บิ๊กตู่ยิ้มขอบคุณ งบผ่านสภาฉลุย 8 ส.ส.งูเห่าหนุน

“บิ๊กตู่” หน้าบานร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 วาระ 3 ผ่านฉลุย 253 ต่อ 0 เสียง ซีกฝ่ายค้าน 196 คนงดออกเสียง “พลภูมิ” เจ้าเก่าไม่ลงคะแนน 8 งูเห่าเปิดหน้าพรึ่บหนุนรัฐบาล “นิยม” น้องใหม่โหวตสวนฝ่ายค้าน นายกฯเสียงหวานจ๊ะจ๋ารับปากจะใช้งบฯให้โปร่งใส ผบ.ตร.ขอสภาฯ ส่งตัว “พิธา-ช่อ-ปิยบุตร” เอี่ยวคดีแฟลชม็อบ “วิ่งไล่ลุง” สุดคึกยอดคนร่วมเกินหมื่น แห่ชิงถ้วย “ลุงโฮหมายเลข 44”ทั่วประเทศ 34 จังหวัด 39 จุด วิ่งคู่ขนานสวนรถไฟ “ธนวัฒน์” ไม่ไว้ใจเตรียมแผนสำรองสู้กลเกมสกัด ปลุกเริ่มต้นไล่ลุงออกไปให้ได้ในปีนี้ เลขาฯ อนค.อัดซ้ำ กกต.จงใจชงยุบพรรค เฉ่งเกสตาโปเผาบ้านฆ่าหนู หวังดูด ส.ส.กำจัด “ธนาธร” ลั่นถูกยุบลุยต่อ นอกสภาฯ ขู่ระบบรัฐสภาไม่ตอบโจทย์คนลงถนนเพิ่ม “ภูมิธรรม” ปัด “บิ๊กป้อม” ล็อบบี้พ้นซักฟอก

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ด้วยคะแนนเสียงผ่านฉลุย 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 196 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยมี 8 ส.ส.งูเห่าที่แสดงท่าทีสนับสนุนรัฐบาล โหวตยกมือสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอย่างชัดเจน

พปชร.จวกฝ่ายค้านเกเรยื้อเวลา

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่รัฐสภา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 2563 ต้องขยายเวลาเป็น 4 วัน ว่า เดิมวิปทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือและมีข้อสรุปว่าจะใช้เวลาพิจารณา 2 วัน คือวันที่ 8-9 ม.ค.แต่เมื่อฝ่ายค้านอ้างว่า ส.ส. ได้เวลาอภิปรายต่อคนน้อยเกินไป และขอเวลาอภิปรายเพิ่ม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรอนุญาตเพิ่มเวลาให้ ฝ่ายรัฐบาลยอมตัด ส.ส.ที่ลงชื่อขออภิปรายไว้ออก เพื่อให้การพิจารณาเสร็จสิ้นตามกรอบเวลา ฝ่ายรัฐบาลยอมทุกอย่าง แต่ฝ่ายค้านพยายามลากยาว เหมือนยื้อไม่ยอมให้จบง่ายๆ งบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ขอร้องฝ่ายค้านอย่าเล่นเกมการเมืองมากจนเกินไป ขอให้นึกถึงประเทศและประชาชนที่รอเม็ดเงินไปอัดฉีด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วย เข้าใจได้ว่าหลายท่านเป็น ส.ส.ใหม่อยากอภิปรายเพื่อให้ประชาชนได้เห็นฝีไม้ลายมือ แต่ควรมีลิมิตบ้าง ไม่ใช่ปากบอกว่าพร้อมให้ความร่วมมือ แต่การกระทำกลับสวนทาง สุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ที่สุดคือประเทศและประชาชน

...

สภาฯตีรวนถกงบฯยาวเข้าวันที่สี่

ต่อมาเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้าน ล้านบาทในวาระ 2-3 ต่อเป็นวันที่สี่ ภายหลังจากที่ยังไม่สามารถพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้แล้วเสร็จ ตามที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้เสร็จภายในช่วงรุ่งสางของวันที่ 11 ม.ค. เนื่องจากช่วงกลางดึกฝ่ายค้านได้เพิ่มผู้อภิปรายเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับขอให้พักประชุมไว้ก่อน เพื่อให้มาอภิปรายต่ออีกครั้งช่วงสายวันที่ 11 ม.ค. แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม อยากให้ประชุมต่อไปจนจบ จนถกเถียงกันวุ่นวาย ในที่สุดนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องสั่งพักการประชุม เมื่อพิจารณาจบในมาตรา 39 งบประมาณแผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม และให้มาประชุมกันต่ออีกครั้งช่วงสายวันที่ 11 ม.ค.

