เหตุการณ์ไม่น่าจดจำ แต่ต้องบันทึกไว้อีกหน้าประวัติศาสตร์เมืองไทย
กับฉาก “โคราชวิปโยค” คดี “จ่าทหารคลั่ง” ก่อเหตุสังหารคู่กรณี กราดยิงประชาชนทั่วไป และจับตัวประกันในห้างกลางเมืองนครราชสีมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ศพ รวมทั้งผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย
ผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตาย ความเสียหายเทียบเท่าเหตุก่อการร้าย
ทั่วโลกต่างร่วมแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศไทย
ในสถานการณ์อย่างที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องยกเลิกภารกิจในกรุงเทพฯ นำคณะใหญ่บินด่วนไปนครราชสีมา
ต่อเนื่องกับมาตรการเยียวยา รัฐบาลต้องรับหน้าเสื่อดูแลเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุร้าย
แต่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังไม่วายตกอยู่ในวังวนสังคมอุดมดราม่า โลกโซเชียลมีเดียแบบไทยๆ เกรียนคีย์บอร์ดแบ่งข้างเชียร์ เลือกข้างด่ากันมันมือ
และตามฟอร์ม เข้าเหลี่ยมขั้วการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลจ้องผสมโรงถล่มผู้นำอย่าง “นายกฯลุงตู่” ที่เผลอหลุดสคริปต์ เจอจับผิดกันทุกช็อต โห่ฮากันทุกคิว
โหนโศกนาฏกรรมเลือด เบิ้ลบลัฟตีกินกันทางการเมือง
ตามท้องเรื่อง “จ่าทหารคลั่ง” แทรกคิวมายึดพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง เบียดกระแสไวรัส มรณะอู่ฮั่นตกขอบเป็นข่าวรอง นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงประเด็นข่าวการเมืองที่หล่นไปเป็นข่าวเล็ก
ช็อตอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เชิดฉิ่งโหมโรง ต้องซาลงชั่วขณะ
และนั่นยังมีคิวตัดหน้า รายการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2 และวาระ 3 ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติกันใหม่
เนื่องจากปรากฏว่า มีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแทนกัน
...
จากกรณีของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย
ย่อมมีผลเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ทำให้ผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ในวันเวลาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
พฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของ ส.ส.ไม่กี่คน ทำเดือดร้อนทั้งประเทศ
ซึ่งนั่นก็ต้องลุ้นช็อตต่อเนื่องกับประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญทิ้งทุ่นไว้ด้วยว่า การพิจารณาไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความผิดทางอาญาหรือทางจริยธรรมของ ส.ส.คนใด ส่วนบุคคลใดจะต้องรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
แทบไม่ต้องย้ำซ้ำ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย รับลูกตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันมีความผิด ฝ่ายค้านอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน พร้อมระบุรายชื่อ ส.ส.บุคคลที่ชัดเจน ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เอาผิด ส.ส.ที่มีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน ในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่
ตามรูปการณ์ “ความผิดใหญ่หลวง” ไม่น่ารอดสันดอน
โดยเฉพาะคนที่มีหลักฐานโต้งๆว่าตัวไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภา แต่มีชื่อโหวตลงคะแนน
ชัดๆมันก็อยู่ที่ 2 ราย ว่ากันตามที่จอมเขี้ยวอย่างนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไล่ตามบี้ ตามแฉแบบกัดไม่ปล่อย
แนวโน้มเหนื่อยแทนยี่ห้อ “ภูมิใจไทย”
แต่เหนื่อยกว่าก็คือยี่ห้อ “อนาคตใหม่” ที่อยู่ในอาการลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงาย
ตามคิวศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาคดีกู้เงิน “ไพร่ห้าพันล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค กว่า 191 ล้านบาท ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ส่อขัดรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของรายได้พรรคการเมือง
ดีเดย์ 21 กุมภาพันธ์ 3 วันก่อนคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้
และถ้าเป็นไปตาม “หมอดู” นั่งทางนอก ส่องทางใน ทำนายล่วงหน้า หวยจะออกได้ 2 มุม
มุมแรก ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรค หรือมุมที่สอง ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ริบเงินกู้ 191 ล้าน พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค
ที่แน่ๆทั้ง 2 มุม 15 กรรมการบริหารค่ายสีส้ม ไม่รอดสันดอน
ที่สำคัญ 11 คนใน 15 คนนั้น มีตำแหน่งเป็น ส.ส. โดยเฉพาะตัวกลั่นอย่าง “ป๊อก เดอ ฟร็องส์” นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค
ส่อโดนหักดิบ จับแพ้ฟาวล์ก่อนขึ้นเวที
หนีไม่พ้นเกมม็อบ สยบยากกว่า “จ่าทหารคลั่ง”.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน