ซูเปอร์โพล ชี้ คนส่วนใหญ่ กว่า 82% ขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ขณะ 51.5% ระบุ หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล แต่แปลก เชียร์ให้เข้าร่วมกับเพื่อไทยมากสุด 40%
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทางรอดอนาคตใหม่ กับ เสียงประชาชน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทางรอดอนาคตใหม่ กับ เสียงประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 2,737 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11–14 ธันวาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา
เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรทำอย่างไรเพื่อความอยู่รอดของตนเองและช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.5 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่ ร้อยละ 34.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และร้อยละ 14.2 ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจ
ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 40.0 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย รองลงมาคือ ร้อยละ 18.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 15.9 ระบุพรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 13.5 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 12.3 ระบุพรรคพลังประชารัฐ ตามลำดับ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.5 ระบุความขัดแย้งทางการเมืองมีผลทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีกมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 17.5 ระบุ น้อยถึงไม่มีผลเลย
...
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนว่ามีคนอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยนอกเหนือไปจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.3 ระบุไม่มี ในขณะที่ ร้อยละ 10.0 ระบุว่ามี ได้แก่ ธนาธร ร้อยละ 4.5 ปิยบุตร ร้อยละ 1.6 และคนอื่นๆ ร้อยละ 3.9 และที่เหลือ ร้อยละ 36.7 ระบุ ยังไม่รู้ใครจะทำได้ ไม่ตอบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 32,109,909 คน หรือประมาณสามสิบสองล้านคน แต่มีคนที่สนใจพูดถึงเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ในโลกโซเชียลจำนวน 165,937 คน หรือหนึ่งแสนหกหมื่นกว่าคน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับต่อเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ค้นพบครั้งนี้เป็นเสียงตอบรับเชิงบวกร้อยละ 52.3 และเสียงตอบรับเชิงลบมีร้อยละ 47.7
ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่ค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่น่าจะมีทางออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ไม่ยากนักถ้าไม่เกิดความรุนแรงบานปลายคือ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ประชาชนส่วนใหญ่ก็มีทางออกให้พรรคอนาคตใหม่ด้วยความสงบเรียบร้อยโดยไม่มีการเสนอทางออกใดด้วยวิถีแห่งความรุนแรง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความกลัวและความกังวลของประชาชนที่จะเกิดเหตุวุ่นวายซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้แย่ลงไปอีกมากกว่า
“อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนในชาติหันมาช่วยกันป้องกันเหตุรุนแรงบานปลายด้วยการ “บริหารอารมณ์” ได้ บ้านเมืองก็น่าจะเดินหน้าต่อไปไม่หยุดชะงัก ส่วนใครปลุกระดมและก่อเหตุรุนแรงบานปลายก็ต้องถูกจัดการตามกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการทางสังคม อย่าให้มาทำร้ายสังคมได้อีก เนื่องจากเมื่อถึงจุดหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะรักความสงบตามเพลงชาติที่พรรคอนาคตใหม่และกลุ่มผู้สนับสนุนได้ร่วมกันร้องด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเมื่อเย็นวานนี้” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว.