เป็นเรื่องจนได้
เล่นเอานายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดอารมณ์ขึ้นมาจนได้เมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องรัฐบาลจะให้หยุดยาว 9 วันในช่วงสงกรานต์
วันหยุดยาวเนื่องในโอกาสนี้มีอยู่แล้ว 5 วัน คือ 11-12-13-14-15 เม.ย. แม้จะมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คั่นอยู่บ้าง แต่ก็ไปเติมคือวันหยุดชดเชยเพิ่มขึ้น
ก็เลยเหลือฟันหลออยู่ 2 วัน คือ 16-17 เม.ย. และต่อด้วยวันที่ 18-19 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดตามปกติอยู่แล้ว
ทำให้มีแนวคิดว่าไหนๆ ก็หยุดอยู่แล้วก็ยาวกันไปเลย
แต่ในที่ประชุม ครม.ไม่เห็นด้วย เพราะจะหยุดยาวเกินไป จึงให้ว่ากันไปตามปกติ คือหยุดเพียง 5 วันเท่านั้น ไม่พ่วง 2 วันที่เป็นฟันหลออยู่
เรื่องมันก็แค่นี้...
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เสนอแนวคิดให้หยุดยาวต่อเนื่อง 9 วัน ซึ่งก็คงหวังว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงื่อนไขส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้
เหตุสำคัญก็คือ ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปหลายประเทศ ส่งผลให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยเต็มๆ
เพราะนักท่องเที่ยวลดลงอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญกอบกู้เศรษฐกิจไทยมาตลอด
พูดง่ายๆว่านักท่องเที่ยวจากจีนนี่แหละ...ที่ชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อการท่องเที่ยวมีปัญหาทำให้รายได้ขาดหายไปจำนวนไม่น้อยและยังเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ธุรกิจที่เกี่ยวพันทั้งระบบก็เลยย่ำแย่ไปด้วย
...
ก็เลยหันมาสร้างรายได้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยแนวทาง “คนไทย-เที่ยวไทย” ด้วยวาดหวังว่าการหยุดยาวจะทำให้คนไทยเดินทางเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้ธุรกิจท่องเที่ยวคึกคัก
ว่าไปแล้วผลกระทบด้านท่องเที่ยวนั้นมีธุรกิจที่คาบเกี่ยวหลายสาขาทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สายการบิน บริษัททัวร์ โรงแรม การเดินทางในภาคพื้นดิน ไกด์ ร้านค้าทั้งระดับเล็กและใหญ่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
เรียกว่ากระทบทั้งระบบเลยก็ว่าได้
ในเงื่อนไขปกติซึ่งไม่มีไวรัสระบาดการหยุดยาวนั้นจะมีอยู่ 2 ระดับ คือ พวกฐานะไม่ดีนักก็จะเที่ยวในประเทศตามจังหวัดต่างๆ ทั้งกลับเยี่ยมบ้านเกิดหรือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
แต่ฐานะมีอันจะกินก็จะไปเที่ยวต่างประเทศ
ภาวะที่ไม่ปกติเนื่องมาจากไวรัสระบาดและมีคำเตือนไม่ให้เดินทางไปเที่ยวในบางประเทศ โดยเฉพาะในย่านเอเชียด้วยกันอย่างฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น
นั่นคงทำให้คนไทยไม่กล้าไปเที่ยวประเทศเหล่านี้เลยหวังว่าจะเที่ยวในประเทศมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย
แต่คำถามมีอยู่ว่าแล้วจะได้ผลแค่ไหน สร้างรายได้แค่ไหน กระตุ้นได้จริงหรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ แก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่
แม้ว่าระบบแบงก์จะไม่มีปัญหาเพราะมีกำหนดให้หยุดได้แค่ 3 วันเท่านั้น แต่ระบบการขับเคลื่อนทุกอย่างต้องหยุดไปโดยปริยาย
ที่สำคัญก็คือในสถานการณ์อย่างนี้ ภาวะจิตใจของคนไทยมันห่อเหี่ยว เศรษฐกิจก็ไม่ดี กระเป๋าแฟบ จะเอาเงินไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างไร
ฟันธงได้เลยว่าเป็นวิธีคิดที่เดียงสาไปหน่อย
เอาเวลาไประดมสมองหาทางแก้ไขในภาพรวมน่าจะเข้าท่ากว่า.
“สายล่อฟ้า”