การเมืองไทยปี 63 ยังไม่รู้จะออกหัว ออกก้อย แต่มีเค้าลางไปสู่ความขัดแย้ง ระหว่าง 2 ฝ่ายที่มีแนวคิดต่างกันเพียงแต่ลึกซึ้งกว่า ลุ่มลึกกว่ามีเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งไปสู่ผลสำเร็จที่แน่วแน่
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เริ่มต้นปีใหม่ไม่ต่างไปกับการปล่อยตัวจากจุดสตาร์ตไปสู่ความเป็นจริงทั้งระบบ
หยุดยาว 5 วันจึงเป็นเพียงแค่กลับไปสงบจิตสงบใจเพื่อเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
ไม่ต่างไปจากวัฏจักรที่หมุนเป็นวงรอบ
สังคมต่างตั้งคำถามถึงความเป็นไปข้างหน้าในปี 2563
“เศรษฐกิจ” ของประเทศจะดีขึ้นหรือไม่?
“การเมือง” จะราบรื่นหรือไม่หรือจะไปสู่ท้องถนน
“สังคม” จะหัวร้อนท่ามกลางความไม่ปลอดภัยในชีวิตหรือไม่?
แน่นอนว่าเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคนที่มิอาจหลีกหนีไปจากวังวนที่เกิดขึ้นได้
อยู่ที่ว่าจะไปในมุมดีหรือมุมร้ายเท่านั้น!
ยังไม่ทันคลายหนาวก็เห็นแล้วว่าการเมืองนั้นร้อนผ่าวขึ้นเป็นลำดับอยู่ว่าจะเดินไปสู่จุดไหนใช้เวลาเท่าใด
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าในช่วงปลายปีด้วยกลวิธีใดก็ตามสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เพิ่มขึ้นจนดูท่าว่าจะไม่อินังขังขอบกับเสียงปริ่มน้ำแล้ว
“พลังประชารัฐ” ก็มีการปรับองคาพยพภายในเพื่อสร้าง “เอกภาพ” และกุมสภาพการเมืองในฐานะแกนนำของรัฐบาล
ปี 63 นั้น รัฐบาลรู้ดีว่าต้องเจอศึกหนักพลาดไม่ได้
แน่นอนว่าในเรื่องสภานั้นคงไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก แต่ “นอกสภา” นั่นแหละคือประเด็นสำคัญไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลและการเรียกร้องในปัญหาต่างๆ
...
ที่เจาะลึกลงไปคือการเมืองกับเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก หากแก้ไม่ได้กระตุ้นเข้าเป้าหรือไม่
หากจัดการได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
ตรงกันข้ามหากแก้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายถนนทุกสายก็จะพุ่งเข้าใส่ เพราะเป็นเหตุผลและความชอบธรรมที่ปฏิเสธได้ยาก
แรงจูงใจต่อการ “ลงถนน” ที่อนาคตใหม่เชิญชวนก็น่าจะง่ายเข้า
ว่าไปแล้วขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการบริหารจัดการทั้งระบบที่จะสร้างความพึงพอใจต่อประชาชน
พูดง่ายๆก็คือแรงหนุนจากประชาชนนั่นแหละคือตัวชี้ขาด
เป็นเรื่องที่คาดการณ์ยากเหมือนกัน?
ที่สำคัญกว่านั้นฝ่ายรัฐบาลจะต้องไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ หรือไปพลาดท่าเสียทีในบางเรื่องบางราวซ้ำเติมเข้าไปอีก ก็ถือว่าซวยที่ช่วยไม่ได้
หากต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น การปรับ ครม.เพื่อขยับปรับเปลี่ยนให้ภาพรัฐบาลดีขึ้น แต่ระวังอาการกระเพื่อมจะเกิดขึ้น
อีกทางคือการ “ยุบสภา” ซึ่งเป็นไปในแนวทางของระบบ แต่มั่นใจได้หรือไม่ ว่าจะได้กลับมาอีกก็ไม่ใช่ง่ายเหมือนกัน
เว้นแต่หนทาง “ลาออก” ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
การเมือง ณ วันนี้นั้นต้องยอมรับว่า รัฐบาลมีกองหนุนสำคัญก็คือ “กองทัพ” ซึ่งเป็นหลักประกันในอำนาจที่ปฏิเสธได้ยาก
การที่ “อนาคตใหม่” ทะลุทะลวงไปในจุดนี้เนื่องจากไม่ต้องการให้ “กองทัพ” เข้ามายุ่งกับการเมืองอย่างปัจจุบัน
นี่ก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง...ที่จะทำให้การเมืองเกิดแรงเสียดทานสูง!!!
“ลิขิต จงสกุล”