เตือน พณ.ระวัง! โฉ่แบบหน้ากาก ธนาธรเปิด คกน.สานต่อนโยบาย

บรรยากาศใน ปชป.มาคุอีก “เชาว์ มีขวด” แฉเริ่มกักตุนไข่ไก่ส่งออกสิงคโปร์ จี้ ก.พาณิชย์เร่งตรวจสอบ อย่าให้เหมือนเคสหน้ากากฉาวอีก “นพดล” ไล่ รบ.มุ่งทำงานดีกว่ามัวมาตอบโต้ฝ่ายค้าน “บิ๊กตู่” ทำบุญวันเกิด ครบ 66 ปีแบบเงียบๆ “เทพไท” หวั่นปิดประเทศกระทบเป็นลูกโซ่ แนะรอรับมือ ศก.พัง เปิดตัว “คณะ ก้าวหน้า” “ปิยบุตร” ลั่นขอสานต่ออุดมการณ์ อนค. มุ่งทะลวงพ้นกรอบข้อจำกัด จะฟื้นคืนชีพแบบ “นกฟินิกซ์” “ธนาธร” ตอกย้ำหมุดหมายเดิม “สังคมเท่าเทียม” ซัดรัฐเลือกปฏิบัติ-ขาดประสิทธิภาพ จี้ “บิ๊กตู่” ลาออกให้คนใหม่มาทำ

หลังปมกักตุนหน้ากากอนามัยพ่นพิษใส่จนสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ร้อนฉ่า ล่าสุด นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์แฉเริ่มมีขบวนการกักตุนไข่ไก่เพื่อส่งออกไปประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับจี้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน

...

“บิ๊กตู่” ทำบุญวันเกิดครบ 66 ปี

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และสมาชิกในครอบครัวร่วมทำบุญตักบาตรที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 66 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ก่อนจะออกไปทำบุญเป็นการส่วนตัวที่วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เขตดุสิต กทม. โดยไม่อนุญาตให้สื่อติดตาม ขณะที่วันเกิดปีนี้ นายกฯไม่ได้เปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เข้าอวยพรเหมือนทุกปี ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของนายกฯ มีประชาชนบางส่วนเข้ามาอวยพรวันเกิด ขอให้มีกำลังกายกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง พาประเทศรอดพ้นอันตราย

ปิดประเทศกระทบเป็นลูกโซ่

วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤติ ชาติ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่วิกฤติถึงขั้นต้องปิดประเทศ เพราะถ้าประกาศปิดประเทศจริงย่อมเกิดผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ ความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ สังคม ต้องเกิดขึ้นตามมาแน่นอน ขณะนี้ได้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดที่สุด คือด้านการท่องเที่ยว มีบริษัทสายการบินยกเลิกเที่ยวบินทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ โรงแรมต่างๆยอดจองห้องพักลดลง 70 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตยอดจองห้องพักอาจเหลือเป็นศูนย์ ห้างสรรพสินค้าปิดทำการเร็วขึ้น ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบหนัก เพราะผู้คนไม่กล้าออกนอกบ้าน ไม่กล้าเดินตลาดนัด การจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ธุรกิจด้านบันเทิงต้องปิดชั่วคราว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบเป็นวงกว้าง มีผลกระทบทางสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แนะเตรียมรับมือเศรษฐกิจพัง

นายเทพไทกล่าวต่อว่า จะมีนักธุรกิจล้มละลาย คนตกงาน อัตราการว่างงานสูงขึ้น ปัญหาอาชญากรรมมีตามมาแน่นอน ขอให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดต่อไปอีก 6 เดือน หรือ 1 ปี จะกระทบกับชีวิตของผู้คนทั้งโลก เศรษฐกิจโลกจะพังพินาศไปตามๆกัน ขอเรียกร้องให้คนไทยทุกคนผนึกกำลัง นำพาประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ควรใช้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นประเด็นทางการเมืองโจมตีตอบโต้กันไปมา อยากเห็นทุกฝ่ายร่วมมือกัน เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ ขอให้ทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือและทำตามข้อแนะนำหรือประกาศมาตรการต่างๆของทางราชการจะดีที่สุด

แฉเริ่มกักตุนไข่ไก่ส่งออกสิงคโปร์

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า “อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาไข่ไก่บนความทุกข์ของคนไทย” ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ต้องมีมาตรการดูแลที่เข้มข้น ไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจนเกิดการขาดตลาด หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาบนความทุกข์ของประชาชน ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ไข่ไก่เริ่มแพงขึ้น และมีสัญญาณที่จะขึ้นราคาอีก แผงละ 6 บาทในสัปดาห์หน้า เนื่องจากไข่ไก่ในประเทศเริ่มขาดตลาด เพราะมีการกักตุนส่งออกไปสิงคโปร์ หลังจากมีการปิดประเทศมาเลเซีย ทำให้ออเดอร์ไหลเข้ามาที่ผู้ประกอบการไทย ขอวิงวอนผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมไข่ไก่ให้เห็นแก่คนในประเทศก่อน อย่าคิดถึงแต่กำไรจนทำให้ไข่ไก่ขาดตลาด

อย่าให้เหมือนเคสหน้ากากฉาว

นายเชาว์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ควรออกคำสั่งห้ามส่งออกไข่ไก่อย่างน้อย 2 เดือน เพื่อให้พ้นภาวะวิกฤติไปก่อน เท่ากับยิ่งซ้ำเติมปัญหา ฝากถึงกระทรวงพาณิชย์ให้เร่งเข้ามาบริหารจัดการ อย่าปล่อยให้ไข่ไก่ขาดตลาด หรือมีการกักตุนจนมีราคาแพงเกินความเป็นจริง ซ้ำรอยหน้ากากอนามัย ถ้าเป็นเช่นนั้นคิดว่าประชนคงไม่ทนอีกต่อไป หวังว่าผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์จะทำงานเชิงรุก ก่อนปัญหาไข่ไก่ราคาแพงจะกลับมากัดกิน จนยากที่จะแก้ไข

“นพดล” ไล่ รบ.มุ่งทำงานดีกว่า

วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีคนในรัฐบาลออกมาปรามไม่อยากให้ใช้ประเด็นโควิด-19 มาหาประโยชน์ทางการเมือง ว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนรวม อยากให้รัฐบาลเปิดใจรับฟังทุกภาคส่วน พรรคเพื่อไทยไม่เคยมองเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง เราเสนอแนะมาตรการอย่างสร้างสรรค์เป็นรูปธรรมมาต่อเนื่อง เช่น มาตรการปิดประเทศ หาผู้ติดเชื้อในวงกว้างจำกัดการระบาด และเสนอแนะการแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากที่ประชาชนประสบปัญหาอยู่ ถ้าตนเป็นรัฐบาลจะก้มหน้าแก้ไขปัญหาแล้วเอาผลงานเป็นตัวตั้งเพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมา มากกว่าจะให้คนในรัฐบาลมาตอบโต้ฝ่ายค้าน แต่เพิ่มการชี้แจงการดำเนินการและนโยบายสำคัญด้วยช่องทางที่มีอย่างเป็นเอกภาพ กระชับ รวดเร็ว ที่นายกฯบอกว่าประเทศไทยต้องชนะ ทุกฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อให้ประเทศก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้อยู่แล้ว

