ฝ่ายเชียร์รวมพลที่สวนลุมฯ พท.ยกเป็นนวัตกรรมขับไล่ ‘สนธิรัตน์’ วอนอย่าลงถนน
มาตามนัด “วิ่งไล่ลุง”-“เดินเชียร์ลุง” สวนลุมฯคึกคักกลุ่มสนับสนุนนายกฯมาพรึ่บนำทีมโดย กปปส. “นพ.เหรียญทอง-ผู้กองปูเค็ม-อุ๊ หฤทัย” ยืนยันบ้านเมืองต้องเดินหน้าต่อไปพร้อมกับลุงตู่ “อุ๊” ลั่นไม่ยอมให้นักการเมืองชั่วมาไล่
ส่วน “วิ่งไล่ลุง” บรรยากาศคึกทั่วประเทศ สวนรถไฟมากันเพียบ “ธนาธร-ช่อ-โรม-กิตติรัตน์-ทวี-สมชัย” วิ่งชู 3 นิ้วตะโกนขับไล่ “บิ๊กตู่” สรุปยอดกว่าหมื่นคน “ธนวัฒน์” ครวญกว่าจะจัดงานได้สุดลำบาก โดนข่มขู่คุกคามสารพัด ชี้เป็นประวัติศาสตร์ก้าวแรก หมุดหมายต่อไป 2 ก.พ.ที่เชียงใหม่ ปีนี้ต้องไล่ลุงตู่ออกไปให้ได้ ขณะที่ต่างจังหวัดก็ออกวิ่งกันเพียบที่บุรีรัมย์ 2 กลุ่มเผชิญหน้าหวิดปะทะ โคราชเจอบล็อกต้องย้ายสถานที่ถึง 3 รอบ อุบลราชธานีพร้อมใจใส่เสื้อแดงสกรีนรูป “ทักษิณ” ขณะที่ “สนธิรัตน์” วอนอย่าเลยเถิดลากการเมืองลงถนน พท.ยก “วิ่งไล่ลุง” นวัตกรรมขับไล่รัฐบาล เล็งคาดโทษ “งูเห่า” ไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. จ่อซักฟอก รมต.ด้านเศรษฐกิจเพิ่มอีก 2-3 คน
หลังจากโหมโรงมานานก็ได้ฤกษ์ถึงวันจัดงาน “วิ่งไล่ลุง” 12 ม.ค. มวลชนทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆออกมาร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่ แต่งานนี้ฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็อยู่เฉยไม่ได้ ออกมาจัดกิจกรรมคู่ขนาน “เดินเชียร์ลุง” ที่สวนลุมพินีกรุงเทพฯเช่นกัน
...
“เดินเชียร์ลุง” คึก กปปส.มากันแน่น
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ กลุ่มมวลชนผู้สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นับพันคนมารวมตัวจัดกิจกรรม “เดินเชียร์ลุง” เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีการเปิดลงทะเบียนเพื่อรับของที่ระลึก อาทิ เสื้อ หมวก เข็มกลัดสกรีนข้อความว่า “เดินเชียร์ลุง 12 มกรา มาสวนลุมฯ” ให้กับสมาชิกทั้งที่ลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้และผู้ที่มาใหม่ ตั้งแต่เวลา 05.30 น. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่บางคนที่มาร่วมกิจกรรมสวมใส่เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนข้อความว่า “ประเทศกูดี” โดยผู้มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงานและผู้สูงอายุที่เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) อาทิ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจสิ่งพิมพ์ชาวอินเดีย พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นางหฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ นักร้องชื่อดัง รวมถึงนายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และ น.ส.จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์
บ้านเมืองต้องเดินต่อไปกับ “ลุงตู่”
ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูกลิ่น หรือผู้กองปูเค็ม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวว่า มาร่วมกิจกรรมเพื่อแสดงความรัก และมาเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อเพื่อทำงานให้กับประเทศก้าวหน้า การที่มีคนหลายพันคนมาแสดงพลังวันนี้ไม่ได้ต้องการสร้างความขัดแย้ง ส่วนตัวที่เชียร์ลุงตู่เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต มั่นใจว่าสิ่งที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคต-ใหม่พยายามปลุกระดมให้เกิดม็อบการเมืองมาขับไล่รัฐบาลนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้ไม่มีเงื่อนไขอะไรที่รัฐบาลจะไม่สามารถบริหารประเทศต่อ แม้นายธนาธรจะพยายามปลุกระดมอย่างไรก็คงจุดไม่ติด เพราะคนรู้แล้วว่านายธนาธรทำเพื่อต้องการโล่มนุษย์มาปกป้องตนเอง
เช่นเดียวกับ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ กล่าวว่า เราต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง ควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความวุ่นวาย โดยกิจกรรมวันนี้เพื่อส่งเสริมบ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไปได้ ยืนยันไม่ใช่การก่อกวน
