เพื่อตะล่อมชาว กทม. 6 ล้านคน ให้เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ออก มาเพ่นพ่านยามวิกาลโดยไม่มีเหตุจำเป็น
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. จึงมีคำสั่งเพิ่มเติมให้ปิดร้านสะดวกซื้อ ปิดร้านขายอาหารทุกประเภท ทั้งร้านตึกแถว ร้านรถเข็น หาบเร่แผงลอย ฯลฯ ตั้งแต่สองยามถึงตีห้า จนถึงวันที่ 30 เมษายน
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินพอดี
ผลจากคำสั่งผู้ว่าฯ กทม. ฉบับล่าสุด จะทำให้กรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับ 24 ชั่วโมง จะถูกบังคับให้หลับช่วงสั้นๆ วันละ 5 ชั่วโมง
ท่านที่ชอบออกไปหาของอร่อยรับประทานตอนดึกๆ เป็นประจำ
คงต้องต้มมาม่ากินเองที่บ้านไปพลางๆ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ามาตรการล่าสุดของผู้ว่าฯ กทม. ทำให้กรุงเทพฯหยุดเคลื่อนไหวตั้งแต่สองยามถึงตีห้า
เท่ากับลดโอกาสการแพร่เชื้อได้เพียงวันละ 5 ชั่วโมง
ปัญหาคือการปิดกรุงเทพฯ แค่ 5 ชั่วโมง แต่เปิดกรุงเทพฯ อีก 19 ชั่วโมงไม่น่าจะหยุดไวรัสแพร่กระจายใน กทม. ได้ผลเป็นรูปธรรม
ถ้าจะให้อยู่หมัด ต้องล็อกดาวน์กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง (เป็นเวลา 2 สัปดาห์)
ยิ่งกว่านั้น การไม่ใช้มาตรการ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งๆ ที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ในมือ ยังทำให้การแพร่ระบาดยืดเยื้อ เรื้อรัง
แทนที่จะปิดจ๊อบได้เร็ว อาจต้องลากยาวไปอีกหลายเดือน
...
“แม่ลูกจันทร์” ประหลาดใจที่ “นายกฯ ลุงตู่” เปิดเผยว่าจะขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยืดไปถึง 3 เดือน
โดยจะรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังวันที่ 30 เมษายน หากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดยังไม่จบ อาจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดือนที่ 2 และเดือนที่ 3 เพื่อใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นตามความจำเป็น
แปลไทยเป็นไทยว่า ถ้าวันที่ 30 เมษายน ยังเอาไม่อยู่ ต้องขยายเวลาการต่อสู้ไวรัสไปอีก 2 เดือน หรือ 3 เดือน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการไม่กล้าใช้ยาแรงจัดการปราบไวรัสให้จบภายในสิ้นเดือนเมษายน ส่งผลให้การต่อสู้ไวรัสจะต้องลากยาวไปอีก 60 วัน หรือ 90 วัน
พี่น้องประชาชนจะต้องใช้ชีวิตไม่ปกติ ยาวนานไปอีก 2 เดือน หรือ 3 เดือน
ลูกจ้างแรงงานที่ถูกปิดงานชั่วคราว อาจต้องตกงานอย่างถาวร
ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ถูกปิด 1 เดือน ยังพอมีโอกาสฟื้นตัว
แต่ถ้าถูกปิดยาวถึง 3 เดือน มีหวังเจ๊งกันระนาว
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าถ้า “นายกฯ ลุงตู่” ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปราบไวรัสสำเร็จโดยเร็ว
นักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะกลับมาเที่ยวเมืองไทยเร็วขึ้นเช่นกัน
รายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวที่สูญหายไปก็จะเริ่มไหลกลับมา
แต่ถ้ารัฐบาลเอาแต่ใช้ยาอ่อนๆ ไม่กล้าใช้ยาแรงๆ เศรษฐกิจไทยที่ตายแห้ง ก็ยิ่งตายแหงแก๋ไปตามๆกัน
ถ้าหาก “นายกฯ ลุงตู่” ไม่ใช้มาตรการเด็ดขาดยุติการแพร่ระบาดไวรัสให้สิ้นฤทธิ์โดยเร็ว
คุณหมอ พยาบาล บุคลากรการแพทย์ที่ทุ่มเททำงานเหนื่อยสาหัสมากว่า 2 เดือน อาจหมดแรงหมดกำลังใจ
และสุดท้ายอาจจะติดไวรัสกันงอมพระราม??
สำคัญอย่างยิ่ง ถ้าไม่รีบใช้ยาแรงสยบไวรัสโดยเร็ว
พี่น้องชาวไทยจะป่วยเพิ่มขึ้น และตายเพิ่มขึ้นๆ ทุกวันๆ
สูเจ้าอย่าชะล่าใจเป็นอันขาดเชียว.
“แม่ลูกจันทร์”