ถอดหัวโขนการเมืองหันหน้ามาร่วมกันแก้ไขเพื่อช่วยประชาชนดีที่สุด ห้วงเวลานี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่จะต้องฟันฝ่าไปให้ได้ เพราะ “อำนาจ” ที่ได้มานั้นปลายทางก็คือ เพื่อใครล่ะ...
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้สิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ก็ได้พบได้เห็นกันไม่ต่างกับการปลิ้นไส้สังคมออกมาตีแผ่กัน
“โควิด–19” ไวรัสร้ายอาละวาดไม่ไว้ หน้าใครทั้งนั้น
ดูอย่างมหาอำนาจอเมริกาที่เคย
ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็รู้กันดีอยู่ แต่วันนี้เจอเข้าเต็มเปาทั้งยอดผู้ติดและผู้เสียชีวิต
มาเป็นอันดับ 1 ของโลกไปแล้ว
ไม่ใช่ได้หน้าได้ตาอะไรหรอก แต่มันกำลังบอกว่าใหญ่แค่ไหนก็เล็กได้ภายในฉับพลัน เมื่อ “ทรัมป์” ผู้นำที่เคยกร่างหาเรื่องหาราวให้โลกสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา
วันนี้กำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อนำพาสหรัฐฯเข้ารกเข้าพงอย่างที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นเมื่อตัดสินใจผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาไวรัส
เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมรับแนวคิดของบรรดาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญที่เสนอมาตรการต่างๆ ก็เลยเจ๊งไม่เป็นท่า
อย่าคิดทรนงอวดตนอย่างการพยายามเอาชนะจีนด้วยวิธีการต่างๆนั้นหยุดได้แล้วมันไม่ใช่เวลาของการเมือง
แต่มันคือชีวิตของผู้คนซึ่งสำคัญที่สุด!
หันมามองการเมืองไทยดีกว่า “นักการเมือง” จะรู้สึกรู้สา “บ้าน้ำลาย” กันมานั้นถามว่าแล้วได้อะไรขึ้นมา
คะแนนก็ไม่ได้ หนำซ้ำยังขายขี้เท่อหนักเข้าไปอีก
“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จึงเปลี่ยนท่าทีใหม่ประกาศพร้อมจะร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา
...
นั่นแหละคือหนทางที่สร้างสรรค์มากกว่า
ว่าไปแล้วนักการเมืองหลายคนที่เสนอแนวคิดเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขที่เข้าท่าเข้าทางและรัฐบาลก็นำไปใช้โดยดุษฎี
เพียงแต่บางคนอาจจะยังอดตอดนิดตอดหน่อยไม่ได้
ถ้าไม่อยากช่วย ไม่อยากรับผิดชอบก็อยู่เฉยๆ เพียงคิดว่าจะเป็นผลงานของรัฐบาลที่กำลังเผชิญภารกิจอย่างหนักหน่วง
ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือ?
ไม่มีใครคิดหรือต้องการอยู่ในวังวนการเมืองกันหรอก
แค่นี้ก็เหนื่อยลากเลือดอยู่แล้ว...
“เคอร์ฟิว” ที่ถูกนำมาใช้อันเป็นมาตรการเข้มข้นขึ้นเพื่อหวังลดการแพร่กระจายคือเป้าหมายหลักด้วยการห้ามออกจากบ้านระหว่าง 4 ทุ่มถึงตี 4 กำลังอยู่ในช่วงวัดผล
หากเอาไม่อยู่ก็ต้องไปถึงขั้นห้ามออกนอกบ้าน 24 ชั่วโมง จะเอากันอย่างนั้นหรือ บางคนก็คิดอยู่ด้านเดียวปิดเมือง ปิดประเทศ
พูดง่ายทำงานแต่ต้องมองไกลไปอีกขั้นว่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มีมาตรการรองรับพร้อมแค่ไหน
รัฐบาลวางสเต็ปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก
สอดรับกับมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ประกอบอาชีพต่างๆที่ได้รับผลกระทบมากน้อยต่างกัน เท่าที่ดูจะครอบคลุมเกือบทั้งหมดแล้ว
เพียงแต่จะต้องหาวิธีอำนวยความสะดวก สื่อสารให้ความเข้าใจกัน ทุกอย่างก็จะราบรื่น ผ่อนคลายความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และผู้อำนวยการใหญ่ ศบค.จะต้องเดินหน้าเต็มตัวระดมความเห็นให้กว้างขวาง
เดินหน้าไปสู่ความอยู่รอดของประเทศให้ได้
หัวโขนการเมืองถอดกองเอาไว้ก่อน...นั่นแหละประเสริฐที่สุด!!!
“ลิขิต จงสกุล”