“อุ๊” ลั่นไม่ยอมนักการเมืองชั่วมาไล่
ด้านนางหฤทัย ม่วงบุญศรี กล่าวว่า ยอมรับว่า กิจกรรมเดินเชียร์ลุงในวันนี้เป็นกิจกรรมทางการเมือง เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงก่อน การที่มีบางฝ่ายออกมาพูดว่า รัฐบาลในขณะนี้เป็นเผด็จการนั้น ถือเป็นคำพูดบิดเบือน เนื่องจากรัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 ถือว่ามีความชอบธรรมในการ บริหารประเทศ ต่างชาติให้การยอมรับว่าประเทศไทยมีประชาธิปไตยแล้ว ขอเตือนไปถึงนักการเมืองที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 จะต้องเจอกับประชาชนที่ออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญปี 60 ถือเป็นก้างขวางคอนักการเมือง วันนี้มาเดิน แสดงพลังให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ และสะท้อนให้นักการเมืองชั่วรู้ว่าพวกเราไม่ยินยอมให้กระทำอะไรที่ไม่ชอบ อาทิ การไล่ พล.อ.ประยุทธ์ที่พวกเราเห็นว่าดำรงตำแหน่งตามขั้นตอนถูกต้อง รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติของประชาชน 16 ล้านเสียงเราไม่เห็นด้วย พวกเราพร้อมจะออกมาแสดงพลังตลอดเวลา หากพรรคอนาคตใหม่เกิดเห็น ไม่ชอบขึ้น และไม่กลัวว่าจะเกิดม็อบชนม็อบ เพราะนักการเมืองชั่วน่ากลัวกว่าและอยากให้นักการเมืองบางกลุ่มหยุดล้างสมองเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้แล้ว
เด็ก รปช.สังเกตการณ์บอกมาเป็นหมื่น
ขณะที่นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทยกล่าวว่า ในส่วนของตนเดินทางมาสังเกตการณ์เท่านั้น เพราะบ้านอยู่แถวสีลม ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยยืนอยู่รอบๆกิจกรรมเท่านั้น ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่ามีคนมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าทางเข้าทราบว่ามีคนมามากถึง 1.4 หมื่นคน
เตะส้มระบายแค้นพรรคอนาคตใหม่
กระทั่งเวลา 06.30 น. บรรยากาศโดยรอบยิ่งคึกคัก มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น รำวงกลองยาว การแสดงกลองบาตูคาด้าบลาซิล การตีกลองสะบัดชัย การตีและเตะผลไม้จำลองทั้งส้ม สตรอว์เบอร์รี แตงโมที่เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ไม่เอาพรรคอนาคตใหม่ การเขียนข้อความลงในกระดาษติดบอร์ดให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อาทิ รักลุงตู่ ขอให้ลุงตู่อยู่ยาว ขอให้ลุงตู่แข็งแรง ขอให้ลุงทำเพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป็นกำลังใจให้ตลอดไปค่ะ เป็นต้น เพื่อนำไปมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมถึงเจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม. ที่มาคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องสแกนตรวจวัตถุอันตราย และตรวจค้นกระเป๋าบริเวณประตูทางเข้า มีการเตรียมรถพยาบาล สุขาเคลื่อนที่ ซุ้มน้ำและอาหารบริการ
ตำรวจตรวจเข้มไม่มีปัญหาหนักใจ
ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะมีการเริ่มกิจกรรมเดินเชียร์ลุงในเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี กล่าวว่า ทางตำรวจได้วางแผนเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยในสถานที่จัดกิจกรรม โดยตั้งจุดคัดกรอง ตรวจตราอาวุธและสิ่งต้องห้ามที่อาจก่อให้เกิดอันตรายไม่ให้ผู้เข้าร่วมนำเข้ามาตรงทางเข้าออกสวนสาธารณะทั้งหมด พร้อมวางแผนรับมือเผชิญเหตุเฉพาะหน้าไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับงานเดินเชียร์ลุงนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเดินในสวนเท่านั้น
เดิน 1.5 กม. จบ 11.30 น. แยกย้าย
จากนั้นเวลา 09.00 น. ได้มีการปล่อยขบวน “เดินเชียร์ลุง” เริ่มจากจุดปล่อยตัวบริเวณประตู 4 และวิ่งวนในสวนลุมพินี ในระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพื่อมาจุดสิ้นสุดที่ประตู 4 อีกครั้ง ก่อนที่จะจบกิจกรรมในเวลา 11.30 น. โดยทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “เชียร์ลุง” กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมว่า กิจกรรมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยืนยันว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการยื่นขออนุญาตเหมือนทุกกลุ่ม และกิจกรรมในวันนี้ไม่มีนายทุน แต่เป็นการระดมเงินทุนของแอดมินกันเอง อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เราก็พร้อมที่จะออกมาแสดงพลังอีกครั้ง