ส.ส.ฝ่ายค้านขยันพูด ซีก รบ.แห่ถอนชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวนได้เริ่มต้นกล่าวก่อนเข้าระเบียบวาระว่า วันที่ 11 ม.ค. คือวันเด็ก ส.ส.หลายคนมาปรารภว่า ได้จองตั๋วเครื่องบินและรับปากไปร่วมงานแล้ว ขอพูดแทนทุกคน ถึงเจ้าของงานว่า ส.ส.ไม่สามารถไปร่วมงานวันเด็กได้เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจึงได้เริ่มต้นพิจารณามาตรา 40 งบฯแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ วงเงิน 957 ล้านบาท ตามด้วยมาตรา 41 งบฯ แผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย วงเงิน 863 ล้านบาท มาตรา 42 งบฯแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 58,796 ล้านบาท การอภิปรายเป็นไปอย่างราบเรียบเยิ่นเย้อเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ ส.ส.ฝ่ายค้านขึ้นอภิปราย ส่วน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลพากันถอนชื่อให้เหลือผู้อภิปรายมาตราละไม่กี่คน มาตรา 42 ส.ส.ฝ่ายค้านรุมอภิปรายยาวกว่า 1 ชม.

แนะให้ 1 หมื่นชาวบ้านขุดบ่อบาดาล

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งให้รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาทแก่ชาวบ้านไปขุดเจาะบ่อบาดาลเอง จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวบ้านสามารถทำได้ในราคาดังกล่าว แทนที่จะให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ขุดเจาะบ่อบาดาลให้ที่จะเสียค่าใช้จ่ายถึงบ่อละ 60,000 บาท และใช้เวลานาน ที่ผ่านมารัฐบาลแจกเงินโครงการชิมช้อปใช้ได้ ควรให้เงินประชาชนไปขุดเจาะบ่อบาดาลได้เช่นกัน หลังจากที่สมาชิกอภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 42 ด้วยคะแนน 242 ต่อ 2 งดออกเสียง 184 เมื่อผ่านไป 2.30 ชั่วโมง เพิ่งอภิปรายไปได้แค่ 3 มาตรา

ตกบ่ายค่อยไหลลื่นไม่มีฉากก่อกวน

จากนั้นบรรยากาศการอภิปรายในช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.30 น. มาตรา 44 งบประมาณรายจ่ายแผนงานบูรณาการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการเรียนรู้ เป็นต้นไป การอภิปรายเริ่มไหลลื่นมากขึ้น เพราะมีจำนวน กมธ.และ ส.ส.อภิปรายน้อยลง แต่ละคนใช้เวลาอภิปราย 7-8 นาที ไม่เกินกรอบเวลาที่ตกลงกันไว้ ขณะที่บางมาตราไม่มีสมาชิกคนใดสนใจอภิปราย ทำให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุวุ่นวาย สามารถลงมติได้อย่างรวดเร็วในหลายมาตราโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง

นายกฯดิ่งร่วมอภิปรายงบฯช่วงท้าย

กระทั่งเวลา 16.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมาเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในช่วงมาตรา 51 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ตั้งแถวรอต้อนรับที่ด้านล่าง เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวสวัสดี นายกฯได้ยกมือสวัสดี ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด

ฝ่ายค้านรับผิดชอบงดออกเสียงให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามานั่งในห้องประชุมเพื่อฟังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากที่เงียบเหงามานาน สมาชิกหลายคนต่างกลับมาอภิปรายในมาตรา 52 รายจ่ายแผนงานบุคลากรภาครัฐ วงเงิน 777,559,875,400 บาท อาทิ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.เสียงข้างน้อย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ รวมถึงนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่เคยเตะถ่วง อยากใช้เวลาให้คุ้มค่า จริงๆไม่อยากให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านตั้งแต่วาระแรก ขอให้รัฐบาลไปปรับเกลี่ยงบฯความมั่นคงให้ด้านเศรษฐกิจ แต่ไม่เห็นทำ ขณะนี้เราตกอยู่ในสภาพที่เศรษฐกิจหายใจด้วยเส้นเลือดเดียวคือ งบประมาณแผ่นดินเท่านั้น เพราะการท่องเที่ยว ส่งออกต่างติดลบ ไม่ได้เงินจากต่างประเทศ ถ้าเงินงบฯแผ่นดินไม่ออกเราเจ๊งกันทั้งประเทศ ดังนั้น งบฯก้อนนี้ต้องผ่าน ฝ่ายค้านจึงจะงดออกเสียงให้ในฐานะเป็นผู้หนึ่งต้องรับผิดชอบต่อประเทศ ส่วนงบฯจะผ่านหรือไม่อยู่ที่รัฐบาลต้องไปบริหารเสียงกันเอง ฝากว่าอะไรที่โยกได้ ปรับได้ อยากให้ปรับแก้ในชั้นบริหารงบประมาณ ส่วนร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2564 ที่กำลังจะมา อยากให้นำข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในงบฯปี 2563 ไปปรับปรุงต่อไป

นายกฯขอบคุณโหวตงบฯ 63 ผ่านฉลุย

กระทั่งเวลา 17.30 น. หลังจากสมาชิกได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 จนครบถ้วน 55 มาตรา ที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบด้วยคะแนน 253 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวขอบคุณ กมธ.และสมาชิกที่ได้ร่วมกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ว่า ขอขอบคุณประธานสภาฯและสมาชิกที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนแนวทางแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มุ่งเน้นการบูรณาการทั้งเชิงยุทธศาสตร์และพื้นที่ เพื่อผลผลิตการเจริญเติบโตประเทศ เพื่อความยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เสริมสร้างศักยภาพของสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในการใช้งบฯให้บรรลุเป้าหมายและประสิทธิผล ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน กระจายผลประโยชน์สู่ประชาชนโดยตรงอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ตามคำแนะนำรวมถึงข้อเสนอและข้อห่วงใยที่สมาชิกได้เสนอแนะตลอดการประชุม

ให้คำมั่นใช้จ่ายโปร่งใสเพื่อ ปชช.

“รัฐบาลขอรับไว้ด้วยความขอบคุณและจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จากการใช้เงินงบประมาณมากที่สุด นอกจากนั้นขอขอบคุณ กมธ.วิสามัญทุกคนที่ได้ให้ความสำคัญเสียสละ และร่วมมือกันในการพิจารณาอย่างเต็มที่จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมทั้งข้อสังเกตของคณะ กมธ.วิสามัญในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าของแผนงานมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ผมให้ความมั่นใจว่านโยบาย มาตรการ และงบประมาณที่อนุมัติที่นำไปใช้จ่ายครั้งนี้ จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวมีความโปร่งใสและบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล เพื่อให้ประเทศมั่นคงประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืนตามความมุ่งหวังของรัฐบาล และท่านสมาชิกสภาแห่งนี้ต่อไป” นายกฯกล่าว

“บิ๊กตู่” โล่งอกจ๊ะจ๋าขอบคุณทุกคนรักชาติ

ต่อมาเมื่อเวลา 17.44 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการเข้ารับฟังการอภิปรายงบฯว่า “ก็สบายใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคือปัญหางบประมาณออกไม่ได้ มันก็ทำงานลำบาก จะได้ดูแลประชาชนได้เต็มที่ ต่อไปนี้รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่นะจ๊ะ ขอบคุณ” เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายค้านให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทุกคนร่วมมือกันหมดนะจ๊ะ ก็ทุกคนรักชาติกันอยู่แล้ว” ทั้งนี้ นายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตลอดการให้สัมภาษณ์

8 ส.ส.งูเห่าโผล่โหวตหนุนรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลโหวตลงมติวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ที่มีมติเห็นด้วย 253 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ปรากฏว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้านที่ไปร่วมลงคะแนนเห็นด้วยให้กับฝ่ายรัฐบาลจำนวน 7 คน เป็นของพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คนได้แก่ นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 1 คนได้แก่ นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี ขณะที่นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลงมติไม่ลงคะแนนเสียง

“นิยม” หน้าใหม่ยกมือสวนฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.เหล่านี้เป็นบุคคลหน้าเดิมที่เคยสวนมติฝ่ายค้าน ด้วยการลงมติร่วมเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบคำสั่งจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ยกเว้นนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ เพียงคนเดียวที่เป็นงูเห่าหน้าใหม่ เพิ่งมาลงมติสวนมติฝ่ายค้านในครั้งนี้ ในขณะที่อดีต ส.ส.อนาคตใหม่ 4 คนที่ถูกขับออกจากพรรค ได้แก่ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ที่ย้ายไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อย ต่างลงมติไปในทางเดียวกันคือ เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว

เผย 49 ส.ส.ไม่ร่วมลงมติวาระ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ มีผู้ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมและไม่ลงมติในวาระ 3 รวม 49 คน มาจากพรรคพลังประชารัฐ 5 คน อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน ได้แก่ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคภูมิใจไทย 3 คน อาทิ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 17 คน อาทิ นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย 18 คน อาทิ นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และพรรคเสรีรวมไทย 3 คน ได้แก่ นายประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเพชร เอกกำลังกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ผบ.ตร.ขอสภาฯส่งตัว “พิธา–ช่อ–ปิยบุตร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาฯ วันที่ 15 ม.ค.และ 16 ม.ค. มีเรื่องด่วน 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 2. ร่าง พ.ร.บ.ยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ 3.ขออนุญาตสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเรียกตัว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นางสาวพรรณิการ์ วานิช และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ไปทำการสอบสวนในคดีอาญา ในระหว่างสมัยประชุม ตามมาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เรื่องด่วนที่ 3 มีรายละเอียดปรากฏในเอกสารด่วนที่สุดที่ ตช. 001.24/4 เรื่องการขออนุญาตเรียกตัว ส.ส. ถึงประธานสภาฯ ซึ่งลงนามโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในหนังสือดังกล่าวระบุสาระสำคัญว่าด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กรณีการสืบสวนสอบสวนการชุมนุมในที่สาธารณะ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณสกายวอล์ก หน้าศูนย์การค้ามาบุญครอง ซึ่งเป็นการจัดการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ยันมีหลักฐานเชื่อเอี่ยวเเฟลชม็อบ

“โดยปรากฏจากการสืบสวนสอบสวนปรากฏ พยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่านายพิธา นางสาวพรรณิการ์ และนายปิยบุตร ซึ่งเป็น ส.ส. มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกระทำการดังกล่าวด้วย จึงมีความจำเป็นต้องเรียกตัวในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เพื่อทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างสมัยประชุมรัฐสภา สตช.จึงขออนุญาตออกหมายเรียก ส.ส.ทั้งสามรายไปทำการสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เพื่อดำเนินการสอบสวนตามบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ต่อไป จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา” เอกสารด่วน ตช.ระบุ

“วิ่งไล่ลุง” สุดคึกยอดเกินหมื่นคน

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนินกลาง บรรยากาศการรับ bib หรือเบอร์วิ่ง ตลอดจนเสื้อวิ่งและของที่ระลึก ในกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันสุดท้ายว่าเป็นไปด้วยความคึกคัก ผู้ที่เดินทางมารับ bib เรียบร้อยแล้วจะมาถ่ายภาพหน้าป้ายแบ็กดรอป วิ่งไล่ลุงที่อยู่หน้างานกันอย่างสนุกสนาน ทีมงานผู้จัดแจ้งในเวลาประมาณ 17.20 น. ได้แจกเบอร์วิ่งหรือ bib ไปแล้วกว่า 1 หมื่นหมายเลข ขณะที่เสื้อวิ่งไล่ลุงจำหน่ายไปแล้วกว่า 7 พันตัว กำหนดการรวมตัวนักวิ่งไล่ลุงวันที่ 12 ม.ค.จะเปิดให้เข้าสวนรถไฟประมาณ 05.00 น. เวลา 06.30 น. มีการวอร์มอัป เวลา 07.00 น. ปล่อยตัวนักวิ่ง bib สีชมพู เวลา 08.00 น. ปล่อยตัวนักวิ่ง bib สีฟ้า เวลา 08.15 น. จะมีการมอบรางวัลการแข่งขันให้ผู้ชนะการวิ่งมอบถ้วยชื่อ “ลุงโฮหมายเลข 44” ออกแบบโดยเพจไข่แมว ซึ่งเป็นเพจล้อเลียนการเมืองและสังคม รวม 6 รางวัล คือ ถ้วยชนะเลิศและรองอันดับ 1-2 ทั้งหญิงและชาย

34 จว. 39 จุดจัดคู่ขนานทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมการวิ่งไล่ลุงที่จัดขึ้นทั่วประเทศ เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน www.tlhr2014.com เผยแพร่ข้อมูลว่ามีการประกาศจัดงานใน 34 จังหวัด 39 จุด (บางจังหวัดมีหลายจุด) แบ่งเป็น ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ เชียงใหม่ ตาก และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น มหาสารคามกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุดรธานีบุรีรัมย์ นครพนม ยโสธร สกลนคร และบึงกาฬ ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ พัทลุง และสุราษฎร์ธานี ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม นครนายก ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครสวรรค์ และชลบุรี ฯลฯ ขณะเดียวกันกลุ่มศิลปินเพลงแร็ปชื่อดัง RAP AGAINST DICTATORSHIP’ หรือ RAD เจ้าของเพลงแร็ปเสียดสีสังคมชื่อดัง “ประเทศกูมี” ได้ออกผลงานเพลงเสนอผ่านเว็บไซต์ยูทูบ ใช้ชื่อ “ก่อนความมืดมน” มีเนื้อหาสนับสนุนกิจกรรมวิ่งไล่ลุงโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ล่าสุดมียอดวิวเกือบ 7 หมื่นวิว ภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง

“ธนวัฒน์” ไม่ไว้ใจเตรียมแผนสำรอง

เมื่อเวลา 17.40 น. นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬา แกนนำผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง นัดหมายสื่อมวลชนเปิดแถลงข่าวถึงความพร้อมการจัดวิ่งไล่ลุง เมื่อถึงเวลาเจ้าตัวมาถึงแล้ว แต่ต้องประกาศยกเลิกแถลงข่าวแล้วซ้อนรถจักรยานยนต์กลับไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สวนรถไฟด่วน เนื่องจากติดขัดปัญหาการจัดการบางอย่าง นายธนวัฒน์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ภาพรวมการวิ่งไล่ลุงเป็นไปในทิศทางที่ดีมีคนมารับ bib และเสื้อมากตามเป้าราวร้อยละ 70 ส่วนทีมงานพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว จากการประสานงานวันงานจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัยทุกจุด และเปิดให้เข้าสวนรถไฟทางประตู 1-3-4 เท่านั้น ทุกประตูมีจุดตรวจ ผู้มาร่วมวางใจเรื่องความปลอดภัย สิ่งที่ยังกังวลอยู่เป็นเรื่องการถูกแทรกแซงในงาน ทั้งการจะไม่ให้เราเข้าไปจัดหรือกลเกมต่างๆ แต่ได้วางแผนรับมือไว้แล้วเช่นกัน

ปลุกเริ่มต้นไล่ลุงไปให้ได้ในปีนี้

“ฝากไปถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่จะจัดขึ้นใน 34 จังหวัดว่ายินดีที่ทุกคนมาร่วมกันและขอเป็นกำลังใจให้ ถ้าพรุ่งนี้เราโดนสกัดก็คงต้องสู้ไปพร้อมกัน อยากให้เป็นวันเริ่มต้นการไล่ลุงออกไปให้ได้ในปีนี้ นอกจากนี้ยังฝากถึงลุงตู่ลุงป้อมว่า หวังว่าจะฟังเสียงประชาชนไม่สกัดกั้นการจัดงาน เมื่อฟังเสียงประชาชนแล้วก็ควรจะออกไป แต่ถ้ายังยึดติดตำแหน่งอยู่ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาว่าประชาชนอาจเคลื่อนไหวหนักขึ้นหรือออกมาแสดงความไม่พอใจอีกก็ต้องยอมรับให้ได้ด้วย” นายธนวัฒน์กล่าว

อัดซ้ำ กกต.จงใจลัดขั้นตอนยุบพรรค

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กลุ่มคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ จัดงานเสวนาในหัวข้อ “สังคมไทยหลังยุบพรรคอนาคตใหม่” โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ติดประชุมสภาฯ ได้วิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยตอนหนึ่งว่า มั่นใจว่าถ้าพิจารณาตามข้อกฎหมายจริงๆ ทั้งสองคดีที่อยู่ในศาลตอนนี้ ไม่มีทางนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่การวิเคราะห์ฟันธงของทุกคนที่ว่ายุบแน่นอน ไม่ได้มาจากการประเมินทางกฎหมาย แต่เป็นเรื่องการประเมินในทางการเมืองล้วนๆ เสียดายว่าในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาเรายังคงต้องใช้การประเมินในมิติทางการเมือง มามองเรื่องที่ควรเป็นประเด็นทางกฎหมายอยู่ 2 คดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือคดีอิลลูมินาติที่จะพิจารณาคดีในวันที่ 21 ม.ค. เป็นการยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีนี้ไม่สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ จะได้เพียงสั่งให้บุคคลหยุดการกระทำเท่านั้น แต่สุดท้าย กกต.เลือกที่จะทำผิดขั้นตอนดังกล่าว และอีกคดีหนึ่งคือคดีเงินกู้ มีเอกสารหลุดออกมาชี้ให้เห็นแล้วว่ามีความจงใจทำผิดขั้นตอน เพื่อนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ให้ได้

“ปิยบุตร” ซัดดึงสถาบันพันการเมือง

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องการจะบอกคือต่อให้สุดท้ายแล้ว ถ้าเขาใช้ช่องทางนี้สำเร็จจัดการตนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่จะไม่มีทางทำให้ตนและนายธนาธรหายไปจากการเมืองไทย ไม่ให้ตนและนายธนาธรพูดในสภาฯ ตนจะเดินสายพูดทั่วประเทศ รณรงค์เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องต่อไป และไม่ทำให้พรรคอนาคตใหม่และ ส.ส.อนาคตใหม่หายไป เพราะ ส.ส.ทั้งหมดจะไปอยู่ที่บ้านใหม่แทน แต่ผลกระทบคือคุณกำลังนำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดผู้เห็นต่าง ทำให้เกิดการแบ่งแยกเช่นที่เกิดขึ้นมาในอดีต

ฉะเกสตาโปเผาบ้านฆ่าหนูขจัดศัตรู

“ต่อมาเราจะเกิดกระบวนการตรวจสอบ สอดส่องความคิดของคน จะมีการตัดสิทธิทางการเมืองกลุ่มคนที่ก้าวหน้า ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ต่างอะไรกับการมีเกสตาโปในสมัยนาซีเยอรมันเป็นการกีดกันคนจำนวนหนึ่งออกไปจากระบบการเมืองไทย และที่สำคัญคุณกำลังทำลายความหวังของคนรุ่นใหม่ เกิดความคิดที่ว่าระบบการเมืองในสภาฯไม่ตอบโจทย์ จะฆ่าหนูตัวเดียวเผาบ้านทั้งบ้าน เผาป่าทั้งป่าเหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายกำจัดไม่สำเร็จ จะเอาระบบรัฐธรรมนูญไทยทั้งระบบไปแลก เพื่อให้คนกลุ่มหนึ่งได้ครองอำนาจต่อไปเท่านั้นหรือ” นายปิยบุตรกล่าว

แฉหวังดูด ส.ส.—กำจัด “ธนาธร” พ้นทาง

นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า ตนได้วิเคราะห์แรงจูงใจทางการเมือง สำหรับการยุบพรรคอนาคตใหม่ไว้สามข้อ ประการแรกคือ หวังดึง ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ไปเติมให้ฝ่ายรัฐบาลพ้นสภาวะเสียงปริ่มน้ำ ทุกวันนี้ ส.ส.เราเดินไปมาในสภาฯถูกคนจากพรรคอื่นมาชวน ส.ส.เราไปอยู่ด้วยอย่างเปิดเผย ประการที่สอง เขาต้องการกำจัดตนและนายธนาธรออกไปจากการเมืองไทย และสุดท้ายเขาต้องการกำจัดความคิดแบบอนาคตใหม่ที่เริ่มฟูมฟักตอนนี้ให้หายไป ไม่มีใครกล้าตามหรือกล้าทำแบบนี้อีก เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้วัตถุ-ประสงค์ทั้งหมดของเขาล้มเหลว ถ้า ส.ส.ทุกคนย้ายไปบ้านใหม่ทั้งหมด สมาชิก 60,000 คนพากันไปต่อคิวสมัครสมาชิกใหม่ที่บ้านใหม่ทั้งหมด

ลุยต่อนอกสภาฯไม่เวิร์กคนจะลงถนน

“ถ้าผมและนายธนาธรไม่หยุดเคลื่อนไหวจะเดินสายไปพบกับประชาชนทั่วประเทศ รณรงค์อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายถ้าทุกคนยังยึดมั่นในความคิดแบบอนาคตใหม่ พวกเขาจะล้มเหลวในทุกวัตถุประสงค์ของการยุบพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด และนี่คือสิ่งที่ตน นายธนาธร พรรคอนาคตใหม่ และชาวอนาคตใหม่จะทำ แต่ถ้าที่สุดจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงโดยใช้ระบบรัฐสภา ถ้าสภาฯหรือสถาบันการเมืองไม่ตอบโจทย์ต่อประชาชน การเมืองท้องถนนจะเพิ่มขึ้น ถ้าการเมืองในรัฐสภาตอบโจทย์ประชาชนได้ การเมืองบนท้องถนนจะลดน้อยลง นี่เป็นเรื่องปกติทั่วโลก” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าว

“ภูมิธรรม” ปัด “บิ๊กป้อม” ล็อบบี้หลุดโผ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านไม่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ทั้งที่ถูกสังคมจับตามองว่าการทำงานมีปัญหาว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย รายชื่อที่ออกมาก่อนหน้านี้จากพรรคเพื่อไทย 5 คน เป็นเพียงการเตรียมการของแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้แต่ละพรรคอยู่ระหว่างการ เตรียมการเพิ่มเติม อีกทั้งสัปดาห์นี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จึงยังไม่ได้หารือกันถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สัปดาห์หน้าหลังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเสร็จสิ้นแล้ว คงมีการหารือกันและดูว่าจะมีรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเพิ่มเติมหรือไม่ โดยจะยึดตามหลักฐานที่แต่ละพรรคเตรียมการมา เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวมีการประสานงานจาก พล.อ.ประวิตร ไม่ให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายภูมิธรรม กล่าวว่าตนไม่เคยได้ยินในเรื่องนี้

“บิ๊กตู่” ชี้ขัดแย้งต้องพูดคุยหาทางออก

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเปิดงานวันเด็กตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกเรื่องให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาส เราต้องเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ถ้าขัดแย้งไปไม่ได้สักอย่าง ความรักสามัคคีเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โลกปลอดภัย เราก็จะเข้มแข็งประเทศก็จะเข้มแข็ง ความมั่นคงยั่งยืนจะตามมา ความขัดแย้งต้องแก้ไขต้องพูดคุยหาทางออก ไม่ใช่ไปหาทางออกด้วยวิธีอื่นที่มันไม่เหมาะสม

แก้ไม่จบต่อให้ใครเป็น รบ.ก็ไปไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศิลปวัฒนธรรมมายาวนาน คนไทยเป็นคนโรแมนติก ค่อนข้างมีอารมณ์ค่อนข้างเร็ว ทั้งอารมณ์รัก ชอบ เกลียด การเล่นกีฬา เล่นดนตรีจะทำให้ทุกคนมีสมาธิมากยิ่งขึ้น ทำให้สังคมสงบสุขมากยิ่งขึ้น จะไม่มีความขัดแย้งไม่มีความรุนแรงในสังคม นี่คือสิ่งที่ทำให้สังคมเดินหน้า ถ้าเราขัดแย้งประเทศชาติอย่างไรก็ไปไม่ได้ ไม่ว่าเราจะเตรียมการอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตนจะเป็น ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลเหมือนกันหมด ต่างคนต่างมีปัญหากันทั้งหมด ขอย้ำว่าระเบียบวินัยสำคัญที่สุด ระเบียบวินัยในตัวเอง ระเบียบวินัยภายในบ้าน ในโรงเรียน และในสังคม จะนำไปสู่เรื่องกฎหมาย มีทั้งรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก หลายอย่างเกี่ยวข้องกับประชาชน ทุกคนต้องเรียนรู้ กฎหมายมีให้คนกลุ่มหนึ่งไม่ไปกระทบกับคนอีกกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงกฎหมาย พลังแห่งความรัก ความสามัคคีเป็นที่หนึ่งที่จะนำพาประเทศชาติวันนี้ให้พ้นจากปัญหาความขัดแย้งต่างๆของโลกใบนี้ เราทำได้ด้วยความตั้งใจของเรา ไม่มีใครช่วยท่านได้ถ้าไม่เริ่มด้วยตัวเอง

ผบ.ทบ.ห่วงขยายผลวิ่งไล่ลุงวุ่นวาย

ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) สนามเป้า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ที่จะมีกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 ม.ค. ที่สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายว่า ไม่มองว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงว่าจะสร้างความวุ่นวาย เพียงแต่มีข้อห่วงใย หลายคนที่ไปร่วมกิจกรรมมีเจตนาที่บริสุทธิ์และต้องการแสดงออก แต่ห่วงว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงจะถูกขยายผลไปสู่ความวุ่นวาย แต่เราไม่ได้มองภาพรวมของกิจกรรมว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือไม่ถูกต้อง เราห่วงใยในฐานะที่เป็นหน่วยความมั่นคงที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าคนไทยมีดุลพินิจและเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมือง คงช่วยกันดูแล อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือไปยังประชาชน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยแล้ว ก็อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ตลอดไป ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย

ทีมงานถกเครียดลุ้นได้จัดหรือล้ม

ต่อมาเวลา 18.30 น.ที่สวนรถไฟ นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย แกนนำผู้จัดวิ่งไล่ลุง ที่ถูกทีมงานเรียกตัวกลับเข้าพื้นที่ จนต้องยกเลิกการแถลงข่าวที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มาหารือกับทีมงานวิ่งไล่ลุงที่รออยู่อย่างเคร่งเครียด โดยยังคงปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะจัดงานได้ต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตามทีมงานยืนยันว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงยังคงเดินหน้าต่อไปได้แน่ ส่วนการเตรียมพร้อมสถานที่ กลุ่มผู้จัดวิ่งไล่ลุงได้ติดตั้งเวทีพร้อมเครื่องเสียง อยู่บริเวณลานฝั่งซ้ายของถนนเส้นกลางในสวนรถไฟ ตั้งเต็นท์ ป้ายเส้นทางวิ่งและป้ายบอกจุดต่างๆ ฯลฯ ไม่ต่างกับการจัดงานวิ่งมินิมาราธอนทั่วไป โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนอกเครื่องแบบทั้งทหาร ตำรวจกระจายกำลังซุ่มโดยรอบ เพื่อสังเกตการณ์คนเข้าออกพื้นที่อย่างใกล้ชิด

“เดินเชียร์ลุง” ฟุ้งดาราเซเลบแห่ร่วม

อีกด้าน กิจกรรมเดินเชียร์ลุงที่จะมีขึ้นเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ม.ค. ที่สวนลุมพินี แอดมินเจน ในฐานะแอดมินเพจเชียร์ลุงผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้รับอนุญาตจัดงานจาก กทม. ถูกต้อง ภาพรวมกิจกรรมพร้อมมากที่สุด แต่กังวลสภาพอากาศจะเป็นอุปสรรค คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเดินเชียร์ลุงราวร้อยละ 70 ของผู้ลงทะเบียน หรือไม่ต่ำกว่า 6 พันคน กิจกรรมหลักเน้นให้ทุกคนมามีความสุข ร่วมกัน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ 05.00 น. รับของที่ระลึกเสื้อ หมวกและเข็มกลัดเดินเชียร์ลุง จากนั้นเริ่มรวมตัวร้องเพลงชาติและสวดมนต์ เวลาประมาณ 08.00 น. ต่อด้วยการร้องเพลงของกลุ่มเชียร์ลุง 2 เพลง ส่วนกิจกรรมหลักที่เปิดเผยได้คือการตีผลไม้พิษ คล้ายการปิดตาตีหม้อ การร้องรำทำเพลงไฮไลต์ต้องเรียกเสียงกรี๊ดให้ผู้มาร่วมแน่นอน เพราะจะมีใครบางคนที่เป็นขวัญใจของกลุ่มเชียร์ลุงจะเดินทางมาให้เราถ่ายรูปด้วย นอกจากนี้ยังมีนักแสดงและบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนมากเดินทางมาร่วมมากมายด้วย