“ประยุทธ์” ซัด ไม่ใช่เวลามารณรงค์ “เลิกเกณฑ์ทหาร” ย้ำ ความมั่นคงและเสถียรภาพประเทศสำคัญที่สุด ยัน ระบบที่มีอยู่เป็นทางเลือก เข้าเป็นทหารมีโอกาสได้เป็นนายพันเหมือนกัน
วันที่ 28 พ.ย. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอ พ.ร.บ.รับราชการทหารฯ ให้ใช้ระบบการสมัครใจแทนการเกณฑ์ทหาร ว่า อยากให้มองว่าทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการเกณฑ์ทหาร ถ้าเสนอมาแบบนี้แล้วจะตอบได้อย่างไรว่าการมีส่วนร่วมและความมั่นคงของประเทศอยู่ตรงไหนเพราะเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน และไม่ใช่ชายไทยทุกคนต้องมาเป็น เพียงแค่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินไว้ แต่ละคนยังมีทางเลือกอีก ถ้าทุกคนจบการศึกษา จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาการ (นศท.) ก็ไม่ต้องเกณฑ์ ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้ามาเป็นนายทหารได้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันกองทัพมียอดความต้องการทหารทั้งหมด 1 แสนกว่านาย และประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นอยู่แล้ว ที่เหลือจึงใช้การเกณฑ์ทหาร จับใบดำ-ใบแดง เป็นทางเลือกที่มีอยู่หลายทางเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้คือการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ในการตัดสินตัวเอง ขอให้ทุกคนได้ร่วมมือกัน ถ้ายกเลิกไปแล้วอันตรายจะเกิดขึ้น ใครจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ การป้องกันประเทศไม่ได้มีแค่พลทหาร แต่มีนายทหาร นายสิบ เป็นผู้มีบทบาทนำในการปฏิบัติการสู้รบ จำเป็นต้องมีลูกชุด ลูกหมู่ ลูกหมวด ถ้ามีแต่เฉพาะนายทหาร นายสิบ จะทำอะไรสำเร็จได้บ้าง ก็ต้องมีลูกมือ มีแรงงานสำคัญที่ต้องผสมผสานกันในเรื่องของการฝึก การสู้รบ
สำหรับการฝึกสู้รบนั้น ไม่ใช่ฝึกแค่เดือนเดียวแล้วไปรบได้ ต้องใช้ระยะเวลาการฝึก 2 ปี และต้องคัดเลือกคนเวลาไปชายแดน บางคนเป็นทหารแล้วแต่ไปชายแดนไม่ได้ เพราะไม่เข้มแข็งพอ แม้จะผ่านการฝึกตามเกณฑ์ 10 สัปดาห์ไปแล้วก็ตาม การคัดเลือกคนไปชายแดน หรือไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจรุกรบ ไม่เช่นนั้นพอมีเสียงปืนก็ทิ้งอาวุธหนีกันหมด ดังนั้นต้องใช้เวลาในการฝึกอบรม สร้างความมั่นใจเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ ในการออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วให้เขาปลอดภัย นั่นเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า หรือในกรณีที่ต้องใช้วิธีการจ้างทั้งหมด ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าไร เราพร้อมหรือยังที่จะมีเงินงบประมาณขนาดนั้น ต่างจากประเทศสหรัฐฯ ที่มีงบประมาณในการตอบแทนเงินเดือน และสวัสดิการมากพอ สำหรับประเทศไทยมีหลายกองกำลัง มีทหารนอนอยู่ที่ชายแดนเป็นหมื่นนายในแต่ละวัน ถามว่าถ้าพลทหารมีน้อยจะได้หรือไม่ ซึ่งพลทหารเมื่อทำหน้าที่แล้วอยากจะรับราชการเขาก็สมัครเป็นนายสิบต่อไปได้ ในปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว พอเป็นนายสิบ ก็ขยับขึ้นเป็นนายทหาร เป็นพันโท พันเอก อยู่แล้ว
...
“ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาต่อสู้กันในขณะนี้ เป็นการรณรงค์ในสิ่งที่ผิด ผมถามประเทศรอบบ้านเรา เขาก็มีอยู่ทุกประเทศ ถ้าวันข้างหน้ามีน้ำท่วม ภัยพิบัติ จะใช้กำลังพลจากไหน กองทัพมีคนที่มีระเบียบวินัย มียานพาหนะพร้อมอยู่ในค่าย เมื่อเกิดภัยพิบัติก็พร้อมออกไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ต้องคิดในมุมกว้างๆ แบบนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไปไม่ได้ทั้งหมด อะไรที่มีอยู่แล้วก็ทำให้ดีต่อไป ไม่ใช่ยกเลิกทั้งหมด แล้วไปทำใหม่ทั้งหมด มันทำไม่ได้ทุกอย่าง ซึ่งเราก็แก้ปัญหามานานแล้ว ระบบนี้ก็สร้างมานานแล้ว ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เราเข้มแข็งมาโดยตลอด แล้วเราจะไปลดความเข้มแข็งของเราได้อย่างไร เมื่อความมั่นคงคือพื้นฐานของเศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงของประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า การมาบอกว่าไม่มีการสู้นั้น ก็ใช่ แต่ก็มีการกระทบกระทั่งกันอยู่ ทั้งทางเรือ บก อากาศ ปัญหาในทะเลจีนใต้ก็ยังมีอยู่ วันนี้ก็มียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกเข้ามาอีก ประเทศมหาอำนาจก็จะเข้ามา เราต้องสร้างสมดุลไว้ให้ได้ ดังนั้น เราต้องมีกำลังพลที่เข้มแข็ง มีการหารือในระดับของอาเซียน ในระดับรัฐมนตรีกลาโหม ถ้าเราไม่มีความพร้อมเหล่านี้ การฝึกร่วมทางทหารก็เข้าร่วมกับเขาไม่ได้ แล้วเราจะอยู่อย่างไรในโลกใบนี้ จึงอยากฝากไว้ด้วยกับคนที่คิดเรื่องเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหานี้ได้
เมื่อถามว่าการณรงค์เรื่องนี้ถือว่ากระทบความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาถามเลย เท่าที่พูดทั้งหมดก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ากระทบหรือไม่ ความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศสำคัญที่สุด สำคัญกว่าอย่างอื่นด้วยซ้ำไป ถ้าตรงนี้ไม่สงบ บ้านเมืองตีกันไป ตีกันมา วุ่นวายทั้งการเมือง ความมั่นคงก็กระทบไปหมด แล้วใครอยากจะมาคบค้าสมาคมกับเรา ทั้งที่เรามีโอกาส ศักยภาพมากมาย เราไม่ร่วมมือกัน ทำอะไรก็ตำหนิไปหมด ถามว่าสิ่งที่ท่านตำหนิอยู่นั้นท่านเคยทำมาหรือไม่ ซึ่งท่านก็เคยทำมา รัฐบาลนี้ก็ได้ทำสิ่งใหม่ๆ เหมือนกัน เช่น การสร้างความเข้มแข็ง การนำคนมาฝึก มาเรียนรู้ออนไลน์ก็ทำหมด เรื่องพัฒนาแรงงานก็มี.