พาเหรดล้อการเมือง งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 “กร่อย” เนื้อหาข้อความ กระทบรัฐเซนเซอร์ออกหมด ด้าน ประธานล้อการเมือง มธ. ชี้ เหตุไม่เน้นการเมืองเพราะประชาชนสนใจเรื่องเศรษฐกิจ-สังคมมากกว่า 

วันที่ 8 ก.พ.สนามศุภชลาศัย มีจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 ภายใต้แนวคิด “Make a CHANGE เปลี่ยน ปรับ ขยับสังคม” ซึ่งในปีนี้จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพ โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน

สำหรับไฮไลต์ก่อนการเปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษในทุกปี คือ ขบวนพาเหรดล้อการเมือง ของกลุ่มอิสระล้อการเมือง แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลปรากฏว่า ปีนี้มีการจัดทำหุ่น รวมทั้งสิ้น 4 ตัว มีหุ่นเพียง 2 ตัว ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง นอกนั้นเป็นหุ่นการสะท้อนสังคม ทั้งก่อนเริ่มงานป้ายผ้าข้อความล้อการเมืองในขบวนพาเหรด ที่มีลักษณะเสียดสีรัฐบาล ก็มีการเซนเซอร์ตัวเองไม่นำเข้าสนาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสังเกตของศิษย์เก่าบางส่วนที่ว่า ขบวนล้อการเมืองปีนี้ เนื้อหาเบากว่าทุกปี อีกทั้งก่อนการเคลื่อนขบวนพาเหรดเข้าสู่สนาม มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบสวมเสื้อเชียร์จุฬา ธรรมศาสตร์ ยืนดักหน้าทางเข้าสนาม พร้อมสำรวจตรวจป้ายผ้าที่จะเข้าไปในสนามอย่างเข้มงวด 

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มอิสระล้อการเมือง เปิดตัวในสนามด้วยป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “ล้อเลียนหยอก บอกกล่าว เล่าความคิด การณ์นี้สิทธิ แลเสียง ไร้ความหมาย เมืองไทยบอก มีประชา ธิป “ตาย" 74 บอล ล่วงไป ไร้เปลี่ยนแปลง” ตามด้วยหุ่นล้อการเมืองตัวที่ 1 ชื่อ อนุสาวรีย์ประชาธิป “ตาย”’ ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่เอนไปข้างหน้าโดยมีคนสองคนช่วยกันค้ำไม่ให้ล้ม พร้อมข้อความว่า อำนาจรัฐ ชัดเจน ว่าแกร่งกล้า สูงสุดฟ้า ลำปืน รัฐประหาร ราษฎรต้าน รำคาญใจ ทั้งนี้กลุ่มอิสระล้อการเมือง ระบุว่า หุ่นตัวนี้อ้างอิงจากเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง รัฐธรรมนูญที่ปลายยอดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกำลังมีภัย เพราะกลุ่มคนสีเขียวกระผลักเอียง กำลังอำนาจที่มิชอบนั้นคงบรรลุความประสงค์ได้ดังใจหมายหากไม่มีประชาชนเป็นคนค้ำยัน ร่วมใจดันอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้กลับมามั่นคงตั้งตระหง่าน

ส่วนหุ่นตัวที่ 2 ชื่อ “ปอดแหก” เป็นหุ่นรูปคนสองคน หุ่นตัวแรกยืนอยู่แล้วต่อท่อหายใจมาจากปอดหุ่นอีกตัวที่กำลังนั่ง โดยสื่อความหมายถึง ปัญหาฝุ่น PM 2.5 สร้างผลกระทบต่อทุกคน แต่คนทำงานในห้องแอร์ ที่มีเครื่องฟอกอากาศย่อมได้รับผลน้อยกว่าคนหาเช้ากินค่ำที่ทำงานตามท้องถนน

สำหรับหุ่นตัวที่ 3 ชื่อ “เศรษฐีนอนสบาย โทษตายคือยาจก” มีลักษณะคล้ายเครื่องมือประหารตัดศีรษะที่ชื่อ “กิโยตีน” โดยมีหุ่นสองตัวอยู่ในกิโยตีน แต่ใบมีดกลับสับลงมาตัดคอหุ่นแค่ตัวเดียว โดยสื่อถึงกฎหมายที่เอาประโยชน์แต่คนรวย

สำหรับไฮไลต์ของพาเหรดล้อการเมือง คือ หุ่นตัวที่ 4 ที่มีชื่อ “พรรคเป็นพิษ” เป็นรูปคนเป่าปี่ที่มีลักษณะคล้ายนกหวีด และมีงูเห่าชูคออยู่ด้านหน้า ซึ่งทางกลุ่มล้อการเมือง ระบุว่า อ้างอิงจากแนวคิดเรื่องความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมือง และสุภาษิตหมองูตายเพราะงู สำหรับหุ่นตัวนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า นักศึกษาถือป้ายผ้านำแค่ชื่อหุ่น แต่ไม่มีป้ายข้อความใดๆ ประกอบ โดยเป็นป้ายขาวที่ว่างเปล่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเซนเซอร์ป้ายหุ่นตัวนี้ไม่ให้เข้าสนาม

ในส่วนของกลอนปิดของกลุ่มล้อการเมือง ที่ทางกลุ่มได้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนก่อนหน้าก็เช่นกัน ปรากฏว่า ในพาเหรดกลับไม่มีป้ายข้อความกลอนปิดปรากฏในสนาม จากการสอบถามทีมงานล้อการเมือง แจ้งว่า ข้อความกลอนปิดล้อการเมืองปีนี้ ทางกลุ่มทำไม่ทัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อความดังกล่าวมีเนื้อหา “เปลี่ยนผันไปกว่าครึ่งทศวรรษมั่น ลุง อยู่ยันคงทนอย่างแน่นหนาได้ สรรค์สร้างวีรกรรมมากนับคณา แล้ว ประชาต้องอดทนถึงเมื่อใด”

น.ส.ภัทรสุดา สังข์ทอง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ.ชั้นปีที่ 3 ในฐานะประธานกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า การล้อการเมืองปีนี้ ราบรื่นดีหุ่นล้อการเมืองได้เข้าสนามทุกตัว มีเพียงป้ายผ้าที่หายไป 4 ป้าย เนื่องจากทางกลุ่มเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า ให้นำออกเอง เพราะเห็นว่า กลอนที่เขียนบนป้ายนั้นไม่เข้ากับหุ่นเกรงว่า หากนำเสนอไปจะทำให้สังคมเข้าใจผิดในสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนที่หลายคนอาจมองว่า เนื้อหาของหุ่นล้อการเมืองปีนี้เบาลงกว่าทุกปีนั้น ยืนยันว่า ทางกลุ่มต้องการนำเสนอในสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า โดยเฉพาะกระแส เรื่องฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรนา ประกอบกับบ้านเมืองขณะนี้ไม่ได้อยู่ในยุคคสช.ดำเนินไปในระบบรัฐสภา ไม่ได้มีอะไรมากเหมือนก่อน จึงเลือกจับประเด็นเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก