เปิดตัว “พรรคก้าวไกล” เป็นทางการ “พิธา” นำทีม ส.ส. 55 ชีวิตย้ายเข้าสังกัด มั่นใจจะไปด้วยกันครบทุกคน ประกาศลั่นขอยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมไม่มีเปลี่ยน โต้รับงาน “ธนาธร-ปิยบุตร” ปรับการบริหารจัดการใหม่ จะสื่อสารให้มากขึ้น ไม่หวั่นถูกยุบพรรคซ้ำถอดบทเรียนมาแล้ว ชาวสมุทรสาครแห่โลงไล่ “สมัคร ป้องวงษ์” คนทรยศ “ณัฐชา” ลุยสอย “ธรรมนัส” ขัดคุณสมบัติเป็น รมต. “ลดาวัลลิ์” เปิดตัว “พรรคเสมอภาค” อาสาเป็นกาวจับมือทุกฝ่าย “สนธิรัตน์” หนุนคน อนค.เดินตามกรอบต้องอดทน “เทพไท” แฉ ปธ.วิปรัฐบาลสั่งห้าม ส.ส.หนุนญัตติเปิดวิสามัญ เซ็งรัฐบาลทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “อนุดิษฐ์” ติงอย่าปิดกั้นแฟลชม็อบ

ในที่สุด 55 ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้แถลงเปิดตัวพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ เป็นพรรคการเมืองใหม่ที่จะนำพา ส.ส.ทั้ง 55 ชีวิตย้ายไปสังกัด พร้อมยืนยันยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง

...

“พิธา” นำทีมเข้าพรรคก้าวไกล

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่ศูนย์ประสานงานฝั่งธนบุรี อดีตพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ นำ 55 ส.ส. ร่วมแถลงข่าวการย้ายไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่ว่า ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าเราจะย้ายไปพรรคใหม่ด้วยกัน และขอยืนยันว่าพรรคใหม่ที่เราจะย้ายไปอยู่คือพรรคก้าวไกล ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคในสัปดาห์หน้า และขอยืนยันอีกครั้งว่าภารกิจของพวกเรา ส.ส.ทั้ง 55 คน คือการสานต่ออุดมการณ์และภารกิจของพรรคอนาคตใหม่เดิม ส.ส.ที่เหลือยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ หลักการที่เคยร่วมกันทำงาน ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ แม้จะอยู่บ้านหลังใหม่แต่หัวจิตหัวใจยังเหมือนเดิม เรายังคงยืนอยู่ข้างประชาชน ยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ยืนหยัดต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร และผลักดันวาระนโยบายที่ก้าวหน้าต่อไป

มั่นใจ 55 ส.ส.ไปกันครบทุกคน

นายพิธากล่าวว่า ที่ประชุม ส.ส.มีมติว่า เราจะไปสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลในสัปดาห์หน้า และที่ประชุมมีมติเลือกให้ตนเป็นประธาน ส.ส.ชั่วคราวในระหว่างนี้ รวมถึงแต่งตั้งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นโฆษกชั่วคราว ถึงวันนี้เรายังอยู่ในกระบวนการย้ายเข้าบ้านใหม่ แต่ปัญหาของประชาชนนั้นรอไม่ได้ และ ส.ส.ของพรรคทั้งหมดยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ส.ส.ทั้ง 55 คนจะไปอยู่พรรคใหม่ด้วยกัน นายพิธาตอบว่า ตนมั่นใจ เพราะวันนี้ ส.ส.ทั้งหมดมายืนอยู่ข้างหลังตน เป็นเหมือนกำแพงของตน ทำให้มีความมั่นใจในการทำงาน โดยกำแพงชั้นที่สองของ ส.ส.จะเป็นประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกพรรคเรา ประเทศไทยในช่วงนี้มีแต่ความท้าทาย เชื่อว่า ส.ส.ที่เหลืออยู่และประชาชนที่เฝ้าดู ส.ส.ของเราจะมองไปในทิศทางเดียวกัน ว่าเรามีความสามัคคีและทำงานให้สมกับภาษีประชาชน