“จิรายุ” ฉะทีมโทรโข่งทำวงแตก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมักโทษคนโน้นคนนี้โดยเฉพาะคนที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ควรเปิดใจรับฟัง ที่ผ่านมาฝ่ายค้านอดทนมาเกือบเดือนในการแสดงความคิดเห็นเชิงบวกเพื่อหาทางออกให้ประเทศ แต่รัฐบาลไม่เคยสนใจมัวแต่เป็นห่วงเรื่องการเมืองอย่างเดียว กรณีวันนี้ถือเป็นความใช้ไม่ได้อย่างรุนแรง ที่ทำให้เกิดความสับสนในนโยบายการปฏิบัติระหว่างผู้ว่าฯ กทม. กับทีมโฆษกรัฐบาล ทั้งที่ตั้งมาด้วยมาตรา 44 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ถ้ารัฐบาลยังบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้เรื่องด้วยการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีก ประชาชนทั้งประเทศจะไม่ให้อภัยรัฐบาล หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ตนในฐานะคนกทม.ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ กทม.ตัดใจไปโดยไม่ต้องสนใจรัฐบาล ถ้าไม่กล้าตัดสินใจแล้วยังกลัวคนที่ตั้งตัวเองก็ควรลาออกไป จะได้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ที่สำคัญคน กทม.จะได้ปลอดภัย วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรวบอำนาจทำให้ได้เหมือนตอนเป็น คสช. แล้ววอร์รูมนี้ควรสั่งการไปที่ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ให้ผู้ว่าฯ รายงานสถานการณ์วันละ 3 เวลา ให้คณะกรรมการ กลางเป็นคนประกาศและตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ประชาชนจะได้มีความเชื่อมั่น ดูได้จากเหตุการณ์วันนี้แล้วต่อไปจะหาความน่าเชื่อถืออย่างไรในตัวรัฐบาล

“คณะก้าวหน้า” ขอสานต่อ อนค.

เมื่อเวลา 14.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เปิดตัว “คณะก้าวหน้า” นายปิยบุตรกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ แม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร แต่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังคำวินิจฉัยคงเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดี ว่าคำวินิจฉัยนั้นมีพลังพอที่จะผูกพันในใจคนหรือไม่ พี่น้องประชาชนสามารถตัดสินพิจารณาได้เอง ด้วยที่กฎหมายไทยเป็นใจเหลือเกินในการทำลายความทรงจำของประชาชนที่มีต่อพรรคอนาคตใหม่ ไม่ให้ใช้ชื่อ ชื่อย่อ หรือเครื่องหมายพรรคอนาคตใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจนเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าทำงาน เราจำเป็นไม่ใช้ชื่อจากคณะอนาคตใหม่ มาใช้ชื่อ “คณะก้าวหน้า” แทน แต่คำว่าอนาคตใหม่และพรรคอนาคตใหม่คือตำนานที่ยังมีชีวิต ยังเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังคงเดินเรื่องอยู่ และเป็นจิตวิญญาณที่พร้อมจะเดินทางต่อเนื่องต่อไป

“ปิยบุตร” มุ่งทะลวงพ้นกรอบจำกัด

นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า คณะก้าวหน้ามีภารกิจหลักคือ 1.สร้างเครือข่ายทั่วประเทศ 2.รณรงค์ทางความคิด และ 3.รณรงค์หาเสียงให้กับการเลือกตั้งท้องถิ่นในทุกระดับ คณะก้าวหน้าเลือกใช้สัญลักษณ์เป็นวงกลมสีส้มล้อมรอบลูกศรสีน้ำเงินที่พุ่งทะลุวงกลมสีส้มออกไป แสดงถึงการออกไปให้พ้นกรอบเพดานข้อจำกัดต่างๆที่เป็นเครื่องกีดขวางความเจริญก้าวหน้าของสังคมไทย โดยคณะก้าวหน้ามีคณะกรรมการบริหารชุดหนึ่งประกอบไปด้วย อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อไปด้วยกัน และมีองค์กรทำงานขับเคลื่อนแยกไปตามภารกิจ คือ 1.เครือข่ายพื้นที่ ทั้งในกลุ่มภูมิภาค กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มแรงงานและจะเปิดงานเครือข่ายในด้านใหม่ๆ 2.สร้างโรงเรียนของผู้ไม่ยอมจำนนเพื่อการเอาชนะทางความคิด 3.งานทางวัฒนธรรมในการสถาปนาอำนาจนำแบบใหม่ 4.เปิดให้มีการเสวนาทางสาธารณะและวิชาการ เพื่อออกแบบนโยบายก้าวหน้า และ 5.ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ เราจะเดินหน้าระบบการสื่อสารต่อไป และเพิ่มความเข้มข้นมากกว่าเดิม

จะฟื้นคืนชีพแบบ “นกฟีนิกซ์”

นายปิยบุตรกล่าวว่า เรากำลังอยู่ในบทพิสูจน์อีกครั้งว่าเราจะเดินต่อไปอย่างไร เราแพ้แล้วใช่หรือไม่ เมื่อถูกยุบพรรคแล้วการฟื้นตัวกลับมาคงเป็นไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ นี่เป็นอีกครั้งที่พวกเราชาวอนาคตใหม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เราจะพิสูจน์ให้ได้ว่าแม้เราจะถูกทำลาย แต่พวกเราจะฟื้นคืนชีพกลับมาได้ดังนกฟินิกซ์ ในชื่อของคณะก้าวหน้า การเดินทางบทใหม่ได้เริ่มอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 54 คน ได้นำความคิดอุดมการณ์แบบอนาคตใหม่เดินทางไปสังกัดพรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นี่คือการเดินทางบทใหม่ของพวกเรา ขอเชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ มาร่วมเดินทางไปด้วยกัน

“ธนาธร” พร้อมเผชิญหน้าวิกฤติ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเปิดตัวคณะก้าวหน้า ท่ามกลางวิกฤติประเทศมากมายหลายด้าน ทั้งวิกฤติศรัทธาผู้นำ วิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สำหรับตนแล้ววิกฤติที่เรากำลังเผชิญในวันนี้มีความรุนแรงสาหัส จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกันจากทุกฝ่ายในสังคม พาสังคมไทยออกจากวิกฤติเหล่านี้ให้ได้ คณะก้าวหน้าตั้งขึ้นมาภายใต้การเผชิญหน้ากับวิกฤติเหล่านี้ เรายืนยันจะเดินฟันฝ่าวิกฤติเหล่านี้ไปด้วยอุดมการณ์เดิม เป้าหมายเดิมของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป ได้แก่ การสร้างสังคมที่คนไทยทุกคนเท่าเทียมกัน และประเทศไทยเท่าทันโลก เราตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีต่ออนาคตของชาติ เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราต้องการรณรงค์พาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างสันติ เราต้องการสร้างฉันทามติใหม่ที่จะทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เท่าเทียม และได้รับความเป็นธรรม

ซัดเลือกปฏิบัติ-ขาดประสิทธิภาพ

นายธนาธรกล่าวต่อว่า ในนามตัวแทนคณะก้าวหน้า มีข้อเสนอเพื่อแก้วิกฤติของรัฐไทย เราเห็นข้อบกพร่องในหลักคิดที่ไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศ ต่อการแก้วิกฤติโควิด-19 เราไม่ได้ขาดคนที่มีความสามารถ แต่สิ่งที่เราขาดก็คือผู้นำที่เข้าใจปัญหา ผู้นำที่มีหลักคิดที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา รูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำซากของการแก้ปัญหาใน 2 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นการดูแลคนไทยไม่เท่าเทียมกัน ไม่เห็นหัวคนเล็กคนน้อย คนรวยคนมีอำนาจได้รับการปฏิบัติอย่างหนึ่ง คนจนได้รับการปฏิบัติอีกอย่าง มีการฟ้องปิดปาก รัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการสั่งการ ส่งผลให้การปฏิบัติไม่เป็นรูปธรรม จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาต้องกระบวนทัศน์ใหม่

จี้ “บิ๊กตู่” ลาออกให้คนใหม่มาทำ

นายธนาธรกล่าวอีกว่า ข้อเสนอแรกของคณะก้าวหน้าในการแก้วิกฤติชาติครั้งนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องเสียสละลาออกเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาวิกฤติแทน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้ว ให้สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยมีภารกิจเฉพาะหน้า 2 อย่าง ที่จะต้องทำให้เสร็จภายในกรอบเวลา 1 ปี คือภารกิจที่แรก แก้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 รวมถึงการฟื้นฟูประเทศหลังจากนั้น ภารกิจที่สอง เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอ 3 ยุบ 1 เลิก 1 แก้ คือยุบศาลรัฐธรรมนูญ ยุบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง ส่วน 1 เลิก คือเลิกมาตรา 279 ในรัฐธรรมนูญ ยกเลิกการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาประกาศคำสั่งและการกระทำของ คสช. และ 1 แก้ คือแก้มาตรา 256 ให้สามารถมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น และกำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน