“อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ” แนะรัฐบาลตั้งธงเพียงหนึ่งเดียว มุ่งแก้ปากท้องประชาชน ชี้ ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยเศรษฐกิจ

วันที่ 5 ม.ค. 2563 นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันทางการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงปีใหม่มีคนถามว่าประเทศไทยไปทางไหนดี ทั้งภาคธุรกิจรวมถึงชาวบ้านที่ได้พบระหว่างลงพื้นที่ เพราะเริ่มต้นปี 2563 มีทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจปากท้อง พ.ร.บ.งบประมาณ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ มะรุมมะตุ้มอยู่ในสภาผู้เเทนราษฎร การเมือง กับการเงินในกระเป๋าของชาวบ้านต้องเเก้จุดไหนก่อน ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ไม่เป็นประชาธิปไตย มีข้อข้องใจหลายจุด แต่หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่สุดของการเป็นผู้นำคือการจัดลำดับความสำคัญ มีข่าวโรงงานปิดตัวพร้อมกับปลดคนงานรายวันคือของจริง เล่นจริงเจ็บจริงโดยผู้ใช้เเรงงานและผู้ประกอบการแบบไม่มีตัวเเสดงแทน ขณะที่ ชิมช้อปใช้ ก็ช่วยไม่ได้ ตกงานไม่มีเงินเดือน แจก 1,000 บาทอยู่ได้กี่วัน เหมือนเอายาแดงทาแผลรถคว่ำ

นายอิสระ เผยอีกว่า ปัญหานี้แก้ยากและซับซ้อนเพราะเกิดจากปัจจัยภายนอก สองเรื่องหลักที่สัมพันธ์กัน คือสงครามการค้าของมหาอำนาจ และค่าเงินบาทที่แข็งตัวเกินไป เราเป็นประเทศที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก เดิมทีตลาดยุโรปซื้อของชิ้นหนึ่งจากไทยราคา 10 บาท จีนขาย 8 บาท ยุโรปก็ไม่ซื้อเพราะราคาไม่ต่างมาก แต่คุณภาพไทยดีกว่า เมื่อจีนขายของไปอเมริกาไม่ได้ เขาก็ต้องหาทางระบายสินค้า จากเดิมที่ขาย 8 บาท ก็ลดราคามาเหลือ 5 บาท ยุโรปก็เปลี่ยนไปซื้อจีนเพราะถูกกว่าเป็นเท่าตัว ของพังแล้วเปลี่ยนใหม่ยังคุ้ม เมื่อปีที่แล้วเคยวิเคราะห์ตัวเลขการขายสินค้าอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่เราขายยุโรปลดลง มีมูลค่าเท่ากับที่จีนขายยุโรปเพิ่มขึ้นพอดี ประกอบกับค่าเงินของเราแข็ง คนต่างประเทศเขาก็ไม่อยากซื้อ ไม่อยากสั่งเราผลิต เพราะเขาต้องเอาเงินเขาเยอะขึ้นมาจ่ายให้เรา และที่สำคัญที่สุด เราไม่สามารถสร้างอุปสงค์หรือความต้องการซื้อในประเทศได้มากพอที่จะชดเชยความต้องการซื้อจากต่างประเทศที่ลดลงได้ เพราะขนาดของประเทศเราเล็กเกินไป นี่แค่มิติอุตสาหกรรม แต่ยังมีมิติเกษตรกรรม มิติท่องเที่ยวและบริการ ฯลฯ ทำให้การปรับ ครม. และการแก้รัฐธรรมนูญที่ว่าร้อนดูเบาไปเลย หากยังไม่มีการเริ่มต้นที่ถูกจุดและปล่อยให้ปัญหาค้างคาแบบนี้

...

“ผมมีข้อเสนอแนะวิธีแก้ อยากมีโอกาสได้ไปพูดให้นายกรัฐมนตรีฟัง ไม่กล้ารับประกันว่าแก้ปัญหาได้แน่นอน แต่ผมเป็นวิศวกรคิดแบบวิศวกรมีเหตุมีผลบนพื้นฐานว่าวิธีของผมมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากที่สุด ที่แน่ๆ ถ้าเดินไปแบบเดิมอย่างนี้ อย่างไรเสียในปี 2563 เราก็ไม่ไปไหน วันนี้เราเหมือนเอาคน 35 คนมามัดไว้ด้วยกันเป็นคณะรัฐมนตรี แต่เราเอาธงทั้งหมด 19 ธง คือนโยบายพรรคร่วมทั้ง 19 พรรค ซึ่งไปคนละทิศละทาง แล้วบอกว่าเป็นจุดหมายให้ก้อนคน 35 คนนี้ ซึ่งอุ้ยอ้ายและพร้อมจะเหยียบเท้ากันตลอด เดินไปเส้นชัย 19 จุดคนละทิศกัน แล้วจะแบบไหนจะถึง และจะไปได้ถึงไหน สุดท้ายก็ก้าวๆ ถอยๆ แบบนี้ ไม่ใช่งานเลี้ยงหูฉลามพรรคร่วมเป็นคำตอบ แต่จะต้องทำให้ธง 19 ธง เหลือแค่ 1 ธง คือ ธงปากท้องประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยเศรษฐกิจ แล้วต่อยอดไปถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เรามีตัวอย่างประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมากที่พอเศรษฐกิจไปฉลุยแล้วลืมเรื่องนี้ ก็เป็นปัญหาใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน”.

(ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ - Issara Sereewatthanawut)