ไม่ได้รับงาน “ธนาธร–ปิยบุตร”

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคฯ จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล นายพิธาตอบว่า อุดมการณ์ของพรรคใหม่ที่เราจะย้ายไปสมัครสมาชิกไม่เปลี่ยน ส.ส.ทุกคนอยู่ด้วยกันมา 1-2 ปี มีความคิดของตัวเองเกี่ยวกับนโยบายและอุดมการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงาน การศึกษา สาธารณสุข ยืนยันว่าอุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน การเดินทางก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง และการตัดสินใจก็เป็นการตัดสินใจของพวกเราเอง ยืนยันว่าพวกเราไม่ได้รับนโยบายมา พวกเราทำนโยบายมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 1-2 ปี และมีส่วนเกี่ยวข้องมันเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของพวกเรา ดังนั้น ไม่ได้รับอะไรมาทั้งนั้น เมื่อถามว่า สิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นภายใต้การนำของนายพิธาจะมีอะไรบ้าง นายพิธาตอบว่า เรื่องการบริหารจัดการ ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเราทำงานกันอย่างแข็งขันและรวดเร็ว แต่อาจมีการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกที่น้อยเกินไป ฉะนั้น ในเรื่องของกลยุทธ์ นโยบาย และอุดมการณ์เราจะไปที่เป้าหมายเดิม เพราะเป็นเป้าหมายร่วมของพวกเราทุกคน แต่สิ่งสำคัญในการมีความฝันแต่ไม่มีเป้าหมาย ต้องมาวางแผนกันเป็นไตรมาส เป็นรายเดือน ว่าการบริหารภายในและกระบวนการทำงานของพรรค สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำใหม่

ไม่หวั่นถูกยุบพรรคซ้ำมีบทเรียน

เมื่อถามถึงงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการของ พรรค นายพิธาตอบว่า ไม่มีการยืมนาฬิกา ต้องยอมรับว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองที่มีขนาดเล็กลง จะเน้นในเรื่องการระดมทุน อาจเริ่มระดมทุนกับบริษัทขนาดเอสเอ็มอี ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการขายสินค้าที่ระลึก อดีตที่ผ่านมาเป็นเครื่อง พิสูจน์แล้วว่าการระดมทุน การสมัครสมาชิก การขายสินค้าออนไลน์สามารถทำให้พรรคไปต่อได้ แม้ว่าพรรคเราจะมีขนาดเล็กลง แต่คุณภาพต้องไม่เล็กลง เราจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าอาจโดนคดีเหมือนพรรคเก่า นายพิธาตอบว่า ไม่กังวล ตราบใดที่ยังมีเพื่อน ส.ส. เรามีบทเรียนและเราได้ถอดบทเรียน พร้อมจะทำงานไปข้างหน้า คำถามที่ควรถามกลับไปคือ บรรยากาศการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่ประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งนิสิตนักศึกษาร้องขออยู่ พวกตนตั้งใจจะมาช่วยเหลือประเทศและมาเปลี่ยนประเทศ ทำให้ประเทศเป็นประเทศที่ดีกว่าคนรุ่นตน และส่งต่อไปให้ลูกหลานในอนาคต แน่นอนว่าการทำงานต้องมีความระมัดระวัง

รอคุยเกลี่ยเก้าอี้ ปธ.กมธ.ใหม่

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรค อนาคตใหม่กล่าวว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆในสภาฯ เดิมเรามีสัดส่วนประธาน กมธ. 6 คณะ แต่ขณะนี้ว่างไป 2 เหลืออีก 4 คณะ จากนี้คงต้องไปคุยกันว่าในเรื่องของโควตาจะเป็นอย่างไร รวมทั้งต้องมาคุยกันด้วยว่าในเชิงยุทธศาสตร์ของพรรค เราจะเอาคณะใดบ้าง ต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง เพราะอาจต้องมีการปรับ แต่เบื้องต้นต้องหารือกันก่อน ทั้งภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านและกับฝ่ายรัฐบาล