งาน “วิ่งไล่ลุง” ตำรวจสแกนเข้มงวด
อีกด้านหนึ่ง ที่สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ คณะกรรมการแนวร่วมสมาพันธ์ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย นำโดยนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ จัดงานวิ่งไล่ลุง ซึ่งเป็นงานวิ่งมินิมาราธอนที่แฝงกิจกรรมการเมืองขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางมวลชนผู้สนับสนุน ตลอดจนนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวเข้าร่วมคับคั่ง ก่อนการจัดงานจะเริ่ม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.กฤษฏางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบนับร้อยนายกระจายกำลังโดยรอบ ทั้งจัดเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีกระจายตรวจหาวัตถุระเบิด และสิ่งต้องสงสัย และตั้งตรวจและจุดคัดกรองที่ประตูทางเข้า เพื่อรักษาความปลอดภัย
ค้นละเอียดยึดป้ายโจมตี “ลุงตู่”
เวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเปิดให้ ประชาชนที่ลงทะเบียนวิ่งไล่ลุงเข้าสู่สวนรถไฟทางประตู 1-3-4 โดยผู้วิ่งไล่ลุงทั้งหมดต้องผ่านประตูสแกนโลหะ ผู้นำกระเป๋าเข้ามาจะถูกตรวจค้นอย่างละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยึดป้ายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตำรวจสั่งห้ามไม่ให้นำเข้าไปในงานไว้ได้จำนวนมาก ขณะที่เวทีวิ่งไล่ลุงตั้งอยู่บริเวณลานกว้างด้านซ้ายของถนนกลางสวนรถไฟ มีจุดให้ลงทะเบียนรับเบอร์วิ่ง ซื้อเสื้อที่ระลึก ตลอดจนอาหารน้ำดื่ม ไม่ต่างอะไรกับงานวิ่งมินิมาราธอนทั่วไป แต่กลับมีข้อความแฝงนัยทางการเมือง เช่น จุดปล่อยตัวนักวิ่งหรือจุดสตาร์ตเขียนว่า “ออกยากกว่าพุง ก็ลุงนี่แหละ” “ดีใจจังคนหลังก็ไล่ลุง” ขณะเดียวกันนาฬิกาบอกเวลาจุดออกตัวยังเขียนข้อความว่า “เรือนนี้ ยืมเพื่อนมา” เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนการวิ่ง คณะผู้จัดงานยังได้ชวนนักวิ่งไล่ลุงมาวอร์มอัปร่างกายด้วยท่าทุ่มด้วยโพเดียม ท่ายืมนาฬิกาเพื่อน เป็นต้น ส่วนบนเวทีก็มีการเปิดให้นำนกหวีด หรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับการชุมนุม กปปส.มาแลกเหรียญปราบกบฏได้ ซึ่งมีผู้ที่สนใจนำมาแลกเป็นจำนวนมาก
“ธนาธร-ช่อ” พท.-แนวร่วมมาพรึบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดงานวิ่งไล่ลุงครั้งนี้ ได้มีนักการเมืองฝ่ายค้านและบุคคลที่มีชื่อเสียง เข้าร่วมคับคั่ง อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.พรรณิการ์ วานิช นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคอนาคตใหม่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล จากพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พรรคประชาชาติ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่าย ประชาชนต้านคอร์รัปชัน นายจอห์น วิญญู พิธีกร น.ส.ณัฐฏา มหัทธนา หรือโบว์ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายปรัชญา สุรกำจรโรจน์ ศิลปินกลุ่ม rad เจ้าของเพลงแร็ปประเทศกูมี นายธนมงคล จำปาเฟื้อง หรือโยชิ ยูทูบเบอร์ เจ้าของคลิป คุกกี้เสี่ยงคุก และโทรเคลียร์ท่านนายกฯ เป็นต้น
วิ่งชูสามนิ้วตะโกนขับไล่ “ประยุทธ์”
สำหรับการปล่อยตัวนักวิ่งไล่ลุงออกจากจุดสตาร์ตถูกแบ่งเป็นสองรอบ คือรอบ 07.00 น. และ 08.00 น. ระยะทางวิ่ง 2.5 กม.เศษ ทั้งสองรอบ มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมวิ่งด้วย โดยได้หมายเลขวิ่ง 2162 และเขียนข้อความบนเบอร์วิ่งไว้ด้วยว่า “ประชาธิปไตยจะเบ่งบาน” ผลปรากฏว่าทันทีที่ออกสตาร์ตในแต่ละรอบ เหล่าบรรดานักวิ่งไล่ลุงที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัยรุ่น ก็เริ่มมีการชูสามนิ้วสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช.และตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างนำป้ายโจมตีรัฐบาลที่แอบซุกซ่อนเข้ามาโชว์ระหว่างการวิ่ง
สรุปยอดร่วมงานคึกคักกว่าหมื่นคน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล รายงานยอดประชาชนที่ผ่านเข้าประตูตรวจโลหะ ที่ประตู 1-3-4 ตั้งแต่เวลา 05.30-08.20 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 13,440 คน เวลา 08.59 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 14,178คน ในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่รายงานว่า เป็นผู้ที่มาออกกำลังกายปกติ 2,000 คน จึงคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานวิ่งไล่ลุงทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นคน หลังการวิ่งสิ้นสุดลงได้มีการมอบถ้วยรางวัลให้ผู้ชนะการแข่งขันโดยแบ่งเป็นรางวัลชนะเลิศและรองอันดับ 1-2 ทั้งฝ่ายชายและหญิง รวม 6 รางวัล ที่สร้างความฮือฮาคือถ้วยที่มอบให้ชื่อ “ถ้วยลุงโฮ” เป็นรูปนักวิ่งชายติดเบอร์วิ่งหมายเลข 44 กำลังร้องไห้
จัดงานไม่ง่ายถูกข่มขู่คุกคามสารพัด
จากนั้นเวลา 09.00 น. นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย “บอล” นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำผู้จัดงาน วิ่งไล่ลุง พร้อมด้วยนายภูภัชร พัฒนธารธาดา ประธานสภา นิสิตจุฬาฯ และนายสุณัชธวิทย์ วัฒนผล ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ หรือไผ่ อดีตกลุ่มพันธมิตร และนายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย อดีตโฆษก คปท.เป็นต้น ขึ้นเวทีอ่านข้อความในใจของผู้จัดงาน ใจความว่า “มาถึงเวลานี้พวกเราทีมงานวิ่งไล่ลุงขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่หลั่งไหลมาร่วมงานแบบชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของการต่อสู้กับระบอบการเมืองแบบลุงๆ ที่เริ่มโดยการยึดอำนาจจากประชาชนล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชน 5 ปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงไม่ได้ทำเพื่อประชาชนเลย ที่พวกเราได้เห็นตลอดมาคือการสืบทอดอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองให้มั่นคง แม้ประเทศนี้จะมืดมนเพียงใดจากการที่เผด็จการได้กลืนกินความสวยงามของประชาธิปไตยไปตลอดที่ผ่านมา แต่การที่ผู้คนมาร่วมงานในวันนี้จำนวนมากมายทำให้เราเห็นว่าประเทศนี้ยังคงมีความหวังเมื่อเราออกวิ่ง เมื่อพวกเรามาร่วมกันวิ่งไล่ลุงกว่าจะได้จัดงานนี้ไม่ง่าย พวกเราและทีมจัดงานอีกกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศต้องถูกคุกคามข่มขู่ และหลังจากวันนี้คงมีคดีตามมาอีกมากมาย แต่เราไม่หวั่นไหวเพราะเชื่อว่าถ้าจะมีอะไรตามมาอีกเราจะมีทุกคนคอยเคียงข้างกันอยู่เสมอ
ปีนี้ต้องไล่ลุงให้ได้ 2 ก.พ. นัดที่เชียงใหม่
นายธนวัฒน์ “บอล” กล่าวว่า สำหรับวิ่งไล่ลุง พวกเราถูกข่มขู่คุกคามแต่ใครที่หนุนลุงกลับจัดงานได้สบายใจใจกลางเมือง สะท้อนว่าผู้มีอำนาจชอบฟัง ความเห็นที่เหมือนกัน ปฏิเสธการรับฟังความเห็นต่าง แต่เราเป็นประชาชนและต้องการแสดงออกว่าเราไม่ไหว แล้วกับระบอบการเมืองแบบนี้ และการแช่แข็งประเทศจึงเดินทางมาที่นี่วันนี้ด้วยความจริงใจ เราไม่ได้ออกมาวิ่งไล่ลุงคนใดคนหนึ่งแต่เราออกมาวิ่งไล่ระบอบ การเมืองแบบลุงๆ ความอยุติธรรมสองมาตรฐานในประเทศนี้ ไล่รัฐบาลที่บริหารเศรษฐกิจไม่เป็นให้ประชาชนต้องเผชิญความทุกข์ยาก สองเท้าของเราได้ร่วมจารึกประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม ชีวิตและสังคมที่ดีกว่าเป็นไปได้เพียงแค่พวกเราออกวิ่ง ขอให้ผู้มีอำนาจรู้ไว้ว่าวันนี้เป็นวันแรก หลังจากนี้เราจะพร้อมใจกันออกวิ่งทุกวัน ไม่หยุดเพื่อไล่ลุงให้ออกไปให้ได้ในปีนี้ วันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ หมุดหมายต่อไปพบกัน 2 ก.พ. ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปราศรัยเสร็จสิ้นลงคณะผู้จัดงานได้ร่วมกับผู้ร่วมวิ่งไล่ลุงบันทึกภาพหมู่ด้วยการชูสามนิ้วพร้อมกันก่อนแยกย้ายกันกลับ
บุรีรัมย์กลุ่มไล่-เชียร์หวิดปะทะ
ส่วนความเคลื่อนไหวตามจังหวัดต่างๆ ที่จ.บุรีรัมย์ นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ และนายอดิศร ฉลวย แกนนำจัดตั้งวิ่งไล่ลุง อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นัดรวมตัวกันที่ตลาดโรงเกลือคลองถมนิคมบ้านกรวด พร้อมถือแผ่นกระดาษเขียนข้อความ ปัญหาและความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับ เช่น ราคายาง ราคาอ้อย ราคามันสำปะหลัง ราคาข้าวหอมมะลิ และเรียกร้องประชาธิปไตย รวมทั้งการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เดินไปตามถนนโดยรอบตลาดคลองถมนิคมบ้านกรวด ระหว่างทางพบกลุ่มมวลชนของผู้สนับสนุนนายกฯ “ลุงตู่” สวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว พิมพ์ข้อความด้านหน้าว่า “เรารักลุงตู่” และ “ลุงตู่สู้ๆ” รวม 80 คน ยืนปิดกั้นทางเดิน พร้อมโห่ขับไล่ เขียนข้อความ ให้กลับไป ไม่อยากฟัง ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดการโต้เถียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาแยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน และขอร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนเปิดทางให้กับกลุ่มผู้ทำกิจกรรมวิ่งไล่ลุงผ่านไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเสียงโห่ไล่ตามหลังขบวนวิ่งไล่ลุง พร้อมทั้งเดินประชิด และมารวมตัวกันอยู่บริเวณริมถนนสายประโคนชัย-บ้านกรวด เพื่อกดดันให้กลุ่มมวลชนวิ่งไล่ลุงหยุดการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่
โคราชต้องย้ายสถานที่จัดงานอุตลุด
ที่สวนภูมิรักษ์เฉลิมพระเกียรติ ถนนมุขมนตรี ชุมชนสุรวิชัย เขตเทศบาลนครนครราชสีมา บรรยากาศกิจกรรมวิ่งไล่ลุงมีประชาชนเข้าร่วม 500 คน วิ่งภายในสวนภูมิรักษ์ 3 รอบ ระยะทาง 2.4 กม. นายกฤติพงศ์ ปานสูงเนิน แกนนำกลุ่มวิ่งไล่ลุงโคราช เปิดเผยว่า กลุ่มผู้จัดกิจกรรมมีความจำเป็นต้องย้ายสถานที่จัดกิจกรรมเป็นครั้งที่ 3 เพราะโดนสกัดกั้นทุกทาง เพื่อไม่ให้มีจัดกิจกรรมที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และที่สวนอนุสรณ์สถานวีรชน ทำให้ทีมงานต้องย้ายสถานที่จัดกิจกรรมมาที่สวนภูมิรักษ์ การจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้มีการกระทำความผิดตามกฎหมาย และถือเป็นการแสดงออกตามกระบวนการประชาธิปไตยของคนที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน
นิสิตมหาสารคามจี้ลาออก-ยุบสภา
ที่ จ.มหาสารคาม กลุ่มเครือข่ายนิสิต ม.มหาสารคาม เครือข่ายนักศึกษา ม.ราชภัฏมหาสารคาม และแกนนำจากอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ รวม 200 คน จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่หอนาฬิกาใจกลางเมืองจังหวัดมหาสารคาม แสดงเจตนารมณ์ของการจัดวิ่ง 4 ข้อด้วยกัน คือ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลาออก เพื่อรับผิดชอบที่ได้ทำมาตลอด 5 ปี 2.ให้ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ 3.ยุติบทบาท ส.ว.ทั้ง 250 คน ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และ 4.ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 เช่นเดียวกับที่ลานดอกบัว เขตเทศบาลอุดรธานี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง 70 คน พร้อมชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์ใส่เสื้อแดงสกรีนรูป “ทักษิณ” ร่วมด้วย
สำหรับบรรยากาศกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพ
วิ่งไล่ลุง เก็บขยะ ด้านหน้าศาลหลักเมืองอุบลราชธานี มีผู้เข้าร่วม 400 คน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอาวุธ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงอย่างเข้มงวด และไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อที่มีข้อความหมิ่นเหม่การต่อต้านรัฐบาลหรือขัดต่อ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ แต่ยังมีกลุ่มประชาชนที่ยังใส่เสื้อวิ่งไล่ลุง อ้างว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ นอกจากการสวมเสื้อที่มีข้อความวิ่งไล่ลุงแล้ว ยังมีกลุ่มประชาชนที่สวมเสื้อสีแดง สกรีนรูปนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไว้ที่ด้านหลังเสื้อกิจกรรมเริ่มวิ่งในระยะทาง 5 กม.
พังงาบอกรอไม่ไหว เศรษฐกิจแย่
นายจิรพงศ์ มาศทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.พังงา พร้อมด้วยนายสิทธิโชค ทองชุม กรรมการหอการค้าไทย ประธานโครงการพังงาแห่งความสุข กลุ่มคนรุ่นใหม่ และเหล่าอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ร่วมกันทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่บริเวณอุทยานพระนารายณ์ตะกั่วป่า ถึง บขส.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา รวมระยะทาง 1.5 กม. เพื่อเป็นการออกกำลังกาย ผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนนำป้ายแสดงออกทางการเมืองออกมาชู เช่น อยู่ไม่เป็น เย็นไม่พอ รอไม่ไหว เศรษฐกิจแย่ เพราะลุงอยู่ ก่อนโบกไปมา และนำมาวางเรียงพร้อมกับร่วมถ่ายรูปเพื่อแสดงเป็นสัญลักษณ์ นายจิรพงศ์เปิดเผยว่า ในการจัดวิ่งครั้งนี้ ตนไม่ใช่ผู้จัด และคิดว่าไม่เข้าข่ายการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากเป็นเพียงการวิ่งออกกำลังกาย และไม่ได้เรียกร้องเกี่ยวกับการเมือง
ภาคใต้ปัตตานี-นครศรีธรรมราชก็วิ่ง
กลุ่มนักศึกษา ม.สงขลานครินทร์ จ.ปัตตานี เจ้าภาพการจัดวิ่งไล่ลุงที่สวนสมเด็จศรีนครินทร์ อ.เมืองปัตตานี มีผู้เข้าร่วม 300 คน วิ่งรอบสวนสมเด็จฯ ระยะทาง 5 กม. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยและคุมเข้มจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ร่วมสังเกตการณ์ตลอดการจัดกิจกรรมครั้งนี้ นายสุไลมาน เจ็ะแม 1 ในผู้ร่วมกิจกรรม เปิดเผยว่า คนที่มาวิ่งเป็นคนที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน แสดงความรู้สึกร่วมกัน ในภาวะที่เป็นประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิ์กระทำได้ ไม่ได้ก่อความวุ่นวายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่มาให้ความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เช่นเดียวกับที่ จ.นครศรีธรรมราช ประชาชนร่วม 100 คน มารวมตัว ร่วมกิจกรรมนี้
พิษณุโลก-พะเยา ออกวิ่งคึกคัก
ที่เวทีสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองพิษณุโลก ประชาชนมาร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง 200 คน มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมงานเข้าร่วมด้วย กิจกรรมครั้งนี้มีกลุ่มนิสิต ม.นเรศวร ร่วมกันจัดทำเพจ นัดแนะมวลชนมาร่วมกิจกรรม ด้านนายวรชิต กาญจนกำเนิด นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร แกนนำจัดการวิ่งไล่ลุง เปิดเผยว่า เป็นการดำเนินการโดยนิสิตคนรุ่นใหม่ จัดทำกิจกรรมวิ่งไล่ลุงพิษณุโลก เปิดเพจขึ้นมาเพื่อนัดแนะมวลชน และได้ใช้สวนชมน่านฯ เป็นสถานที่จัดวิ่ง ในลักษณะวิ่งเพื่อสุขภาพ ไม่ได้ขออนุญาตจากทางการแต่อย่างใด ใช้เส้นทางวิ่งภายในสวน 2 รอบ ตั้งแต่เวทีสวนชมน่านฯผ่านสะพานนเรศวร และสะพานเอกาทศรถ ระยะทาง 4.4 กม. ส่วนที่ จ.พะเยา ชาวบ้านออกมารวมตัววิ่งที่ริมกว๊านพะเยา
ชาวปทุมฯคึกถือป้าย “ไล่ลุงออกไป”
ส่วนบรรยากาศกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่บริเวณหน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีประชาชนเข้าร่วม 200 คน ถือป้ายเขียนข้อความ “ไล่ลุงออกไป” วิ่งผ่านตลาดรังสิต มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี และไปสิ้นสุดที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขารังสิต รวมระยะทางกว่า 3 กม. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอธัญบุรี เฝ้าดูแลสถานการณ์ความปลอดภัย
“สนธิรัตน์” ขออย่าล้ำเส้นดึงเกมลงถนน
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุงว่า ทุกฝ่ายดำเนินการได้ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่อยากเห็นการนำกิจกรรมไปสู่การทำการเมืองบนถนน เราต้องทบทวนบทเรียนที่อยู่ในวังวนการใช้การเมืองนอกระบบ สร้างให้ประเทศมาตลอด 10 กว่าปี วันนี้ประเทศก้าวมาสู่ประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายเรียกร้องแล้ว มีกลไกแก้ปัญหา มีสภาผู้แทนราษฎร มีการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นไม่อยากเห็นกิจกรรมใดๆนำไปสู่กลไกนอกสภา นำไปสู่การแตกแยกเกลียดชังระหว่างประชาชน ประเทศจะถอยหลังกลับไปสู่วังวนเดิม ประโยชน์นั้นจะกลับไปสู่คนบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้เกิดกับคนทั้งประเทศ จึงไม่อยากเห็นประเทศไทยพลาดพลั้ง ก้าวไปสู่วิกฤติคล้ายกับฮ่องกง ทำให้ประเทศฟื้นตัวได้ยากขึ้น อย่าเอาประชาชนลงไปปะทะกันข้างล่าง อะไรที่เกินกรอบกฎหมายต้องพึงระวัง
พท.ยก “วิ่งไล่ลุง” นวัตกรรมขับรัฐบาล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงว่า ขอชื่นชมกลุ่มผู้จัดงาน พลังคนหนุ่มสาวที่สามารถออกแบบนวัตกรรมขับไล่รัฐบาลให้ก้าวไปอีกขั้นที่ไม่ใช่การชุมนุมไม่ปักหลักค้างคืน ไม่นำมวลชนลงถนน แต่นำคนเข้าไปวิ่งในสวนสาธารณะ นำการวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพผสมผสานเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ สื่อถึงความอดทนของคนไทยที่มีขีดจำกัดต้องออกมาส่งเสียงไล่ลุง แม้จะมีการสกัดจากฝ่ายผู้ถืออำนาจรัฐ แต่คนไทยจำนวนมากเกือบ 40 จังหวัด สามารถจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงคู่ขนานไปกับอีกในหลายประเทศ กลายเป็นการขับไล่รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ วิ่งไล่ลุงจุดกระแสไล่รัฐบาลที่อยู่ในอำนาจ 5-6 ปีแต่ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่ทรุดกับทรุด จากนี้ไปจะมีคนไทยมาวิ่งไล่ลุงมากขึ้นลามไปทั่วทั้งประเทศ ถึงวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะหาเหตุใดมาอ้างอยู่ต่อ ประชาชนก็ไม่ฟังแล้ว พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านจะเดินหน้าเปิดแผลทุจริตด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งสังคมไม่มีทางยอมรับได้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่น่าจะผ่าน 6 เดือนแรกของปี 63 ไปได้
คาดโทษไม่ส่งงูเห่าลงสมัคร ส.ส.
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยโหวตสวนมติพรรคในการลงมติวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งเป็นหน้าเดิมที่เคยโหวตสวนมติพรรคมาก่อนหน้านี้ว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคครั้งที่แล้วยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา แต่เมื่อมีการทำผิดซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะทำให้กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงมีมาตรการออกมาเร็วๆนี้ แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นขับออกจากพรรคคงต้องคิดให้รอบคอบ เพราะมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่เรื่องเอกสิทธิ์การลงมติของ ส.ส. ดังนั้นคงไม่ถึงขั้นขับออกจากพรรค แต่น่าจะมีวิธีการอื่น เช่น การไม่ให้ร่วมกิจกรรมของพรรค และการไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งสมัยหน้า เชื่อว่าในเร็วๆนี้พรรคน่าจะมีบทลงโทษ ส.ส.เหล่านี้ออกมา
จ่อซักฟอกเพิ่ม 2-3 รมต.เศรษฐกิจ
นายสุทินกล่าวว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ในวันที่ 14 ม.ค. จะมีการประชุมวิปฝ่ายค้าน เพื่อหาข้อสรุปเรื่องจำนวนรัฐมนตรีที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้ยังไม่เป็นข้อยุติว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 รัฐมนตรีตามที่มีข่าวออกมาได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ จะต้องรอฟังข้อสรุปจากพรรคร่วมฝ่ายค้านในที่ประชุมวิปฝ่ายค้าน วันที่ 14 ม.ค.อีกครั้ง โดยมีรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจอีก 2-3 คน อยู่ในข่ายอาจถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มเติม ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ว่ามีหลักฐานเพียงพอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องรอฟังความเห็นจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกทีว่าจะยื่นอภิปรายด้วยหรือไม่ หลังจากได้ข้อสรุปในวันดังกล่าวแล้ว จะรีบเขียนญัตติยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วดำเนินการยื่นเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อสภาฯต่อไป
จ่อสรุปโทษ ส.ส.งูเห่า 13 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ในวันที่ 13 ม.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.ส.โหวตสวนมติพรรค ในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตามมาตรา 44 และกรณีมติต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระ 3 เพื่อสรุปผลการสอบสวนจะดำเนินการอย่างไรกับ ส.ส.งูเห่าของพรรคเพื่อไทยที่ลงมติสวนมติพรรคในการพิจารณากรณีดังกล่าว โดยในระเบียบของพรรคกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนมติพรรคว่า โทษสูงสุดคือการตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้งในครั้งหน้า การขับออกจากพรรค และหากพบว่ารับทรัพย์สินที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จะดำเนินคดีอาญากับบุคคลดังกล่าวด้วย
นำกรณีโหวตสวนงบฯมาตัดสินด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.ส.โหวตสวนมติพรรค ในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตามมาตรา 44 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ล่าช้าเพราะ ส.ส.บางรายไปต่างประเทศ บางรายให้ข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น จึงต้องเชิญผู้ถูกอ้างถึงมาร่วมให้ข้อมูลกับคณะกรรมการด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลสอบการลงมติครั้งก่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำมาเชื่อมโยงกับการลงมติในครั้งล่าสุด และดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับพรรคและจริยธรรมของพรรคต่อไป
ปชป.แจง 3 ส.ส.ไม่ร่วมโหวตงบฯ
วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ว่า การพิจารณาในวาระ 2-3 ตลอด 4 วัน 3 คืนที่ผ่านมา ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้ร่วมอภิปรายชี้แนะให้เห็นถึงรายละเอียดของการทำงบประมาณแผ่นดินจากเงินภาษีอากรของประชาชนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ บรรยากาศภาพรวมโดยทั่วไปในช่วง 3 คืน 4 วัน ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ส.ส.ทั้งจากพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างทำหน้าที่เสนอแนะท้วงติงอย่างมีเหตุมีผล จึงอยากฝากให้รัฐบาลนำคำอภิปรายของ ส.ส.ในสภาไปใช้ในการบริหารจัดการงบประมาณให้เป็นไปตามพันธกิจ วิสัยทัศน์ และวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบประมาณเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 3 ท่าน ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมและไม่ลงมติในวาระ 3 นั้น พบว่า นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ป่วยอยู่ในระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัดใหญ่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ส่วน น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็ป่วยจนไม่สามารถมาประชุมได้เช่นกัน การไม่ได้ลงมติในวาระ 3 ของทั้ง 3 ท่าน ไม่มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด
พปชร.พร้อมเลือกตั้งซ่อม-ท้องถิ่น
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นในอนาคตว่า พรรคกำลังเริ่มหารือกัน เพราะขณะนี้มีหลายจังหวัดได้เริ่มเสนอรูปแบบเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นมาบ้างแล้ว และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเร็วๆนี้ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนทิศทางจะเป็นอย่างไรขอหารือในที่ประชุมพรรคก่อน ขณะที่การสรรหาบุคคลลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้นอยู่ระหว่างการพูดคุย และคิดว่าการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ช้าหรือเร็ว มีผลดีทั้ง 2 ทาง โดยขึ้นอยู่ที่ยุทธศาสตร์ ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร จากกรณี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ถูกตัดสินในคดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น ยืนยันว่าพลังประชารัฐพร้อม โดยจะเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุด