ต้องมีคำตอบ?
นี่ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งใจที่จะปฏิรูปตำรวจอย่างเป็นจริงเป็นจังมาตั้งแต่เป็นนายกฯ คสช.ป่านนี้คงรู้หมู่รู้จ่ากันไปแล้ว
แต่เพราะยังต้องอิงตำรวจเพื่อค้ำจุนอำนาจจึงทำได้เพียงแค่แตะๆตั้งคณะกรรมการปฏิรูปหลายชุดหลายคณะ
ทำให้ดูดีว่าเอาจริงแล้วนะ...
สุดท้ายก็เก็บใส่ลิ้นชักไปตามระเบียบเนื่องจากเกิดแรงต้านจากตำรวจเยอะ อีกทั้งเมื่อผู้มีอำนาจหวังความมั่นคงของ คสช.เองจึงจำเป็นที่จะต้องซื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ
ว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาล คสช.ยุคนั้นมีอำนาจครอบจักรวาลและมีศักยภาพที่จะทำได้
เชื่อเถอะจากนี้ไปคงทำได้ยากแล้ว เพราะไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งด้วย เพราะโครงสร้างตำรวจไทยนั้นไม่ต่างไปจาก “กองทัพ” หนึ่งในบ้านนี้เมืองนี้
รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาจึงไม่คิดที่จะปฏิรูปให้ตำรวจดีขึ้น แต่อาศัยความมีอำนาจจึงใช้วิธีที่แยบยล เข้าไปถึงแก่นกลาง
คือแต่งตั้งนายตำรวจที่เป็นเส้นสายเดียวกัน พรรคพวกกันหรือพวกที่ยอมเข้าสวามิภักดิ์ให้เป็นผู้มีอำนาจใน สตช.
ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งสำคัญคือ ผบ.ตร. ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผกก. คือตั้งส่วนหัวแล้วให้ไปวางตัวบุคคลในตำแหน่งสำคัญๆทุกระดับ
เท่ากับว่าได้คุมตำรวจโดยปริยาย ไม่ต้องไปทำอะไรมากกว่านี้
ด้วยโครงสร้างของตำรวจในปัจจุบันที่มีอำนาจครอบคลุมไปทั้งประเทศ นอกจากภารกิจโดยตรงแล้ว
ยังมีภารกิจเกินหน้าที่ต้องรับผิดชอบงานสารพัด แค่คิดไป ตัดงานส่วนเกินนี้ก็เกิดอาการไม่พอใจตั้งท่าคัดค้านมาตลอด
นี่แหละคือปัญหาหนึ่ง!
เวลานี้กำลังเกิดปัญหาขัดแย้งภายในขึ้นมาอีกแล้ว จากการที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. แต่ปัจจุบันถูกเด้งไปเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯแบบไปแล้วไปเลย
...
“จุดพลุ” เรื่องรถถูกยิงแถวพัฒน์พงษ์ แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้และยังมิอาจสืบทราบได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ แม้กระทั่งมีการลือกันด้วยว่าเป็นการ “จัดฉาก” หรือเปล่า
แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป ผลจากการนี้ตรงนี้ไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเป้าหมายจริงๆก็คือการมุ่งไปถึงบุคคลระดับ ผบ.ตร.มากกว่า
ด้วยการยกระดับ “ไบโอแมทริกซ์” เครื่องสแกนใบหน้าคนที่ สตม.นำมาใช้หลังจากเงียบหายไปนานแล้ว
พูดง่ายๆชี้เป้าไปที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
เรื่องนี้ “บิ๊กโจ๊ก” สมัยเป็น ผบช.สตม.ไม่ยอมลงนามอนุมัติอ้างว่าไม่มีประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดความไม่พอใจจากผู้ริเริ่มดำเนินการมาก่อน
เหตุนี้ทำให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เชื่อว่าเป็นเหตุทำให้เขาถูกเด้ง
หลังจากซุ่มเงียบเก็บตัวมานานที่สุดก็ออกมาเปิดตัวเพื่อถอนแค้นทวงความเป็นธรรม ซึ่งก็คงจะต้องมีการวางแผนมาอย่างดีก่อนที่จะเปิดศึก
ก็ได้ผล เพราะอย่างน้อยก็เป็นข่าวครึกโครม อีกทั้ง ป.ป.ช. กำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่
ที่ผ่านมาทั้ง “บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก” ล้วนเป็นศิษย์สำนัก “พี่ใหญ่” แห่งบูรพาพยัคฆ์ด้วยกันทั้งคู่ แต่มาระยะหลังดูเหมือนจะกลายเป็นน้ำแยกสายไผ่แยกกอ คนหนึ่งไปทางใหม่ อีกคนยังยึดนายเก่า
นี่กระมังที่ทำให้ทั้ง “บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม”...กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดี๋ยวจะพันเข้าตัวได้.
“สายล่อฟ้า”