“เทพไท” ชี้ ดัชนีเศรษฐกิจของจริงอยู่ที่กำลังซื้อชาวบ้าน ยก 7 ปัจจัยหลัก แนะรัฐเร่งแก้วิกฤติปากท้อง ซัด 5 ปีย่ำแย่ต่อเนื่อง แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อ
วันที่ 1 มกราคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ว่า วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ขออวยพรให้คนไทยทุกคนก้าวผ่านวิกฤติเศรษฐกิจของบ้านเมืองไปให้ได้ เพราะในปีใหม่นี้คนไทยทุกคนต้องเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมืองในทุกๆ ด้าน หลายคนบอกว่าปีที่ผ่านมาเป็นการเผาหลอก ปีนี้จะเป็นการเผาจริง ทำให้หลายคนต้องตื่นตระหนกกับภาวะเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 5 ปี ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ตนเองได้มีโอกาสไปเดินตลาดนัดหลายแห่งเพื่อไปสำรวจภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงสวัสดีปีใหม่กับพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในตลาดนัด ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีเงินซื้อของ พ่อค้าแม่ค้าก็บ่นกันว่าขายของไม่ได้ และตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจพี่น้องประชาชนที่ใช้ชีวิตภายใต้เศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ไม่ว่าใครจะออกมายืนยันว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ดัชนีที่วัดภาวะเศรษฐกิจที่ดีที่สุดก็คือเงินในกระเป๋าของชาวบ้านซึ่งจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
นายเทพไท กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับสถานการณ์ของบ้านเมืองตลอดปี 2563 สภาพเศรษฐกิจของประเทศจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้ คือ
1. สินค้าพืชผลการเกษตรยังคงตกต่ำ พืชหลัก 5 ชนิดที่ได้รับการประกันรายได้ของเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล คือ ข้าว ยางพารา ปาล์มนำ้มัน ข้าวโพด มันสำปะหลัง ราคาท้องตลาดยังไม่ทะลุเพดานราคาประกันของรัฐบาล ยกเว้น ปาล์มนำ้มัน ที่ตอนนี้ราคาทะลุราคาประกัน กิโลกรัมละ 4 บาท อยู่ที่กิโลกรัมละ 6.50 บาท
...
2. ยอดการส่งออกของประเทศลดลง 7% ซึ่งกระทบต่อรายได้ของประเทศเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง ประกาศเลิกกิจการ ปิดโรงงาน คนงานตกงาน กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ครัวเรือนต่างๆ มากมาย
4. อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ประกาศย้ายฐานผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่น
5. เงินบาทแข็งค่า มีผลกระทบต่อการส่งออก และกระทบต่อการแข่งขันทางการค้ากับประเทศอื่นๆ
6. หนี้ครัวเรือนของประชาชนสูงเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง
7. งบประมาณรายจ่ายของรัฐประจำปี 2563 ประกาศใช้ล่าช้าไปจากปกติประมาณ 5 เดือน กระทบต่อแผนงานการลงทุนภาครัฐ
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ จะส่งกระทบต่อสภาพคล่องของประเทศและกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งระดมความคิดและหาแนวทางแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเรื่องปากท้องของประชาชนให้เร็วที่สุด สร้างทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลให้เข้มแข็ง มีเอกภาพ ทำงานแบบบูรณาการเพื่อกอบกู้สภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติไปให้ได้ “ในฐานะสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลคนหนึ่ง ขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานบริหารประเทศอย่างเต็มความสามารถ และจะขอเป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้คนไทยทุกคนจับมือกันฝ่าฟันวิกฤติของประเทศไปให้ได้ด้วยกัน”