"อนุทิน" เผย "บิ๊กตู่" ไฟเขียวคนจีนเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์ปลอดเชื้อไวรัสโคโรน่า พร้อมสั่งเช็กยอดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 ย้ำเน้นดูแลสุขภาพประชาชนเป็นหลัก

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 ม.ค.62 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ กล่าวในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการนัดแรก ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความห่วงใยสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยเน้นย้ำการป้องกันโรคให้คนทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยมีความปลอดภัยจากไวรัสดังกล่าวให้มากที่สุด ส่วนเรื่องความเสียหายทางเศรษฐกิจสามารถออกมาตรการเยียวยาในภายหลังได้ แต่ชีวิตและสุขภาพของคนถ้าติดเชื้อ ป่วย เสียชีวิตแล้วเอากลับมาไม่ได้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการป้องกันระดับสูงสุด เตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติด โดยให้กระทรวงพาณิชย์คุมราคา อย่าให้มีใครฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบกันในช่วงนี้ และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสานไปยังบริษัทผู้ผลิตและนำเข้าในการเตรียมอุปกรณ์ป้องกันโรคให้เพียงพอ ส่วนเรื่องสถานพยาบาลที่จะรองรับการดูแลผู้ป่วยยืนยันว่ามีเพียงพอ และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยแพทย์ทหาร

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องประสานสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในการจัดบัญชีข้อมูลนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศจีนตั้งแต่เดือน พ.ย. 2562 จนถึงปัจจุบันว่ามีจำนวนเท่าไร มีชื่อ มีรายละเอียดส่วนบุคคลอย่างไรบ้าง มีกี่คนที่เข้าแล้วออกไปแล้ว เหลือกี่คนที่ยังอยู่และจะออกเมื่อไหร่ ต้องมีรายละเอียดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข เพราะหากมีการระบาดในประเทศจะได้มีข้อมูลติดตามผู้ที่สงสัยว่าเป็นพาหะนำเข้า

...

“เรื่องผลกระทบกับเศรษฐกิจ ขณะนี้เรายกระดับการตรวจคนเข้าเมืองเป็นสถานการณ์พิเศษ โดยคนที่จะเดินทางเข้ามาต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าปลอดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไม่มีความเสี่ยงจากประเทศต้นทาง และมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวให้ศึกษาผลกระทบและนำเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อไป หากเราจำเป็นต้องใช้มาตรการจำกัดการเข้าเมือง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน คนอาจจะกังวลเรื่องการกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหากออกมาตรการเข้มนี้ ต้องเรียนว่าถึงอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทย” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการสื่อสารกับสังคมจะมี 3 ระดับ โดย 1. ระดับรัฐบาลจะมีแถลงข่าวผ่านคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งจะมีการตั้งโฆษกเพื่อทำหน้าที่แถลงต่อไป 2. ระดับปฏิบัติการจะเป็นหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ให้ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และ 3. ระดับของการตอบโต้สถานการณ์ข่าวต่างๆ รายวัน จะมีโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ให้ข้อมูล พร้อมร่วมมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดคนปล่อยข่าวเท็จ ซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ส่วนการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนกระทรวงสาธารณสุขจะตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารเพียงจุดเดียว เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ ป้องกันข้อมูลซ้ำซ้อน โดยมีนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ.