‘ป๊อก-สมคิด’ รุมฉะปชป. พปชร.ระดมห้ามลา-ป่วย ‘สาทิตย์’ นําทีมโหวตสวน ‘วรชัย-สําเริง’ โดนคุก 4 ปี

“บิ๊กตู่” ประกาศลั่นกลาง ครม.วงเล็ก ลั่น “ผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้” ขู่ถ้าสภาฯล่มเป็นรอบที่ 3 “อย่างเบาก็ปรับ ครม. อย่างหนักคือยุบสภาฯ” “บิ๊กป๊อก” ของขึ้นทวงบุญคุณ ปชป. อย่าลืม เคยช่วยค้ำยันให้สมัยเป็นรัฐบาล พปชร. กำชับ ส.ส.แพ้ไม่ได้ห้ามลา-เจ็บ-ป่วย หนุนพรรคร่วมไหนเบี้ยวให้ริบโควตา รมต.คืน วง ปชป. ก็เครียดไม่แพ้กัน “ชินวรณ์” อ้อนให้ยึดมติพรรคร่วม แต่ 4 ส.ส.เมินขอรักษาจุดยืนเดิม “สาทิตย์” ยืนกรานต้องตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ คสช. แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตบเท้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์พรึบ รบ.มีเสียวเกินครึ่งมาแต้มเดียว สั่งวิปประกบคุมเข้ม ส.ส.รายตัว “ประยุทธ์” ปลุกขวัญ รบ.ยังเหนียวแน่น ศาลพัทยาพิพากษาจำคุก “วรชัย-สำเริง” ล้มอาเซียนซัมมิต พร้อมออกหมายจับ “ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์”

รัฐบาลพยายามหาทางประสานการทำงานร่วมกัน ไม่ให้เกิดเหตุสภาล่มและแพ้โหวตฝ่ายค้านอีก โดยนัดสังสรรค์แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเคลียร์ปัญหาทางใจ แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ประกาศกลางวงประชุม ครม. ถ้าเกิดเหตุสภาล่มเป็นครั้งที่ 3 มีสองทางเลือกคือ ไม่ปรับ ครม. ก็ยุบสภา

“บิ๊กตู่” ชูกำปั้นร่วมต่อต้านโกง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศ ไทย) วันที่ 9 ธ.ค. พร้อมมอบเสื้อสกรีนข้อความ “ZERO TOLERANCE คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” ให้นายกฯ ต่อมานายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำผู้บริหารและผู้นำคนพิการ นายดำเกิง มุ่งธัญญา หรือครูไอซ์ ครูผู้พิการทางสายตา นายชาตรี กรวัชรธาดา หรือน้องต๊อด นักศึกษาผู้พิการครึ่งท่อน เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์ “วันคนพิการสากล” มี น.ส.กาญจนา พิมพา มิสเดฟไทยแลนด์ 2019 พิการทางการได้ยิน ติดเข็มสัญลักษณ์ให้นายกฯ และนายกฯ ได้ลองชิมโกโก้ร้อน จากร้าน 60+ (Sixty plus) จากนั้นนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เข้าพบนายกฯเพื่อประชาสัมพันธ์จัดกระเช้าของขวัญของฝากจากผลิตภัณฑ์โอทอป เป็นของขวัญที่ระลึกเทศกาลปีใหม่ 2563

...

ปลุกขวัญ รบ.ยังเหนียวแน่น

ต่อมาเวลา 14.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. ถึงการเข้าร่วมงานพบปะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตนไปไม่ใช่จะไปก้าวล่วงอะไรในทางการเมือง เพราะกับ ส.ส.หรือรัฐมนตรีก็คุยกันอยู่ทุกวัน ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลก็อยู่กับตนอยู่แล้ว รองนายกฯก็มาจากทุกพรรค ขอให้เราร่วมมือกันและยึดผลประโยชน์ประชาชน และผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก เมื่อถามว่าสรุปเย็นนี้ไปร่วมงานด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ผมจะไปไหนหรือไม่ไปไหน ไม่ต้องมาถามผมทุกวัน ให้ผมมีโอกาสของผมไปไหนเองบ้างสิ ไม่ได้ไปเพื่ออะไรวันนี้รัฐบาลนี้ยังแน่นเหนียว แน่นเหนียว ไม่ต้องกลัว”

เย้ย “วิ่งตามลุง” ให้ทันแล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาโจมตีเรื่องเงินนอกงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และการเคลื่อนไหวนอกสภาฯว่า ทุกคนต้องพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่สมควร ต้องดูว่าวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวที่ไม่สร้างสรรค์สมควรหรือไม่ ขอให้สังคมพิจารณาด้วย เมื่อถามว่ามีการเชิญชวนประชาชนออกมาร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 ม.ค.2563 พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ว่าไปเถอะ เมื่อถามว่ายังมีกิจกรรม “วิ่งตามลุง” นายกฯ ตอบว่า เอาเถอะ วิ่งให้ทันแล้วกัน

“ป้อม” ฮึ่มๆฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดแคมเปญกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่า ต้องไปดูว่าผิดหรือไม่ หากไม่ผิดก็ทำได้ และต้องดูด้วยว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะหรือไม่ ต้องไปดูกฎหมาย เมื่อถามว่าแต่จะมีการจัดกิจกรรมวิ่งตามลุงควบคู่กับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงด้วย จะไปร่วมวิ่งด้วยหรือไม่ ทำให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวติดตลกว่า “จะไปร่วมวิ่งได้อย่างไร เพราะเดินยังไม่ไหวเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร กำลังให้สัมภาษณ์อยู่ พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกบัญชาการพอดี ผู้สื่อข่าวได้หันไปสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พล.อ.ประยุทธ์ฝ่าวงผู้สื่อข่าวพร้อมดึงไมค์ของสำนักข่าวช่องหนึ่งไปจ่อปากพล.อ.ประวิตร พร้อมระบุว่า “ผมขอถามบ้าง” ก่อนจะหันมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “พี่ผม ไปถามพี่ผมโน้น” และยิ้มให้กับ พล.อ.ประวิตร ท่ามกลางเสียงหัวเราะในวงสัมภาษณ์

คุย ปชป.แล้วต่อไปไม่แตกแถว

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการนัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลร่วมทานอาหารเย็นว่า ทุกวันนี้ก็ราบรื่นอยู่แล้ว เพียงแต่ติดอยู่ที่ตัวบุคคล ได้มีการพูดคุยกับทางพรรคประชาธิปัตย์แล้วว่า วันที่ 4 ธ.ค. จะไม่มี ส.ส.โหวตสวนมติ และเรื่องสภาฯล่มคงไม่มีแล้ว ส่วน ส.ส.ที่ไม่สบาย และไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย คงไม่มีปัญหา เพราะนับองค์ประชุมแล้วคงพอดี ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าไม่จำเป็นต้องไปขอเสียงฝ่ายค้าน พล.อ.ประวิตรตอบว่า จะไปขอเขาได้อย่างไร ส่วนกระแสข่าวการฝากเลี้ยง ส.ส.เพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าไม่มี ถามว่าจะฝากเลี้ยงได้อย่างไร เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ามีการฝาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย 20 คน พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้สิใครเป็นคนฝาก ขนาดตัวเรายังไม่รู้เรื่องเลย ยืนยันไม่ได้ไปเจรจากับพรรคเพื่อไทย และงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเย็นวันนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวและบันทึกภาพ ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลเรามีความปรองดองกันอยู่แล้ว

“สนธิรัตน์” บอกไม่ต้องเคลียร์ใจ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า การพบปะสังสรรค์พูดคุยกันคงไม่มีอะไรที่ต้องเคลียร์ใจกัน พรรคร่วมทำงานด้วยกันได้ดี วันนี้แกนนำทุกพรรคได้มีโอกาสพบปะพร้อมๆกัน ในบรรยากาศที่มีโอกาสพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด เป็นโอกาสที่หาได้น้อย และคงจัดเป็นระยะๆ หลังจากนี้คงมีการหารือกันในส่วนของการพบปะกันของ ส.ส.ด้วย เป็นไปได้ก็อยากให้มีการพบปะ ส.ส.ในฟากรัฐบาลทั้งหมดด้วยในอนาคต เมื่อถามว่าเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า คงไม่ได้คุยกัน เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เมื่อถามว่า คุยกันแล้วมั่นใจว่าการประชุมสภาฯวันที่ 4 ธ.ค. องค์ประชุมจะครบและไม่ล่มอีก นายสนธิรัตน์ตอบว่า วิปรัฐบาลทำงานอยู่น่าจะราบรื่น เชื่อว่าจะแก้ปัญหากันได้ เดินหน้าไปด้วยดี ปกติวิปคุยกันอยู่แล้วในเรื่ององค์ประชุม ส่วนเรื่องความเห็นที่แตกต่างของพรรคร่วมถือเป็นเรื่องปกติในการทำงานร่วมกัน บางครั้งอาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน อย่าเพิ่งไปมองถึงเรื่องเสถียรภาพ และความไม่มั่นคง

ยังไม่เปลี่ยนตัว ปธ.วิปรัฐบาล

เมื่อถามว่า ควรต้องพิจารณาเปลี่ยนตัวประธานวิปรัฐบาลหรือไม่ เพราะทำสภาฯล่มมา 2 ครั้ง นายสนธิรัตน์ตอบว่า คงไม่หรอก เพราะท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ทุกอย่างมีเหตุมีผล เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป เมื่อถามถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ แทนนายกรุงศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปชร. ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัย ให้ชัดเจนก่อนแล้วคงมาปรึกษาหารือกัน เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสนธิรัตน์ตอบสั้นๆว่า “คงต้องไปถามนายกฯ” เมื่อถามถึงการรวบรวมผลงานของแต่ละกระทรวง นายสนธิรัตน์ตอบว่า ทุกฝ่ายประเมินการทำงานของกันและกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ทุกกระทรวงก็เร่งรัดงานอยู่ ทุกคนทำงานแข่งขันกับเวลา และทราบดีว่าต้องเร่งรัด

“สุริยะ” คาดหวังแก้สภาฯล่มได้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า แกนนำ พปชร. ทั้งที่เป็นรัฐมนตรี และ ส.ส. จะไปร่วมงานเลี้ยงพรรคร่วมทุกคน การได้พูดคุยกันอาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ตอนนี้ปัญหาไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นระหว่างผู้บริหารพรรค ส่วนตัวเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาสภาฯล่มได้ ถือว่าเป็นประโยชน์จะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ให้มีความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น เมื่อถามว่าเป็นโอกาสดีจะได้เคลียร์ใจกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายสุริยะตอบว่า สำหรับพรรคภูมิใจไทยไม่เป็นอะไร ได้เจอกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยทุกวัน จึงไม่ต้องเคลียร์ใจอะไรกัน

ปชป.ยกทีม รมต.ร่วมมีตติ้ง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประสานรัฐมนตรีของพรรคทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเย็นวันนี้ เมื่อถามว่าจะทำให้ความระหองระแหงภายในรัฐบาลคลี่คลายลงหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ยังไม่ทราบว่าในวงทานข้าวจะพูดคุยเรื่องใดบ้าง แต่อย่างน้อยได้พูดคุยร่วมกันบ้างก็ยังดี

ยังไม่คาดโทษ ส.ส.โหวตสวนมติ

เมื่อถามว่าการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะมีการพูดคุยถึงการโหวตตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 หรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า วิปพรรคประชาธิปัตย์จะรายงานผลการหารือร่วมกับวิปรัฐบาลให้ที่ประชุม ส.ส.รับทราบ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 6 คนโหวตสวนทางกับมติวิปรัฐบาลนั้น วิปพรรคคงได้พูดคุยกัน หลักการทำงานในรัฐสภาต้องมีมติวิปออกมา แต่ละพรรคก็ปฏิบัติตามมติวิป เนื่องจากรัฐบาลต้องการเสียงข้างมากในสภาฯ แต่ละมติจะกำหนดโดยวิปรัฐบาล แม้แต่ฝ่ายค้านก็มีมติของวิปฝ่ายค้านให้แต่ละพรรคปฏิบัติ เมื่อถามย้ำว่าหาก ส.ส. 6 คนของพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันจะลงมติตามเดิม พรรคจะให้เป็นเอกสิทธิ์ หรือจะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า ที่ประชุม ส.ส.จะพิจารณา ขอให้วิปได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่อยากให้จับจ้องมาที่พรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกัน ทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในซีกรัฐบาล เพื่อลงมติในทางเดียวกัน เมื่อถามอีกว่าหากมีการแหกมติอีกจะมีบทลงโทษอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า ยังไม่อยากพูดตอนนี้ ขอให้วิปพรรคได้ทำหน้าที่ก่อน

ภูมิใจไทยยกทีมมากันครบเซต

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนพร้อมนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนสถานการณ์ในพรรคร่วมรัฐบาลมันดีอยู่แล้ว ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยมาครบไม่มีปัญหา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปกติก็รับประทานอาหารร่วมกันหลังการประชุม ครม.อยู่แล้ว เราไม่ได้มีปัญหาอะไร รัฐบาลยังมีความเข้มแข็ง และส่วนตัวตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร

ชทพ.เป็นเด็กดีไม่มีแตกแถว

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค จะไปร่วมงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่า 4 เดือนที่ผ่านมาเราทำงานในฐานะพรรคร่วมได้มีประสิทธิภาพระดับหนึ่ง ยอมรับว่าปัญหาในการทำงานก็มี แต่ต้องขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยประสานงาน ประคับประคองแก้ปัญหาไปได้หลายอย่าง และการทำงานของตนไม่มีปัญหาอะไร

“วิษณุ” ชี้โต้แย้งหนักให้ส่งศาล รธน.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 85 กรณีที่ผลการลงมติในที่ประชุมสภาฯ มีคะแนนแพ้ชนะไม่เกิน 25 เสียง สามารถขอให้ลงคะแนนใหม่โดยใช้วิธีขานชื่อทีละคนว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนร่างข้อบังคับนี้ เมื่อถามว่าหากเกิดกรณีแบบนี้ใครจะเป็นคนชี้ขาด นายวิษณุตอบว่า บางเรื่องสามารถให้ประธานสภาฯวินิจฉัย แต่บางเรื่องสามารถให้ที่ประชุมชี้ขาดได้ ทำเช่นนี้มานานแล้ว แต่ถ้าเรื่องใดที่มีการคัดค้านหรือโต้แย้งกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ

“บิ๊กตู่” ร่วมมีตติ้งแกนนำรัฐบาล

จากนั้นเวลา 17.00 น. ที่สโมสรราชพฤกษ์ บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทยอยเดินทางมายังสโมสรราชพฤกษ์ ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นการภายใน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่ จึงต้องคอยสังเกตการณ์และบันทึกภาพอยู่บริเวณประตูทางเข้าติดกับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ โดยบรรดาแกนนำ รวมถึงรัฐมนตรีได้ทยอยเดินทางกันมา ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กระทั้งเวลา 19.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางมาถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโต๊ะหลักที่รับรองแขกวีไอพี ประกอบด้วย นายกฯ พล.อ.ประวิตร นายอนุทิน พล.อ.อนุพงษ์ นายอุตตม ม.ร.ว.จัตุมงคล นายสุวัจน์ และ น.ส.กัญจนา สำหรับเมนูเป็นอาหารจีน ประกอบด้วย ออเดิร์ฟ ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ผัดผักปวยเล้ง บะหมี่แห้งกุ้งแม่น้ำ มีแป๊ะก๊วยบัวลอยน้ำขิงเป็นของหวาน

โชว์หวานทุกอย่างราบรื่น

กระทั่งเวลา 21.10 น. หลังงานเลี้ยงเลิก ในห้องจัดเลี้ยงส่งเสียงไชโย 3 ครั้ง และอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ ทั้งหมดต่างหัวเราะสรวลเสเฮฮาตลอดเวลา ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อาหารอร่อยดี เสียงไชโย 3 ครั้ง ไชโยเพื่อประเทศไทย คิดว่าจากพรุ่งนี้ไปทุกอย่างจะราบรื่น แต่เราไปบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว บางครั้งตนอาจพูดและพบกับเขาน้อยไปหน่อย ทำให้ไม่รู้ว่าตัวตนนายกฯเป็นอย่างไร วันนี้ทุกคนและหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคได้มีการพูดคุยกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมถามหานายจุรินทร์ว่าอยู่ไหน แต่บังเอิญนายจุรินทร์ไม่ได้อยู่ในห้อง อยู่แต่นายเฉลิมชัยที่เดินมาหา จากนั้นนายกฯได้เรียกหาแกนนำพรรคเล็ก “เต้อยู่ไหน” นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไล รีบออกมาหา พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค. นายมงคลกิตติ์จะประพฤติตัวใหม่ พร้อมเอานิ้วแตะไปที่ปากว่าจะพูดน้อยลง และล็อกคอนายมงคลกิตติ์อย่างมันเขี้ยว กล่าวว่านี่คือคนรุ่นใหม่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า นี่คือความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล ก่อนเชิญ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์มายืนข้างๆ พร้อมกล่าวว่า “นี่คือสาม ป. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่มีสาม ป. เราจะ ทำอะไรได้ สองคนนี้คือลูกพี่ฉัน สอนฉันให้เป็นคนดี สอนฉันให้ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าไม่มี พี่ทั้งสองคน พี่ป๊อกและพี่ป้อม ฉันก็มีวันนี้ไม่ได้”

ลั่น “ผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ประชุม ครม. บรรยากาศการประชุม ครม.ในวันนี้เป็นไปอย่างเคร่งเครียด หลังหยิบยกปัญหารัฐบาลแพ้โหวต และกรณีที่สภาฯล่มขึ้นมาพูดในที่ประชุม โดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาและกรรมการ วิปรัฐบาล แจ้งต่อที่ประชุมว่าการประชุมสภาฯในวันที่ 4 ธ.ค. อย่าให้มีปัญหา ไม่เช่นนั้นจะถูกฝ่ายค้านสวนกลับได้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดขึ้นว่า “แม้ไม่พอใจ เรื่องนี้อย่างมาก เมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆคิดจะทำอะไรก็ทำ ถ้าผมอยู่ไม่ได้พวกคุณก็อยู่ไม่ได้” ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า “ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลผมก็ช่วยดูแลบ้านเมือง ทำไมมาตอนนี้พวกผมชวนมาเป็นรัฐบาล แต่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ทำแบบนี้ รู้มั้ยบ้านเมืองขณะนี้เป็นอย่างไร” ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวว่า “เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำอยู่ เราต้องล็อกเสียงไว้เลยเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ประชาธิปัตย์มาโหวตสวนได้อย่างไร ยิ่งโหวตสวนก็ยิ่งติดลบ ทำไมไม่โนโหวต”

ถ้าล่มอีกไม่ปรับ ครม.ก็ยุบสภาฯ

กระทั่งเวลา 11.00 น. ที่ปกติเป็นเวลาพักเบรก นายกฯได้ถือโอกาสประชุมวงเล็ก ที่ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค พปชร. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว. พม. ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวต่อ โดยนายกฯกล่าวว่า “ถ้าการประชุมสภาฯพรุ่งนี้ล่มอีก อย่างเบาก็ปรับ ครม. อย่างหนักคือยุบสภาฯ”

“ไวพจน์” สั่งลาฝากดูแลลูกชาย

สำหรับการประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ระหว่างที่นายอุตตมยังเดินทางมาไม่ถึง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร ถือโอกาสพูดกับ ส.ส. และสมาชิกพรรคที่มาประชุม ยอมรับว่าคงไม่รอดจากคดีบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 ม.ค.2563 พร้อมกับฝากให้พรรคช่วยดูแลบุตรชายคือ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ หากถูกศาลตัดสินจำคุก และถ้าเป็นไปได้อยากให้สนับสนุนนายเพชรภูมิมาทำหน้าที่ และสมัคร ส.ส.แทนตัวเอง

กำชับ ส.ส.แพ้ไม่ได้ห้ามลา-เจ็บ-ป่วย

นอกจากนี้ ในที่ประชุมพรรคยังกำชับ ส.ส.ทุกคน ให้เข้าประชุมสภาฯอย่างพร้อมเพรียง ห้ามลา ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย โดยกำชับหนักแน่นว่าแพ้ไม่ได้ เวลา 14.00 น. ทุกคนต้องอยู่ในสภาฯแล้ว โดย มอบหมายให้แต่ละภาคเช็กชื่อ ส.ส.ในภาคตัวเอง นอกจากนี้ ยังแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคได้เคลียร์กับประชาธิปัตย์แล้ว แต่มี ส.ส.พปชร.เสนอว่าหากพรรคร่วมยังไม่ให้ความร่วมมือ พปชร.ก็ควรมีมาตรการดำเนินการหรือมีท่าทีอะไรออกมา เช่น ริบโควตารัฐมนตรีคืน ซึ่งมี ส.ส.ส่วนหนึ่งเห็นด้วย

ประชุม ปชป.ก็เครียดไม่แพ้กัน

ช่วงบ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุม ส.ส. มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคในฐานะประธาน ส.ส.พรรค เป็นประธานการประชุม มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองประธานวิปรัฐบาลและวิปพรรค ชี้แจงเหตุผลและกำชับขอความร่วมมือ ส.ส.ให้ทำตามมติวิปพรรคร่วมรัฐบาลโดยเคร่งครัด ซึ่งบรรยากาศการประชุมมีการหารือเคร่งเครียด สำหรับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง หนึ่งในผู้เสนอญัตติขอให้ตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช.นั้นพอเข้าใจเหตุผลได้ หรืออย่างน้อยที่สุด 5 ส.ส.ที่เคยโหวตสวนมติวิปพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้โหวตงดออกเสียง แต่ ส.ส.คนอื่นหากเห็นเป็นอย่างอื่นต้องมาคุยกับตนก่อน

4 ส.ส.ยืนกรานขอรักษาจุดยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ 6 ส.ส.ที่เคยโหวตสนับสนุนให้ตั้ง กมธ.วิสามัญฯนั้น ยืนยันแล้วว่ามี 4 ส.ส. ที่ยังยืนยันว่าจะโหวตหนุนให้ตั้ง กมธ.เหมือนเดิม เพราะได้โหวตมาแล้วต้องรักษาจุดยืนเดิม ได้แก่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

“สาทิตย์” ยันต้องตั้ง กมธ.วิสามัญฯ

นายสาทิตย์กล่าวหลังการประชุมว่า ยังต้องยืนยันว่าจะสนับสนุนให้ตั้ง กมธ.วิสามัญฯชุดดังกล่าวในฐานะเจ้าของญัตติ เช่นเดียวกับเพื่อน ส.ส.บางส่วนที่โหวตสนับสนุนญัตติของตน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ทั้งนี้ องค์ประชุมจะครบหรือไม่อยู่ที่ 249 เสียง ขณะที่ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลมี 254 เสียง หากตัดคนที่ไปต่างประเทศ ติดภารกิจ หรือป่วย ทราบว่ามี 2 คน คือนายชัย ชิดชอบ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะอยู่ที่ 252 เสียง ก็ต้องดูว่าองค์ประชุมครบหรือไม่ และหากว่าจะมีการโหวต ผลโหวตจะเป็นอย่างไร เพราะหากฝ่ายค้านไม่ร่วมโหวต ฝ่ายรัฐบาลคงจะชนะ แต่ถ้าฝ่ายค้านร่วมโหวตด้วย ก็ต้องดูผลกันอีกที

“เทพไท” แนะ “วิรัช” ถอนญัตติ

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล แสดงความมั่นใจว่าในการประชุมสภาวันที่ 4 ธ.ค. สามารถระดม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้าประชุมได้ครบองค์ประชุม ไม่มีสภาล่มรอบ 3 แน่นอน ว่า ถ้าเป็นจริงตามที่นายวิรัชยืนยัน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ทุกฝ่ายอยากให้การประชุมสภาฯดำเนินการไปได้ตามปกติ วันนี้ถ้าตรวจสอบจำนวน ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลมีอยู่ 254 คน ล่าสุดนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไปอีก 1 คน มีนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลาป่วยอีก 2 คน คงเหลือ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 251 คน ขณะที่องค์ประชุมต้องมี 249 คน ถ้ามี ส.ส.ขาดหรือลา เข้าประชุมไม่ทันอีก 3 คน ก็สุ่มเสี่ยงต่อสภาฯล่มครั้งที่ 3 สูงมาก อยากเรียกร้องประธานวิปรัฐบาลให้ถอนญัตติการนับคะแนนใหม่ เพื่อให้การประชุมสภาฯเดินหน้าทำงานได้อย่างราบรื่น

เตือนโดนแก้เผ็ดสภาล่มรายวัน

“แต่ถ้าหากยังคงยืนยันญัตติเพื่อจะนับคะแนนใหม่ต่อไป เชื่อว่าในวันข้างหน้าจะมีลัทธิเอาอย่าง เมื่อมีการลงมติในทุกครั้ง คะแนนจะห่างกันไม่เกิน 20 เสียง ฝ่ายค้านก็จะอ้างข้อบังคับข้อ 85 ขอนับคะแนนใหม่เพื่อแก้เผ็ดหรือเอาคืนฝ่ายรัฐบาล และการลงคะแนนใหม่ทุกครั้งจะมีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนทุกครั้งด้วย ถ้า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านพร้อมใจกันไม่แสดงตน ต่อไปจะเกิดปรากฏการณ์สภาล่มรายวัน สร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การทำงานด้านนิติบัญญัติชะงักงัน” นายเทพไทกล่าว

รบ.มีเสียวเกินครึ่งมาเสียงเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 4 ธ.ค. มีวาระสำคัญที่ต้องพิจารณา คือญัตติด่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ที่เป็นเหตุให้สภาล่มมาแล้ว 2 ครั้ง การประชุมสภาฯวันที่ 4 ธ.ค.จึงถูกจับตามองว่าจะเกิดเหตุสภาฯล่มเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ ขณะนี้จำนวน ส.ส.ในสภาฯมีทั้งสิ้น 498 คน โดย 2 คนที่ขาดไปคือ 1.นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย 2.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นจำนวน ส.ส.ที่ฝ่ายรัฐบาลต้องระดมเข้าประชุม เพื่อไม่ให้องค์ประชุมฯล่มคือ 249 เสียง แต่ขณะนี้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมี 254 เสียง แต่มีแนวโน้มว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอาจจะขาดหายไป 4 เสียงได้แก่ 1.นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ป่วยอยู่ 2.นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังบายพาสหัวใจ 3.นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ และ 4.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ทำให้เสียงฝั่งรัฐบาลเหลือแค่ 250 เสียง เกินครึ่งขององค์ประชุมมาแค่เสียงเดียว

สั่งวิปประกบคุมเข้ม ส.ส.รายตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดังนั้น วิปรัฐบาลจึงเช็กเสียงอย่างเข้มข้น และกำชับ ส.ส.ทุกคน ตลอดจนรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ห้ามขาดประชุมสภาฯวันที่ 4 ธ.ค.เด็ดขาด และการประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้วางแนวทางป้องกันเบื้องต้นคือ 1.เสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล แทนการเสียบบัตรลงคะแนน เพื่อให้ ส.ส.ที่ติดภารกิจประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่างๆมาแสดงตนได้ทัน รวมถึงป้องกันกรณีบัตรประจำตัว ส.ส.ขัดข้องในการเสียบบัตรแสดงตน 2.กำหนดให้วิปรัฐบาล 1 คน ทำหน้าที่ประสานงาน ส.ส. 6 คน โดยเฉพาะในส่วน ส.ส.พลังประชารัฐ หากติดต่อ ส.ส.ไปแล้วแต่ไม่ติดต่อกลับมา ขอให้แจ้งต่อกรรมการบริหารพรรค หรือ ส.ส.อาวุโสให้เป็นผู้ประสานงานติดต่อ ส.ส.คนดังกล่าวแทน เพื่อให้ ส.ส.เหล่านี้เกิดความเกรงใจ ให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ ส.ส.ไม่ให้ความร่วมมือกับวิปรัฐบาลหลายครั้ง

“ธนาธร” ซัด “บิ๊กตู่” ผลักคนเห็นต่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ขึ้นพูดบนเวทีของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย โดยพรรคอนาคตใหม่ได้โพสต์รูปลงทวิตเตอร์ระบุว่ามีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมรับฟังนายธนาธรด้วย โดยนายธนาธรกล่าวบนเวทีว่า เราตั้งพรรคขึ้นมาเพราะพวกเราอยากทำให้ผู้คนกลับมาศรัทธาประชาธิปไตยและสภาอีกครั้ง เราสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น ตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 รณรงค์ให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญ และได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.ที่ทำให้กองทัพทันสมัยขึ้น นโยบาย 66/23 ในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ดึงคนกลับเข้าสู่ระบบการเมืองแบบรัฐสภา ทำให้ประเทศกลับสู่สันติภาพ นโยบายนี้ไม่ได้มองผู้ที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์เป็นศัตรู เป็นพวกชังชาติ แต่เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แต่สิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำคือการผลักคนเห็นต่างออกไป

โต้ไม่เกี่ยวแคมเปญ “วิ่งไล่ลุง”

นายธนาธรกล่าวอีกว่า ต้องขออธิบายก่อนว่าพวกเราไม่ได้เป็นคนอยู่เบื้องหลังงานวิ่งที่จะมีขึ้นวันที่ 12 ม.ค.2563 แต่เกิดจากความโกรธของผู้คน พวกเขาเหล่านี้เริ่มต้นรวมตัวกันทางออนไลน์ เราคงต้องลองมาดูกันว่าจะมีคนออกมารวมตัวกันในอีเวนต์นี้มากแค่ไหน มีคนมากมายถามตนทั้งทางออนไลน์และตอนลงพื้นที่ว่า เมื่อไหร่จะลงถนน เค้าพูดกันว่าร่างกายต้องการปะทะแก๊สน้ำตา ตนบอกพวกเค้าว่าให้ใจเย็นๆ เรายังไม่หมดหนทาง ขอให้พวกเราพรรคอนาคตใหม่ พยายามในวิถีรัฐสภาจนถึงที่สุดก่อน

พท.เตือนระวังวิกฤติเกินเยียวยา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาลงมติญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่ง คสช. และการใช้ อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 หากองค์ประชุมล่มอีกเป็นครั้งที่ 3 รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ปฏิเสธแล้วโยนความผิดให้วิปรัฐบาลเท่านั้น จริงๆคนในพรรคพลังประชารัฐรู้ดีว่าแกนนำพรรคมีประกาศิตไม่ยอมให้ตั้ง เพราะผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถูกเรียกมาให้ข้อมูล เป็นโมเดลแบบเดียวกับพยายามล้มโต๊ะเปลี่ยนตัวประธาน กมธ.ป.ป.ช. ที่หนักสุดขณะนี้มีการสร้างข่าวลือจะยุบสภา หลังจากที่ปล่อยข่าวเพาะฟาร์มฝากเลี้ยงงูเห่าแล้วประชาชนไม่เชื่อ ถ้าบ้านเมืองไม่สามารถเดินหน้าใช้กลไกรัฐสภาทำงานตรวจสอบได้เพียงเพื่อช่วยเหลือผู้มีอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะเกิดวิกฤติกว่าและยากที่จะเยียวยา

“เจ๊หน่อย” นำทีมหาเสียงช่วย “ธนิก”

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่สนามหญ้าหน้าสำนักงานพรรคเพื่อไทย อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผอ.พรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายบัลลังก์ อรรณนพพร นางมุกดา พงษ์สมบัติ และนายภควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น ลงพื้นที่เปิดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วยนายธนิก สีมาพิทักษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น เขต 7 โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยเสียดายเสียใจคือเห็นความยากลำบากของประชาชนแต่ไม่สามารถช่วยได้ ต้องส่งนายธนิกเป็นตัวแทนเข้าไปทวงคำมั่นสัญญา หากไม่สามารถทำได้ตามสัญญา ก็ไล่ให้ออกไป ส่งกลับดาวอังคารไปไกลๆ “ลุงตู่” เป็นคนแสบมาก ใช้เล่ห์กลทุกวิถีทางเอาชนะให้ตัวเอง ได้เป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น

โวยหัวคะแนนโดนข่มขู่

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม กล่าวว่า เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้คือบทพิสูจน์ความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาล หากรัฐบาลได้ชัยชนะ การตรวจสอบต่างๆในสภาคงมีน้ำหนักน้อยลง แต่หากนายธนิกชนะ จะสะท้อนว่าประชาชนไม่ต้องการรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป ขอให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเอาเศรษฐกิจแบบ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หรือจะเอา เศรษฐกิจแบบ “ประยุทธ์” ขณะที่นายธนิกกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดีกว่าที่ประเมินไว้ แต่มีผู้สนับสนุนและผู้นำชุมชนบางส่วนยังถูกข่มขู่โดยกลไกอำนาจรัฐ แต่ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวและพร้อมเดินหน้าทำหน้าที่ มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ

“อุเทน” รู้เช่นเห็นชาติสลัดทิ้ง ปชป.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอุเทน ชาติภิญโญ ได้เดินทางมาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอุเทนจัดทำแถลงการณ์ระบุว่า ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 4 พ.ค.62 ผ่านการชักชวนของผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เพื่อมุ่งหวังจะมาร่วมพลิกฟื้น ร่วมกู้ศรัทธาของสถาบันการเมืองเก่าแก่แห่งนี้อีกครั้ง ไม่ได้ต้องการจะมาพึ่งใบบุญ หรือหวังประโยชน์แต่ประการใด แต่หลังเข้ามาสัมผัสกับพรรคนี้ได้ราว 7 เดือน ทำให้รู้เช่นเห็นชาติว่าพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบันหมดหนทางที่จะพลิกฟื้นกลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนแน่นอน สภาพภายในมีแต่ความแตกแยก เต็มไปด้วยพวกดีแต่พูด สร้างวาทกรรมคิดแต่การแก่งแย่ง ยึดติดอำนาจ ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประโยชน์ประชาชน หรือเพื่อสาธารณะใดๆ ทิ้งหลักการจุดยืนประชาธิปไตย แต่ยังไม่สาย เกินไปที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับความคิด ลดละความลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ หันกลับมาปรับตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ตามคำขวัญที่พรรคใช้หาเสียงว่า ประชาชนต้องมาก่อน อย่าให้ เป็นเพียงวาทกรรมที่สวยหรู

ผบ.ตร.ไฟเขียวไม่ฟ้อง “พิชัย”

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังความเห็นของ ผบ.ตร. ต่อคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาสั่งไม่ฟ้องในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่โพสต์ภาพเฟซบุ๊กในวงเสวนาของคณะกรรมการวีรชนพฤษภา 35 วิจารณ์เศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอร์รัปชันในยุค คสช.และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์บนนิตยสารไทม์ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความนายพิชัย เผยว่า ผบ.ตร.เห็นด้วยกับพนักงานอัยการไม่มีความเห็นแย้งแต่อย่างใด อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดว่านายพิชัยไม่มีความผิดตามข้อหาดังกล่าว

ได้ทีเย้ย “สมคิด” หมดสภาพ

นายพิชัยกล่าวว่า ต้องขอบคุณสำนักงานอัยการที่มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยที่เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะนำมาฟ้องได้แต่แรกแล้ว ความเป็นธรรมของระบบยุติธรรมมีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประเทศ และต้องขอให้สังคมช่วยพิจารณาว่าเป็นการปิดปากไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจใช่หรือไม่ รัฐบาล คสช. ไม่ยอมรับฟังสิ่งที่ตนนำเสนอมาตลอด เศรษฐกิจไทยถึงได้ทรุดลงขนาดนี้ใช่หรือไม่ ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่น่าจะหมดสภาพ และหมดปัญญาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังกล้าพูดว่าเศรษฐกิจไทยยังดี สวนกับความรู้สึกประชาชนส่วนมาก ถ้านายสมคิดยังคิดแบบนี้ แสดงว่าไม่สามารถทำให้ดีกว่าที่ผ่านมานี้ได้แล้ว แถมยังโยนความรับผิดชอบไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรับความล้มเหลวไปทั้งหมด แล้วจะอยู่ในตำแหน่งไปทำไม หรือเพราะนายสมคิดเป็นตัวแทนของกลุ่มทุนที่รัฐบาลเอื้อประโยชน์อยู่ ห่วงว่าจะมีประชาชนที่ลำบาก จะพากันออกมา “วิ่งไล่ลุง” กันเป็นจำนวนมาก

“วรชัย-สำเริง” โดนคุก 4 ปีล้มซัมมิต

ที่ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 1 (หนี) พร้อม 18 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ พัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 โดยมีนายวรชัย เหมมะ กับนายสำเริง ประจำเรือ จำเลย พร้อมทนายความเข้ารับฟัง และยื่นขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอ้างเหตุจำเลยมารับฟังไม่ครบ เนื่องจาก พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มอบเสมียนทนายมาขอเลื่อนการรับฟังคำพิพากษาอ้างติดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ศาลยกคำร้องชี้ว่าไม่มีเหตุแม้จะเป็นสมัยการประชุมสภาฯไม่ใช่ข้ออ้างในการพิจารณาคดี ก่อนจะอ่านคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 รายที่มารับฟังคำพิพากษารายละ 4 ปี ขณะที่ พ.ต.ท.ไวพจน์จะออกหมายจับให้มารับฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 ม.ค.2563 หลังศาลอ่านคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลคุมตัวนายวรชัยและนายสำเริงส่งเข้าเรือนจำพิเศษพัทยาทันที

“ไวพจน์” ยันทำหน้าที่ถึง 15 ม.ค.

พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาออกหมายจับว่า ไม่ได้กังวลและยังทำหน้าที่ ส.ส.ต่อไป เพราะยังมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองอยู่

“สรศักดิ์” ชี้ไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ถือว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ยังมีสถานภาพ ส.ส.อยู่ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมา ยังสามารถประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 ธ.ค.ได้ โดยจำนวน ส.ส.ขณะนี้อยู่ที่ 498 คน ดังนั้น องค์ประชุมสภาฯจึงอยู่ที่ 249 เสียง อย่างไรก็ตาม แม้ พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังมีสถานภาพ ส.ส.อยู่แต่จะไม่ได้รับเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 เพราะมาตรา 125 หมายถึงห้ามจับกุมคุมขังระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี แต่ขณะนี้ถือว่ากระบวนการพิจารณาคดีสิ้นสุดแล้ว เหลือแค่อ่านคำพิพากษาเท่านั้น ไม่ได้เอกสิทธิ์คุ้มครองหากตำรวจพบตัวที่ใดจับได้เลยไม่จำเป็นต้องเป็นที่สภาฯ