไม่ ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาเขามีโอกาสหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกครั้ง แต่ทำไมนายใหญ่ของเขาจึงปฏิเสธความประนีประนอมปรองดอง อยากรู้จริงๆว่าจิตใจทำด้วยอะไร อย่างไรก็ตาม หากเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทเป็นของตนก็จะคืน และจะขอให้หยุดทำร้ายประเทศไทย แต่ถ้าจะให้พูดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าคุณสำนึกและยอมรับผิด เชื่อว่า สังคมไทยจะให้อภัย ทั้งนี้ ถ้าเลือกตนเป็นรัฐบาล จะไม่ยอมให้ใครเอาชีวิตประชาชนมาเป็นของเล่นทางการเมืองอีก
...