ชี้รัฐบาลออกอาการถังแตก

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่ออดีต ผอ.นโยบายพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยน่าจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคโดยสมบูรณ์ จากการประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 2 ไตรมาสแรกติดลบแน่นอนแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเราเจอภาวะที่ไม่คาดคิดคือพิษโควิด-19 แต่ปัญหาคือมาตรการที่จะออกมารองรับนั้น สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนได้หรือไม่ มาตรการแจกเงินให้คนที่มีรายได้น้อย ถูกวิจารณ์ค่อนข้างมาก ออกมาตรการที่ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ขอ ให้กลับไปทบทวน นอกจากนี้ อยากให้ติดตามว่าเงินเอามาจากไหน เพราะเงินสำรองฉุกเฉินเหลือไม่ถึง 1 แสนล้านบาทแล้ว และไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินประกันสังคมออกมาปล่อยกู้ การเข้าไปแทรกแซงแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังถังแตก ไม่มีเงินเพียงพอที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ

จ่อสอย “ธรรมนัส” ขัดคุณสมบัติ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. อดีตรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยผลการโหวตของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ข้อมูลที่ตนได้อภิปรายไปมีผลสืบเนื่องทางกฎหมายที่จะต้องส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดย ส.ส. 55 คนของเราจะนำเรื่อง ร.อ. ธรรมนัส ทั้งการเคยถูกจำคุกมาก่อน และภรรยาถือครองหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐวิสาหกิจ อันขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส่งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำส่งศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนประเด็นการขัดจริยธรรม การขัดกันซึ่งผลประโยชน์แห่งรัฐ จะนำเรื่องส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป

แห่โลงไล่ “สมัคร ป้องวงษ์”

สายวันเดียวกัน กลุ่มคนรักอนาคตใหม่เกือบ 50 คน ในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รวมตัวกันขับไล่นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร อดีตพรรคอนาคตใหม่ เพราะไม่พอใจที่นายสมัครย้ายไปสนับสนุนรัฐบาล มีการถือป้ายขับไล่และแห่โลงศพจำลองจากถนนเพชรเกษมไปยังหน้าสำนักงานสาขาพรรคอนาคตใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 2 หมู่ 13 ต.อ้อมน้อย พร้อมนำป้ายและดอกไม้จันทน์ไปวางไว้หน้าสำนักงาน โดยแกนนำกลุ่มคนรักอนาคตใหม่ยืนยันว่า หากนายสมัครยังไม่มีทีท่าว่าจะลาออกจาก ส.ส.จะเดินหน้ากดดันต่อไป ไม่ยอมให้ ส.ส.ที่ทรยศอุดมการณ์ของพรรค ไม่จริงใจกับประชาชน 36,838 คะแนนเสียง ได้ยืนอยู่ในสภาเป็นฝ่ายรัฐบาลแน่

“ลดาวัลลิ์” ตั้งพรรคเสมอภาค

ที่โรงแรมเอส.ดี.อเวนิว ปิ่นเกล้า นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวจัดตั้งพรรคเสมอภาค โดยใช้สโลแกน “รวมพลังสร้างชาติ พลิกฟื้นเศรษฐกิจสร้างชีวิตใหม่ สร้างความเสมอภาค” นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า วันนี้ประเทศเกิดมหาวิกฤติขาดความเสมอภาค โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ จึงจัดตั้งพรรคเสมอภาคขออาสาเป็นกาวดึงความเสมอภาคกลับมาให้คนไทยทุกคน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมทางเพศ และความเป็นอยู่ ของเกษตรกร พรรคเสมอภาคจะยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคม พรรคนี้จะไม่มีระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้ไร้ซึ่งธรรมาภิบาล เราจะไม่ให้พรรคตกอยู่ภายใต้การครอบงำของใครคนใดคนหนึ่ง ยืนยันว่าการตั้งพรรคครั้งนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง เป็นนายทุนของตัวเอง และทุกคนที่มาเป็นสมาชิกคือนายทุนของพรรค การจดทะเบียนจัดตั้งพรรคนั้นจะไปยื่นต่อ กกต.ในสัปดาห์นี้

อาสาเป็นกาวจับมือทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า การเมืองที่มี 2 ฝ่าย จะยืนอยู่ข้างไหน นางลดาวัลลิ์ตอบว่า อยู่กับประชาชน ทั้งนี้มีเพื่อนๆจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี อยากให้ตนตั้งพรรคการเมือง แต่ตอนนั้นมีภารกิจที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ถือว่าได้สร้างบ้านให้เพื่อนๆสตรีได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนความมุ่งหวังเราหวังให้ใหญ่ไว้ก่อนจะทำให้เป็นพรรคขนาดใหญ่ จะทำให้ดีที่สุดมั่นคงที่สุด เราเป็นคนคิดใหญ่ กว้างไกล ปัญหาใหญ่ไม่เคยกลัว พรรคนี้ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแน่นอน ขอปวารณาตัวจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมเป็นกาวจับมือกับทุกฝ่ายสู้กับมหาวิกฤติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย มอบกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับนางลดาวัลลิ์ด้วย

“สนธิรัตน์” ขอให้เดินตามกรอบ

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับการเปิดตัวพรรคใหม่พรรคก้าวไกล ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ อยากเห็นการทำการเมืองที่อดทนและเดินอยู่ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชนได้ดีที่สุด เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี หากมีพรรคใหม่เกิดขึ้น และเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่อไป เมื่อถามว่า นอกจากพรรคก้าวไกลแล้วยังมีพรรคเสมอภาคของนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ และพรรคกล้า ของนายกรณ์ จาติกวณิช ถือเป็นการส่งสัญญาณหรือมีนัยอะไรหรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ไม่มีนัยถึงขนาดนั้น แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดพรรคที่มีความหลากหลาย ไม่ใช่เป็นตัวชี้ของสถานการณ์การเมือง แต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการเมือง

พท.ติงอย่าปิดกั้นแฟลชม็อบ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ระบุในไลน์กลุ่ม ส.ส.รัฐบาล ไม่ให้ลงชื่อสนับสนุนการเปิดสภาสมัยวิสามัญศึกษาการแก้ปัญหาแฟลชม็อบ ว่า หากเป็นเรื่องจริง ก็ไม่เข้าใจเจตนานายวิรัชว่ามีเหตุผลอะไร สภาฯประกอบไปด้วยตัวแทนจากประชาชนทั่วประเทศ การแก้ไขปัญหาส่วนรวมจึงควรเปิดโอกาสให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็น ไม่ควรปิดกั้น ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถคลี่คลายลงได้ด้วยการระดมสมองของสภาฯ ไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่ใช้สภาฯหาทางออก จึงไม่เชื่อว่าเป็นความต้องการที่แท้จริงของประธานวิปรัฐบาล ไม่อยากคิดไปไกลว่าเรื่องนี้มีเหตุผลอย่างอื่นจากผู้มีอำนาจที่ไม่เคยมาตามกระบวนการปกติของสภาฯ ครอบงำการตัดสินใจของประธานวิปรัฐบาลไม่ให้ใช้สภาฯแก้ปัญหาหรือไม่

“อ๋อย” แนะเลี่ยง ปท.หายนะ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยอยู่ด้วยความรู้สึกอึดอัดได้แต่คิดว่ารัฐบาลนี้จะอยู่อีกนานไหม พรรคฝ่ายค้านอ่อนแอลง พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปพรรคใหม่ที่มาแทนย่อมขาดบุคลากรไป ส่วนพรรคเพื่อไทยก็อยู่ในสภาพปั่นป่วน ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งไม่แน่ว่าจะทำได้ ในส่วนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาทั่วประเทศนั้นมีศักยภาพ และเป็นความหวัง ของประชาชนว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทางที่ดี แต่ยังต้องอาศัยเวลาสะสมกำลัง สร้างความเข้าใจและเพิ่มการสนับสนุนทั้งจากนักศึกษาด้วยกัน และจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังต้องเรียนรู้ที่จะผ่านด่านวิชามารของรัฐบาลและพรรคพวก สิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันคิดอย่างจริงจังคือ ทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อนที่บ้านเมืองจะหายนะ หรือเปลี่ยนแปลงเพื่อหลีกเลี่ยงวิบัติหายนะ

แฉ “วิรัช” ห้ามหนุนเปิดวิสามัญ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระแสสนับสนุนจากกองเชียร์รัฐบาลลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ รัฐบาลต้องรีบปรับเปลี่ยนวิธีคิด หรือแนวทางการทำงานใหม่ ทั้งนี้ จากข้อเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาต่างๆมาพูดคุยในสภาฯ ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาลุกลาม ที่อาจพัฒนาเป็นการชุมนุมตามท้องถนนได้ ไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองแน่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาล การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา คือ 250 คน ต้องอาศัยเสียง ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. เสียงพรรคฝ่ายค้านหมดสิทธิ์ แต่สำรวจดูจากท่าทีฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีวี่แววว่าต้องการให้ดำเนินการ เห็นได้จากการส่งสัญญาณจากประธานวิปรัฐบาล ที่ส่งข้อความห้าม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลลงชื่อในญัตติการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญชัดเจน

เซ็งรัฐบาลทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

นายเทพไทกล่าวว่า ในหมู่สมาชิกพรรคร่วม รัฐบาลเป็นที่รับรู้กันทุกคน ว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ส่วนที่มีข้อเสนอให้แก้ปัญหาผ่านคณะกรรมาธิการสภานั้น เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน เพราะหลายปัญหาเป็นปัญหาการเมือง ต้องระดมความคิดจากหลายฝ่าย เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเดินมาถึงนี่แล้ว อยู่ที่รัฐบาลจะเลือกว่า จะนำปัญหาเข้าสู่รัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาในระบบ หรือจะปล่อยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นกระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน แก้ปัญหากันไปตามยถากรรม เป็นการล่อแหล่มและสุ่มเสี่ยงต่อการกลับมาของอำนาจนอกระบบเป็นอย่างยิ่ง

รบ.เดินหน้าแก้ไขปัญหาสตรี

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มี.ค. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ดึงเอาภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา รวม 24 แห่ง ร่วมประกาศเจตนารมณ์ยุติการกีดกันการจ้างงานด้วยเหตุแห่งเพศมาต่อเนื่อง ในส่วนเครือข่ายภาคประชาชน อาทิ ภาคีเครือข่ายสตรีสี่ภูมิภาค มูลนิธิเพื่อนหญิง มีข้อเสนอต่อนายกฯ ซึ่งมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นผู้ดูแล มีหลายกระทรวงเกี่ยวข้องได้ข้อสรุปร่วมเป็นที่พอใจ ทั้งการแก้ปัญหาแม่วัยใส การลดความรุนแรงในครอบครัว การเสนอให้บิดามีสิทธิลาเลี้ยงดูบุตรได้ในบริษัทเอกชน และการให้มีหน่วยงานเฉพาะมาดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ และอุ้มบุญ

“เจ๊หน่อย” จี้ต่อยอดกองทุนสตรี

ที่หอประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครพนม อ.เมืองนครพนม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างเปิดงานวันสตรีสากลปี 2563 จ.นครพนม ว่าพลังสตรีจะเป็นกลไกสำคัญพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อคือการยกระดับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่พรรคเพื่อไทยริเริ่มไว้ ต้องได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 2 ส่วน คือ 1.ทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวคุณภาพของสังคม 2. สร้างรายได้ให้ครอบครัว ทั้งอาชีพเสริม อาชีพหลัก ผู้หญิงสามารถเป็นผู้สร้างรายได้ให้ครอบครัวเป็นหลักได้ เรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ทั้งเรื่องของโอทอป การศึกษา รัฐบาลอย่ามองเพียงว่าทำแค่เอาใจผู้หญิง แต่ผู้หญิงคือประชากรที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ถ้าส่งเสริมให้ผู้หญิงมีความแข็งแกร่ง จะเป็นกำลังช่วยพัฒนาประเทศได้

“ปู” ย้ำสร้างความเท่าเทียม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเนื่องในวันสตรีสากลว่า เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ขอกล่าวถึงสตรีทุกคนในฐานะที่เป็นเพศหญิง หลายคนอาจมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ แต่ตนเชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อยที่มีความเข้มแข็ง เพียงแต่ถ้ามีโอกาสที่เท่าเทียมกัน จึงขอสนับสนุนความเท่าเทียม และความเท่าเทียมนี้จะมีส่วนเสริมสร้างประชาธิปไตย และความเสมอภาค เป็นเรื่องที่สังคมควรสร้างเพื่อส่งต่อให้กับเยาวชน #GenerationEquality ถ้าเราคือผลผลิตของสตรีรุ่นก่อนหน้าที่พยายามสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมฉันใด เยาวชนรุ่นหลังก็คือผลผลิตของผู้ใหญ่ในปัจจุบันที่เป็นส่วนสร้างสังคมในปัจจุบันฉันนั้น สิ่งที่ผู้ใหญ่และคนในสังคมสามารถทำเพื่อคนรุ่นหลังได้ คือการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมแบบไม่เลือกปฏิบัติ ต่อคนทุกเพศ ทุกวัย และประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม

ส.ว.โต้ผลาญงบดูงานเมืองนอก

วันเดียวกัน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. โฆษกวิปวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกระแสข่าววุฒิสภาใช้งบประมาณเดินทางไปดูงานต่างประเทศว่า ไม่จริงกับข่าวที่แพร่กระจายว่าวุฒิสภาใช้งบประมาณเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ขณะนี้วุฒิสภาไม่มีการใช้งบประมาณเพื่อการเดินทางไปดูงานต่างประเทศแม้แต่บาทเดียว ล่าสุดประธานวุฒิสภามีคำสั่งห้าม ส.ว. และข้าราชการทุกคนเดินทางไปราชการต่างประเทศในช่วงเวลานี้ เช่นเดียวกับประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ออกคำสั่งมาในเวลาไล่เลี่ยกัน และมี ส.ว.จำนวนหนึ่งและกรรมาธิการหลายคณะ แสดงเจตจำนงมาก่อนหน้านี้ว่า จะไม่เดินทางไปดูงานต่างประเทศตลอดปีงบประมาณ 2563 นี้ และขอคืนงบประมาณส่วนนี้กลับสู่แผ่นดินเพื่อไปใช้ในการอื่นที่จำเป็น

ข้อมูลเด็ดฝ่ายค้านมัด รมต.ไม่ได้

ขณะที่นิด้าโพล เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “คุณไว้วางใจฝ่ายค้านหรือไม่?” จาก 2,510 หน่วยตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 9.44 ระบุว่าติดตามข่าวตลอด ร้อยละ 44.07 ระบุว่า ติดตามข่าวบ้างพอสมควร ร้อยละ 16.81 ระบุว่า ไม่ค่อยติดตาม ร้อยละ 29.60 ระบุว่า ไม่ติดตามเลย ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อมูลเด็ดของฝ่ายค้านในการมัดรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายจนดิ้นไม่หลุด เฉพาะผู้ที่ติดตามข่าวตลอดและติดตามข่าวบ้างพอสมควร พบว่า ร้อยละ 32.02 ระบุว่ามีข้อมูลเด็ดสามารถมัดรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายจนดิ้นไม่หลุด ร้อยละ 44.90 ระบุว่า มีข้อมูลแต่ไม่เด็ดเพียงพอที่จะมัดรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายจนดิ้นไม่หลุด และร้อยละ 14 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลเด็ดเลย

คนยังห่วงปัญหาปากท้องสุด

ด้านสวนดุสิตโพล เปิดสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,162 คน เรื่อง “5 ความวิตกกังวลของประชาชน ณ วันนี้” พบว่า 5 อันดับแรกที่ประชาชนวิตกกังวลคือ 1.ปากท้อง สาเหตุจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำรายได้ไม่พอจ่าย สินค้าขายเกินราคา ทำมาหากินยากขึ้น มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ 2.โควิด-19 ระบาดทั่วโลก 3.โจรผู้ร้าย 4.การเมือง รัฐบาลแก้ปัญหาต่างๆไม่ตรงจุด มีการชุมนุมเคลื่อนไหว บ้านเมืองวุ่นวาย และ 5.ธุรกิจท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงผู้ประกอบการขาดทุน ปิดกิจการ คนตกงาน ฯลฯ

เอาแน่ลุยซักฟอกนอกสภาฯ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านมีข้อจำกัดมาก แต่พยายามทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างดีที่สุด นายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่สามารถตอบคำถามได้ครบถ้วนชัดเจน เช่น เรื่องขายที่ดิน 600 ล้านบาทของบิดา เรื่องไอโอของทหารที่สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีทางไปดีลกับรัฐบาล หรือกระทำสวนเจตนารมณ์ประชาชน รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่ ถ้าผ่านเดือน เม.ย.ไปได้ ก็นับว่าฝืนสังขารฝืนศรัทธาประชาชนเต็มทน เมื่อยังอภิปรายในสภาฯไม่ครบก็ต้องดำเนินการต่อ คือเดินหน้าซักฟอกรัฐบาลต่อทั้งในและนอกสภาฯ ไม่มีดีลอะไรกับระบอบประยุทธ์ มีเพียงดีลกับประชาชน ถ้ารัฐบาลไม่มีความสามารถต้องลาออกไป

“พิชัย” โวย “บิ๊กตู่” รังแกไม่เลิก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวว่า ได้รับหนังสือที่ ตช. 0026 (12) 3/580 จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แจ้งให้เชิญพยานมาให้ถ้อยคำประกอบสำนวนการสอบสวน เป็นคดีเรื่อง “ทฤษฎีกบต้ม” ที่ตนเคยเตือนนายกฯและรัฐบาลนานแล้ว และกำลังเกิดขึ้นจริง ไม่เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เข้าใจสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเป็นกบต้มอยู่ใช่หรือไม่ ถึงยังคงให้ตำรวจส่งจดหมายมาเร่งรัดให้ตนนำพยานไปพบ บก.ปอท. ปกติต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจเองใช่หรือไม่ที่ต้องเรียกพยาน อยากถามว่าตั้งใจจะกลั่นแกล้งใช่หรือไม่ และขอให้นายกฯไปอ่านบทความทฤษฎีกบต้ม ที่เขียนโดยนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ จะได้เข้าใจทฤษฎีนี้ อ่านแล้วอาจทำให้ฉลาดขึ้นจะได้เลิกกลั่นแกล้งตน และอยากให้กลับไปพิจารณาผลงานตัวเองว่า ที่บริหารประเทศมาสร้างความเสียหายมากมายขนาดไหน คนไทยกำลังเข้าสู่ภาวะกบต้มใช่หรือไม่

ส่ง “ธีระชัย” ตอกย้ำทฤษฎี “กบต้ม”

นายพิชัยกล่าวอีกว่า แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเสียเวลากับตนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ควรใช้เวลาไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักจะดีกว่า และอยากให้นายกฯเข้าใจว่าแฟลชม็อบของนักเรียน นิสิต นักศึกษา คือความพยายามที่จะกระโดดออกจากภาวะกบต้มนี้ หากทุกคนอยู่เฉยคนทั้งประเทศจะเดือดร้อนกันหมด อย่างไรก็ตาม ได้ส่งนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ นัดหมายกับบก.ปอท. โดยจะพาพยานคนแรกคือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง มาเป็นพยานให้ตน เชื่อว่าประชาชนอีกหลายล้านคนคงอยากเป็นพยานให้เช่นกันเพื่อบอกว่าประเทศไทยกำลังเป็นกบต้มกันแล้วใช่หรือไม่