ช่อ "พรรณิการ์" ยัน "ธนาธร" ไปตามหมายเรียก สน.ปทุมวัน 10 ม.ค. คดีแฟลชม็อบแน่นอน ห่วงคุกคามข่มขู่คนจัด "วิ่งไล่ลุง" ในหลายจังหวัด จี้ ตร.ชี้ให้ชัดประชาชนทำผิดกฎหมายข้อไหน 

วันที่ 6 ม.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวแสดงความกังวลถึงกรณีการคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา จากกรณีการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ ให้เข้ารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และกรณีการคุกคามประชาชนที่จะทำการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในจังหวัดต่างๆ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีการแจ้งข้อหาบุคคลต่างๆ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งนายไพรัฐโชติก์ จันทรขจร สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ถูกแจ้งข้อหาด้วยนั้น ขอยืนยันว่า ทั้งสองคนจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ในวันที่ 10 มกราคม ที่จะถึงนี้แน่นอน โดยการรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ เป็นการไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น แต่เรายังคงยืนยันว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่า เสรีภาพการแสดงออกของประชาชนกำลังถูกคุกคาม จากกรณีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มกราคมนี้ ที่ผ่านมา ผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในกทม. ถูกคุกคาม ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม ซึ่งเป็นกิจกรรมในรูปแบบที่สงบสันติ เป็นการแสดงออกที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ต่อมา ได้มีการร้องเรียนการถูกคุกคามเข้ามาที่คณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีการเรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถาม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยืนยันว่า กิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ที่จะจัดขึ้น เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย

...

"หากแต่ปรากฏว่าที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในหลายจังหวัด กลับมีการคุกคามผู้จัดกิจกรรม ถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดพะเยา ที่มีการเรียกผู้จัดกิจกรรมไปพบ และไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรม โดยบอกว่าผู้จัดไม่ได้ขออนุญาตสถานที่หลายสถานที่ รวมทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ได้ติดเครื่องหมายชั้นยศแสดงตนสังกัดที่ชัดเจน เรียกผู้จัดกิจกรรมพบถึงสองครั้ง พร้อมมีคำพูดข่มขู่จากเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ระบุว่า คงพอรู้นะว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎร ขอยืนยันว่า พื้นที่สาธารณะทุกแห่งในประเทศไทยเป็นพื้นที่ของประชาชนคนไทยทุกคน ที่เป็นเจ้าของประเทศ และตราบใดที่กิจกรรมที่ทำไม่ได้ขัดต่อกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมไม่มีสิทธิไปคุกคาม และยังต้องอำนวยให้กิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างสะดวกเรียบร้อยและปลอดภัย

“ดังนั้น ตนต้องขอถามกลับไปยังเจ้าหน้าที่ ว่าเหตุใดในเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเรียกมาชี้แจง บอกว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นกิจกรรมที่จัดได้ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปเรียกผู้จัดกิจกรรมในจังหวัดอื่นๆ เข้าพบ ใช้อำนาจใดตามกฎหมายในการเรียกตัว ทำไปเพื่ออะไร ท่านเห็นว่าประชาชนที่จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงทำผิดกฎหมายข้อใด ขอให้ตอบมาให้ชัด เพราะถ้าตอบไม่ได้ย่อมหมายความว่าเจ้าหน้าที่กำลังใช้อำนาจรัฐคุกคามประชาชน และกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว