“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ชื่อนี้โดดเด่นโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากที่ วิโรจน์ โชว์ฝีปากดุอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยแฉยับว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลัง IO (IO คืออะไร : IO หรือ Information Operation คือ ยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร) ใส่ร้ายสร้างความแตกแยกในสังคม โดยมีการพบเอกสาร กอ.รมน.ของบประมาณหนุนเว็บไซต์สร้างความเกลียดชังให้กับประชาชนในสังคม
ถือว่า “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ทำการบ้านมาอย่างดี ในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ป้ายแดง โดยเฉพาะน้ำเสียง จังหวะจะโคน หรือแม้แต่การทุ่มเททำการบ้านหาข้อมูล
เมื่อย้อนดูเส้นทางชีวิตของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ถือว่าไม่ธรรมดา น่ารู้จัก มีอุดมการณ์ทางการเมืองแน่วแน่ ศัพท์แสง โวหารสำนวนแพรวพราว
“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2520 เขามาจากครอบครัวเรียบง่ายเหมือนครอบครัวทั่วไป เป็นครอบครัวชนชั้นกลาง คุณพ่อเป็นผู้จัดการร้านขายผ้าที่สำเพ็ง คุณแม่เป็นแม่บ้าน
...
“วิโรจน์” เรียนจบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศกรรมยานยนต์) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากสถาบันเดียวกัน ก่อนคว้าคำนำหน้าว่า “ด็อกเตอร์” ด้วยปรัชชาดุษฎีบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ใครเล่าจะรู้ว่า “วิโรจน์” มีดีกรีเป็นนักโต้วาที ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีเทคนิคในการพูดคือ ต้องพูดแบบเรียงลำดับเรื่องราวแบบไทม์ไลน์ และใช้โวหารใส่เข้าไปประกอบการพูด
หลังเรียนจบ วิโรจน์ มีโอกาสได้ทำงานเป็นวิศวกรในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่เขารู้สึกว่าประเทศไทยมักจะรับเอาเทคโนโลยีจากประเทศอื่นๆ มาใช้ในการผลิต จึงทำให้ถึงจุดหนึ่งเขาเกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้ใช้วิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา กระนั้น วิโรจน์ จึงตัดสินใจไปเรียนปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากนั้น ได้เปลี่ยนบทบาทไปทำงานบนเส้นทางการศึกษา ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหนังสือ กระทั่งได้เห็นอีกมุมมองของการศึกษาไทย โดยเฉพาะอุปสรรคที่ฉุดรั้งการพัฒนาโรงเรียนทั่วประเทศ
เส้นทางการเมืองของผู้ชายชื่อ “วิโรจน์”
ส่วนเส้นทางการเมืองของวิโรจน์นั้น มาจากคำชักชวนของน้องคนหนึ่งที่รู้จักกันในทวิตเตอร์ และต่อมาได้มีการชักชวนให้วิโรจน์มาเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้จดจัดตั้งพรรคการเมือง และเมื่อทำงานกับพรรคอนาคตใหม่ไปเรื่อยๆ เขาก็ได้รับคำชวนให้ไปลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 30
ณ เวลานั้น วิโรจน์ยอมรับว่า “ผมไม่หวังหรอกครับ เพราะตอนนั้นทุกคนในพรรคคาดหวังไว้อย่างเก่งก็ 5 คน ถ้า 20 คนก็คงต้องฉลองกัน หรือถ้าอย่างแย่ที่สุด ก็คือคุณธนาธร และอาจารย์ปิยบุตร ก็พอแล้ว แต่สุดท้ายประชาชนก็เห็นคุณค่าพรรคของเรา”
ดาวเด่นดวงใหม่
ขณะที่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ย่อมมีขาประจำอย่างพรรคเพื่อไทยเป็นหัวหอก แต่ก็ไม่สามารถมองข้าม การลงสนามอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ และวิโรจน์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
โดยวิโรจน์ เคยฝากผลงานมาแล้วจากการเป็นแม่ทัพคนสำคัญในการอภิปราย งบประมาณของกระทรวงกลาโหมด้วยลีลาดุเด็ดเผ็ดมัน
วิโรจน์ เคยให้ความเห็นในเรื่องของการอภิปรายไว้ว่า “เราไม่ได้ตั้งธงว่า จะต้องไปต่อว่ารัฐบาล แต่เราต้องถามก่อนว่า เรามีเนื้อหาหรือหลักฐานอะไรที่ทำให้เราเชื่อว่า รัฐบาลนี้ไม่น่าไว้วางใจหรือเปล่า ทุกคนก็ต้องทำการบ้าน ถ้าไม่ทำการบ้าน ไม่พบเนื้อหาใดๆ ประเด็นนั้นเราจะไม่อภิปราย”
“ทุกคนทำการบ้านหนักมากนะครับ เพราะเราไม่ได้ต้องการเอาเอกสารแผ่นเดียวไปนั่งด่ารัฐบาล เราจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ และสุดท้ายแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจคงไม่อาจไปล้มรัฐบาลได้ แต่อย่างน้อยที่สุด การอภิปรายที่เกิดขึ้นจะทำให้รัฐบาลได้รับฟังเสียงของอีกฝ่าย เพื่อไปปรับปรุงการทำงาน” วิโรจน์ ให้ความเห็น.