“ปารีณา” มอบทนายฟ้อง “วีระ” และ “อัจฉริยะ” แจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท ท้าแสดงหลักฐานที่กล่าวอ้าง ยังไม่ฟ้องอธิบดีกรมป่าไม้ รอดูท่าทีก่อน ส่วนที่เกินมา 1,000 กว่าไร่นั้น เป็นแค่การแจ้งซ้ำ
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เดินทางนำหลักฐานมายื่นฟ้อง นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ในความผิดฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท กรณี นายวีระ แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี กล่าวหาว่า น.ส.ปารีณา บุกรุกพื้นที่ป่า และยังฟ้องให้ดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ฐานหมิ่นประมาท กรณีให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องการบุกรุกที่ ทำให้น.ส.ปารีณา เสื่อมเสียชื่อเสียง
...
ทั้งนี้ นายธีรยุทธ ระบุว่า การฟ้องต่อศาลวันนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ได้พิสูจน์ความจริงในประเด็นที่คลาดเคลื่อนต่อสังคม กรณีการกล่าวหาว่าที่ดินของ น.ส.ปารีณา ในพื้นที่ จ.ราชบุรี มีการแบ่งออกเป็น 3 แปลงย่อย มาให้สัมภาษณ์ และแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งหากเป็นความจริงในประเด็นนี้ นายวีระ ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าที่ดินดังกล่าวก่อนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 แปลง จะต้องมีสภาพเป็นที่ดินผืนใหญ่ หากไม่ใช่ก็จะถือว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งวันนี้จะชี้ให้ศาลเห็นถึงประเด็นการหมิ่นประมาท อีกทั้ง ประเด็นเรื่องการเหยียดหยามดูถูกด้วย เพราะมองว่าการทำงานสาธารณะไม่ควรมีการกระทำแบบนี้ เพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนกรณีที่ นายวีระ และนายอัจฉริยะ ลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ซึ่งเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวนั้น จะยังไม่ยื่นฟ้องในสำนวนนี้ แต่ยอมรับว่ามีการเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานไว้ เชื่อว่า นายวีระ รู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายบุกรุกหรือไม่ เพราะหากที่ดินบริเวณที่เข้าไปเป็นที่สงวนหวงห้าม ถ้าเข้าไปก็ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว
ขณะที่เรื่องการฟ้องร้อง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เกินกว่า 80% แล้ว และการแถลงของอธิบดีกรมป่าไม้ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีหลายจุดก็ตรงกับพยานหลักฐานที่เตรียมไว้ แต่ยังรอดูท่าทีของอธิบดีกรมป่าไม้ก่อนว่าจะให้ข้อมูลอย่างไรกับคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแผนที่ หากกลับมาเข้าสู่ระบบราชการ การตรวจสอบเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องก็อาจจะไม่ฟ้อง แต่หากอธิบดีกรมป่าไม้ ล่วงล้ำสิทธิของ น.ส.ปารีณา ก็จะยื่นฟ้องทันที
สำหรับกรณีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ทนายความยืนยันว่า น.ส.ปารีณา ไม่เคยปกปิด ส่วนพื้นที่ที่เกินมากว่า 1,000 ไร่นั้น จากการตรวจสอบของทีมทนายความพบว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทีมงานในการแจ้งซ้ำของการชำระภาษี แต่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน คือ ภ.บ.ท.5 ที่ได้ยื่นเสียภาษีในปี 2549 ได้แจ้ง ป.ป.ช. ซ้ำซ้อนกับเอกสาร ภ.บ.ท.5 ที่ได้ยื่นเสียภาษีในปี 2553 ทำให้จำนวนเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 กว่าไร่ ทั้งที่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่รวมประมาณ 600 กว่าไร่ จึงไม่ได้เป็นการแจ้งทรัพย์สินเท็จ และเชื่อว่าไม่มีปัญหาต่อการชี้แจงกับ ป.ป.ช. ในอนาคตแน่นอน.