“มงคลกิตติ์” ยอมรับผิดพลาด อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้คนนำสารประกอบระเบิดเข้ารัฐสภา อ้อนเข้าพบขอโทษประธานสภาฯ ปัดมีเอี่ยวเซ็งลี้เครื่องตรวจบึมมะกัน “ชวน” เสียงเข้มว่าไปตามผิดตามถูก เตือนสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นแบบอย่างเคารพกฎหมาย “บิ๊กตู่” ไม่ยุ่งให้สภาฯจัดการ เด็ก อนค.ประณามปั่นกระแสตัวเอง ไล่ทบทวนบทบาท “เต้” งานงอก ป.ป.ช.เรียกเคลียร์พระเครื่องราคาแพงเว่อร์ “นายกฯตู่” ไม่ขัดข้องเข้าพบกมธ.ป.ป.ช.ลั่นถึงเวลาจะตัดสินใจเอง ส่งปลัดกลาโหม-เสธ. 3 เหล่าทัพตอบคำถาม กมธ.ทหาร แทงกั๊กไม่แจงรายละเอียด “ประเสริฐ” เซ็งกองทัพถูกใบสั่งปิดปากอ้างเป็นเรื่องลับความมั่นคง ครบ 1 ปี พรรคประชาชาติ “วันนอร์” เดินหน้าชนอำนาจนิยมเผด็จการ หดหู่อำนาจนอกระบบ ซัดผู้นำเป็นประชาธิปไตยมืดคล้ำ จริยธรรมอำพราง

จากกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำสารประกอบวัตถุระเบิดมาแถลงข่าวในบริเวณรัฐสภา ล่าสุดนายมงคลกิตติ์ได้ออกมายอมรับผิดพลาดอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมขอเข้าพบขอโทษนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

...

“มงคลกิตติ์” รับผิดโร่ขอโทษ ปธ.สภาฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวกรณีที่แถลงข่าวเกี่ยวกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่จากบริษัทในสหรัฐอเมริกาในพื้นที่รัฐสภาว่า วันที่ 1 พ.ย. จะเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอโทษที่ไม่ขออนุญาตนำสารประกอบระเบิดเข้ามาแถลงภายในรัฐสภา โดยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากประธานสภาฯจะตัดสินลงโทษอย่างไรพร้อมยอมรับ เพราะนายชวนเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่ง แต่หลังจากนี้จะรอบคอบมากขึ้นในการขออนุญาตรัฐสภาเพื่อแถลงข่าว

ปัดมีเอี่ยวขายเครื่องตรวจบึมมะกัน

นายมงคลกิตติ์กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าเหตุผลที่นำสารประกอบระเบิดมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 ต.ค.เพราะปัจจุบันระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐสภายังไม่ดีพอ อยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะรัฐสภาคือศูนย์รวมของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ระบบการรักษาความปลอดภัยต้องสูงสุดเหมือนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำสารประกอบระเบิดเข้ามาด้วย เป็นความหวังดีของลูกน้องตนที่อยากจะทดสอบข้อเท็จจริงว่าเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดของสหรัฐฯนำมาใช้งานได้จริงหรือไม่ จึงประสานเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยทดสอบ จะขอพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนยันว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อีโอดี เป็นการกระทำตามที่ตนร้องขอในฐานะกรรมาธิการการทหาร ส่วนข้อวิจารณ์ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์จากบริษัทขายเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดของสหรัฐฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีผลประโยชน์ใดกับบริษัท ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เพิ่งเจอเจ้าหน้าที่บริษัทดังกล่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ต.ค. พร้อมการแถลงข่าว หากสภาฯจะซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจากบริษัทดังกล่าวจริง ต้องมีระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว

“ชวน” ว่าตามผิดถูก สภาเป็นตัวอย่าง ปชช.

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า ยินดีหากนายมงคลกิตติ์จะเข้ามาพบ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มา และยังไม่รู้ว่านายมงคลกิตติ์จะมาเข้าพบเรื่องอะไร แต่หากเป็นเรื่องวันที่ 30 ต.ค. ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลความเรียบร้อยไปดูว่าการกระทำของนายมงคลกิตติ์ผิดหรือไม่ ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ทั้งนี้เคารพสมาชิกทุกคน แต่อยากขอร้องให้ทุกคนอยู่ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ สภาฯต้องเป็นตัวอย่าง เพราะเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายบังคับคนทั้งประเทศ ต้องเป็นตัวอย่างการเคารพกฎหมายบ้านเมือง เป็นแบบอย่างให้ประชาชน เมื่อถามย้ำว่าจะต้องดำเนินการต่อนายมงคลกิตติ์ตามกฎหมายหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า นายมงคลกิตติ์ได้กล่าวขอโทษและบอกเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นายชวนไม่ได้ตอบคำถาม แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป

“บิ๊กตู่” บอกไม่ยุ่งให้สภาฯจัดการไป

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ โดยหัวเราะแล้วกล่าวว่า ทราบว่าประธานสภาฯสั่งตรวจสอบแล้ว ต้องไปดูเจตนาว่าคืออะไร ยังไม่รู้เหมือนกัน จะถูกหรือผิดเป็นเรื่องทางกฎหมาย กฎระเบียบของรัฐสภามีอยู่ อาจมองคนละมุม นายมงคลกิตติ์อาจมองในแง่ของตัวอื่น อาจลืมดูข้อกฎหมายและกฎระเบียบของสภาฯหรือเปล่าตนไม่รู้ ต้องไปตัดสินกันเอาเอง คงไม่ไปเกี่ยวข้อง การรักษาความปลอดภัยคงไม่ต้องไปปรับอะไรกันใหม่ มันคงไม่มีเหตุการณ์ซ้ำสองแบบนี้อีก ขึ้นอยู่กับคนที่นำเข้าไป อยากฝากไปถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นใคร ต้องคิดให้รอบคอบ เวลาที่จะทำอะไร อาจหวังดี หรือไม่หวังดี แต่ต้องมองด้วยว่ามันอาจกระทบกับอย่างอื่นด้วย ขออย่าให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไรเลย

ถ้ามีข้อมูลโจรใต้ขึ้น กทม.ให้บอก จนท.

เมื่อถามถึงที่กรณีนายมงคลกิตติ์ระบุมีกลุ่มผู้ก่อเหตุจากภาคใต้ขึ้นมาในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว่า 100 คน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้นายมงคลกิตติ์แจ้งมาแล้วกัน เรามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมายดูแลอยู่ การไปพูดเช่นนี้หากไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริงจะมีปัญหา พูดแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไร สิ่งต่างๆและข้อมูลแบบนี้ควรให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคงดูแล ทั้งในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ถ้ามีข้อมูลขอให้มาแจ้งกับหน่วยงานความมั่นคงพูดคุยกัน มาพูดออกสื่อแบบนี้จะได้เรื่องหรือไม่ สื่อเองไม่ควรนำเรื่องเหล่านี้ไปขยายความต่อ เพราะบางครั้งเป็นการพูดเอามันหรือเปล่าไม่รู้ ขอให้เตือนๆกันบ้าง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าพอแล้ว ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อ นายกฯ ตัดบทว่า “เหนื่อยแล้ว”

“บิ๊กป้อม” โบ้ย ตร.สอบ “เต้ ทีเอ็นที”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องของนายมงคลกิตติ์ เป็นเรื่องของตำรวจจะสอบสวน ต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่ามีความผิดหรือไม่ จากนั้นตำรวจคงจะแถลงให้ทราบเอง เมื่อถามว่านายมงคลกิตติ์อ้างฝ่ายข่าวความมั่นคง ระบุพบมีผู้ก่อความไม่สงบจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมา กทม.เป็น 100 คน พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “เขารู้เรื่องหรือ เรื่องภาคใต้ ผมเป็นคนทำอยู่” ผู้สื่อข่าวถามถึงการดูแลความเรียบร้อยการประชุมผู้นำอาเซียนในเดือน พ.ย. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราดูแลความเรียบร้อยได้แน่นอน

อนค.ประณาม “ส.ส.เต้” ทำแตกตื่น

นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ขอประณามนายมงคล-กิตติ์ที่สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เพราะการนำไนโตรเจนผงที่เป็นสารประกอบผลิตระเบิด และเป็นวัตถุต้องห้ามเข้ามาในรัฐสภาเป็นสิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ถือเป็นการกระทำที่ต้องการสร้างกระแสให้ตัวเอง ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเรื่องความมั่นคง และความเชื่อมั่นในเรื่องต่างๆต่อประเทศ ซ้ำเติมประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจแย่อยู่แล้ว อยากให้นายมงคลกิตติ์นำสิ่งที่เกิดขึ้นไปทบทวนบทบาทของการเป็น ส.ส.ของตนเอง เพื่อช่วยทำให้การเมืองมีความสร้างสรรค์อย่างที่ประชาชนต้องการด้วย

ยื่นถาม มทภ.4 ปม 100 โจรใต้เข้ากรุง

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่ากรณีนายมงคลกิตติ์กล่าวอ้างมีกลุ่มผู้ก่อการร้าย 100 คน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ หากข้อมูลที่กล่าวอ้างเป็นจริงต้องขอขอบคุณแทนประชาชนในพื้นที่ แต่ถ้าไม่มีมูลความจริงต้องขอประณามนายมงคลกิตติ์ จะทำหนังสือถึง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้ตรวจสอบข้อมูลที่นายมงคลกิตติ์กล่าว อ้างว่าได้รับแจ้งผ่านหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ การให้ข่าวเช่นนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อหน่วยงานความมั่นคง การข่าว หน่วยข่าวกรอง ที่สำคัญซ้ำเติมประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้มานานกว่า 15 ปี การจะพูดอะไร ควรนึกถึงประชาชนคนไทยในพื้นที่กว่า 2.5 ล้านคนด้วย เพราะเป็นเรื่องเปราะบางอย่างยิ่ง

บช.น.สอบอีโอดีนำสารบึมเข้าสภาฯ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าไปตรวจสารระเบิดในรัฐสภาประกอบการแถลงข่าวของนายมงคลกิตติ์ ว่า เจ้าหน้าที่อีโอดีได้เข้าไปโดยมีนายทหารใน กมธ.การทหาร ประสานขอให้นำสารระเบิดเพื่อมาพิสูจน์ จึงนำสารดังกล่าวเข้าไปตามที่ กมธ.ประสานมา ไม่คิดว่าจะนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองอย่างที่เป็นข่าว บช.น.ได้สั่งสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนว่า ในส่วนที่มีการประสานให้นำสารระเบิดเข้าไปในรัฐสภาทำได้หรือไม่อย่างไร ผบ.ตร.ไม่ได้สั่งการเป็นพิเศษ เป็นหน้าที่ ผบช.น.ส่วนที่มีการสาธิตเครื่องตรวจเอกซเรย์ระเบิด ที่โรงแรมพลาซ่าแอท-ทินี และอิมแพคเมืองทองธานี สถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนไม่ได้เกี่ยวกับที่รัฐสภา แต่เป็นการตรวจสอบตามวงรอบสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เข้ามาร่วมประชุม

ป.ป.ช.เรียก “เต้” แจงราคาพระเครื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.โดยระบุมีรายการพระเครื่องชื่อดัง อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำมูลค่า 50 ล้านบาท พระร่วงหลังรางปืน จ.สุโขทัย มูลค่า 12 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ มูลค่า 30 ล้านบาท ถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการตั้งราคาทรัพย์สินสูงเกินจริงนั้น ล่าสุด ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือถึงนายมงคลกิตติ์เชิญมาชี้แจงต่อสำนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ช.ในวันที่ 7 พ.ย.เพื่อขอทราบถึงมูลค่าราคาพระเครื่องที่แท้จริง พร้อมให้นำพระเครื่องมาแสดงต่อ ป.ป.ช.ด้วย โดยสำนักตรวจสอบทรัพย์สินจะตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินตามที่แจ้งมาจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องมูลค่าจะต้องดูว่ามีความน่าเชื่อมากน้อยเพียงใด หรือมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่

“บิ๊กตู่” ไฟเขียว ลต.ท้องถิ่นปีหน้า

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบฯ 62 โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า คำว่าบริหารจัดการที่ดีครอบคลุมหลายอย่าง ทั้งองค์กร บุคลากร แผนงานโครงการ รัฐบาลยืนยันจะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นระยะ เนื่องจากตนให้ความสำคัญกับท้องถิ่น เราจะมีการเลือกตั้งในปีหน้านี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมค่อยมีการเลือกตั้ง รัฐบาลนี้ยืนยันว่าไม่ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น แต่จะสนับสนุนเรื่องการทำงานให้ได้มากที่สุด คำนึงถึงความต้องการของพื้นที่และประชาชน นำเข้าสู่การพิจารณาเป็นขั้นเป็นตอน เข้าใจดีว่าส่วนกลางกำหนดลงไปเพียงฝ่ายเดียวมันทำไม่ได้มากนัก โลกวันนี้ต้องฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย สัญญาว่ารัฐบาลนี้ยืนยันจะให้การสนับสนุนการทำงานของ อปท.อย่างเต็มที่ ให้เดินหน้าต่อไปได้เพื่อประเทศและประชาชนของเรา หวังว่า อปท.ทุกแห่งจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

รอ กกต.เคาะวัน–ใครมาเป็น รบ.ก็หนุน

จากนั้นเวลา 10.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเริ่มจากส่วนใดก่อนว่า คณะกรรมการกำลังหารือกันอยู่ ดูกฎหมายดูความพร้อม วันนี้คงไม่ติดขัดอะไร ทำงานกันไป รัฐบาลมีแผนงานที่ชัดเจน งบประมาณกำลังออกมาจะเดินหน้าไปได้ ส่วนใครจะเป็นไม่เป็น ถ้าเรายึดมั่นในหลักการว่าเรายึดแนวทางยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปของเราใครจะเป็นก็ได้ แต่ต้องเป็นคนตั้งใจมั่นตั้งใจดี ในเมื่อได้รับความเห็นชอบของประชาชนมาแล้วต้องทำตัวให้ดีที่สุด และการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณอย่างเดียว มีเรื่องอื่นด้วย ความพร้อมมีหลายมิติ ทั้งกฎหมาย การเตรียมการเลือกตั้งที่ กกต.ต้องกำหนดอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรวันนี้ก็มีคนทำงานอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะจัดการเลือกตั้ง กทม. หรือ อบจ.ก่อน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ายังไม่ได้รับรายงานขึ้นมา หน่วยงานที่ดูแลต้องตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องที่นายกฯต้องตัดสินใจ เป็นเรื่องของท้องถิ่นเป็นการเลือกตั้งตามกฎหมายอยู่แล้ว

ถึงเวลาตัดสินใจเองไม่ขัดข้องแจง กมธ.

เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร จะทำหนังสือเชิญนายกฯ อีกครั้งให้ไปชี้แจงการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลัง ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบว่า วันนี้พูดกันมาหลายทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของฝ่ายกฎหมาย ส่วนตัวไม่มีข้อขัดข้องอะไร เพียงแต่ต้องไปดูว่าประเด็นที่สอบถามและเรียกไปชี้แจงนั้นเป็นอย่างไร รวมทั้งได้มีหนังสือสอบถามไป อะไรที่ซ้ำซ้อนกับของเดิมควรจะต้องหากันใหม่หรือไม่ ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน “ส่วนผมเองนั้นไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถึงเวลาผมก็จะตัดสินใจของผมเองได้ อย่าเพิ่งมาถามกันทุกวันเลย เวลายังมีอยู่”

เผยนายกฯแคนาดางดถกอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดาโทรศัพท์มาพูดคุยกับตนระบุว่าติดปัญหาภายในประเทศ ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตที่ไทยเป็นเจ้าภาพได้ แต่จะมีผู้แทนมาร่วมประชุม แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่มีต่อกันระหว่างเราและแคนาดา และแคนาดากับอาเซียน ส่วนการยกเลิกการประชุมเอเปกประจำปี 2019 ที่ประเทศชิลี ทางชิลีแจ้งเข้ามาแล้ว มีการประท้วงและค่อนข้างมีความรุนแรงเกิดขึ้นด้วย จึงขอเลื่อนไปก่อน

พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ คณะทำงานนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความยินดีที่นายจัสตินชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายกฯแคนาดาเสียใจที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ได้ มีภารกิจสำคัญจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายกฯแคนาดายืนยันจะร่วมมือกับไทยส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านต่างๆให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ตอนท้ายนายกฯกล่าวถึงความประสงค์อยากให้แคนาดาพิจารณาความร่วมมือในรูปแบบ Thailand+1 ตลอดจนความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคมากขึ้น

“บิ๊กตู่” ถวายกฐินหลวงวัดพระราม 9

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปเป็นประธานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2562 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและประชาชนเข้าร่วม โดยนายกฯได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วนำผ้าพระกฐินพระราชทานเข้าสู่พระอุโบสถ วางบนพานแว่นฟ้า พร้อมถวายเครื่องบริวารกฐิน ทั้งนี้ ยอดเงินถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำนวน 6,047,842 บาท

“นิพิฏฐ์” ติง กมธ.จะติดคุกก่อนเรียกนายกฯ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ระวังกรรมาธิการจะติดคุกเสียเอง” ใจความว่ามีวิวาทะระหว่างกรรมาธิการ ป.ป.ช.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ว่าหากเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม มาชี้แจงแล้วนายกฯไม่มาตามมาตรา 13 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับไม่เกิน 5,000 บาท แต่ กมธ.คงอ่าน พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะ กมธ.ของสภาฯและวุฒิสภา พ.ศ.2554 ไม่ครบ ในมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.นี้ระบุโทษของกรรมาธิการเอาไว้ว่า หาก กมธ.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เช่น แกล้งเชิญเขามาไม่มีเหตุผลมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายลงโทษ กมธ.ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไว้หนักกว่าโทษผู้ไม่มาชี้แจงโดยไม่มีเหตุผลเสียอีก ดูเหตุผลการเชิญนายกฯมาชี้แจงแล้ว ยังไม่มีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ หากว่ากันจริงๆ ตนว่ารายการนี้กรรมาธิการจะติดคุกเสียก่อนล่ะมั้ง?

ปลัด กห.–เสธ.3 เหล่าทัพพบ กมธ.ทหาร

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร จากนั้นเวลา 14.45 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษก กมธ.ทหาร เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมเสนาธิการของ 3 เหล่าทัพ มาชี้แจง กมธ.แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ถึงการใช้งบฯของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และการซ่อมบำรุง ที่ประชุมพอใจภาพรวมการชี้แจง ปลัดกระทรวงกลาโหมได้ย้ำว่า กองทัพมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน ทั้งยามสงบและศึกสงคราม พร้อมทั้งยืนยันว่าจะใช้งบฯอย่างเหมาะสม ไม่มีการทุจริต แต่ยังมีกรรมาธิการบางคนติดใจซักถามเพิ่มเติม เพราะปลัดกระทรวงกลาโหมไม่ได้บอกรายละเอียดว่า จะจัดซื้อยุทโธปกรณ์อะไรอย่างไรบ้าง ให้เหตุผลว่าเป็นความลับด้านความมั่นคง จะขอไปชี้แจงใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ขณะที่เสนาธิการทหารทั้ง 3 เหล่าทัพต่างยืนยันลักษณะเดียวกัน ที่ประชุมถือว่าได้รับทราบรายละเอียดพอสมควรแล้ว เห็นว่า ส.ส.แปรญัตติปรับลดงบฯในร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ได้อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเชิญ พล.อ.ประยุทธ์รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องมาชี้แจงด้วยตนเองอีก

เซ็งกองทัพปิดปากอ้างความมั่นคง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.ทหาร กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ทหารได้เชิญปลัดกระทรวงกลาโหม และเสนาธิการเหล่าทัพมาชี้แจงข้อสงสัยกรณีงบฯกระทรวงกลาโหม 233,000 ล้านบาทในร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 หลายรายการไม่ได้แจกแจงรายละเอียดการใช้งบฯ โดยเฉพาะงบฯจัดซื้ออาวุธ งบฯปรับปรุงสมรรถนะกองทัพที่เขียนแค่บรรทัดเดียว แต่จากการสอบถามเสนาธิการทุกเหล่าทัพที่มาชี้แจงต่างไม่ยอมชี้แจงให้ กมธ.ทหารรับทราบ เหมือนมีสัญญาณบอกมาว่าไม่ให้พูด บอกเพียงสั้นๆว่าเป็นเรื่องความมั่นคง จะไปชี้แจงรายละเอียดต่างๆต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 เท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว กมธ.ทหารมีสิทธิรับรู้ข้อมูล ดังนั้น กมธ.ทหารจึงแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยในการเชิญกองทัพมาชี้แจงในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องงบกองทัพไปแปรญัตติอภิปรายในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณวาระ 2 ต่อไป

กมธ.จ่อตั้ง 5 อนุ กมธ.หั่นเกลี่ยงบฯ

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 แถลงว่า กมธ.พิจารณางบฯกระทรวงพาณิชย์เสร็จแล้ว ตั้งข้อสังเกตศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) ขอรับจัดสรร 252,138,900 บาท ว่ามีเป้าหมายส่งเสริมกิจกรรมการตลาดทั้งในและต่างประเทศผ่านช่องทางการจำหน่ายสินค้าของ ศ.ศ.ป. 190,590,000 บาท มีผลประกอบการต่ำกว่างบฯที่ได้รับหรือไม่ แผนบูรณาการ ศ.ศ.ป. 14 โครงการ ทุกโครงการขอรับจัดสรรงบฯเท่ากันหมด โครงการละ 979,200 บาท เป็นโครงการฝึกอบรมที่โอนเปลี่ยนแปลงไปใช้จ่ายโครงการอื่นได้ กมธ.ยังไม่มีพิจารณาปรับเกลี่ยจะรอคณะอนุ กมธ.ที่จะตั้งขึ้น 5 ชุดในสัปดาห์หน้า คือ 1.คณะอนุ กมธ.ฝึกอบรมสัมมนา ประชา-สัมพันธ์ 2.คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ที่ดินสิ่งก่อสร้างและรัฐวิสาหกิจ 3.คณะอนุ กมธ.ท้องถิ่นจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด 4.คณะอนุ กมธ.การศึกษาและทุนหมุนเวียนการศึกษา 5.คณะอนุ กมธ.แผนงานบูรณาการด้าน ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

พท.โต้หั่นงบฯไม่เกี่ยวผู้นำเป็นใคร

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุให้ ผบ.เหล่าทัพเตรียมชี้แจงงบฯเพราะอาจโดนหนักเพราะนายกฯมาจากทหารว่า นายกฯ เข้าใจผิดหรือสื่อสารไม่ครบ การตรวจสอบปรับลดงบฯ หนักหรือไม่หนัก ไม่ได้มาจากมีนายกฯเป็นทหารหรือพลเรือน แต่ต้องตรวจสอบการจัดสรรให้เหมาะสม เอื้อต่อการเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ งบฯกระทรวงกลาโหมหรือกองทัพสูงมาตลอด จัดสรรแบบขาดเป้าหมายหรือยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ยังคงวนเวียนอยู่กับการสร้างความเข้มแข็งของกองทัพ มากกว่าการเอาตัวรอดทางเศรษฐกิจ

เย้ย “ทรัมป์” เมินสัมพันธ์มะกันย่ำแย่

น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมอาเซียนซัมมิตที่ไทยเป็นเจ้าภาพเป็นการใช้ไม้แข็งหักดิบความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐฯ รวมถึงการระงับจีเอสพีสินค้าไทยเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับไทยเหมือนเคย แม้เกิดจากหลายปัจจัย แต่อาจมาจากจุดยืนด้านการต่างประเทศที่ดูเหมือนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญกับจีนเป็นพิเศษ โดยไม่มีแนวทางรองรับผลกระทบที่จะตามมาเป็นระลอกจากการแย่งชิงอำนาจ 2 ชาติ มหาอำนาจ

“สมคิด” รัวใส่หมดยุคใช้งบฯมั่วซั่ว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลใช้วิธีการพวกมากลากไปเสนอกฎหมายหรือญัตติไม่ให้ความสำคัญกับการทักท้วงของฝ่ายค้าน ใช้อำนาจจนติดเป็นนิสัยไม่ฟังเสียงใคร ทั้งที่เสียงปริ่มน้ำ หลายโครงการซ้ำซ้อน เปลืองเงินภาษีโดยใช่เหตุ งบฯไขมันส่วนเกิน กมธ.งบฯซีกฝ่ายค้านตรวจสอบปรับลดนำส่วนเกินเอาไปให้ส่วนที่จำเป็น จากเดิม พล.อ.ประยุทธ์ใช้งบฯอย่างไรก็ได้ อยากซื้ออาวุธก็ซื้อ รถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำ สมัยนี้มี ส.ส.คงทำตามใจตัวเอง มั่วเอาภาษีไปใช้เหมือน ที่ผ่านมาคงไม่ได้

“พิชัย” ชี้ถูกปิดปากวิจารณ์ ศก.แย่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขอบคุณสำนักงานอัยการที่มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปกนิตยสารไทม์และการดูด ส.ส. 4.0 เชื่อแต่แรกว่าไม่ผิด เพราะแสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้กล่าวถึง คสช. หวังว่า ผบ.ตร.จะเห็นด้วยกับสำนักอัยการและยุติเรื่องนี้ เพื่อจะได้ไม่ตอกย้ำการใช้กระบวนการยุติธรรมเกินขอบเขตกลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง เรื่องดังกล่าวเป็นความพยายามจะปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวระดับต่ำมาตลอด 5 ปีกว่า ตรงข้ามกับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พยายามแก้ตัวว่าการที่สหรัฐฯตัดจีเอสพีไทยเพราะเราโตแล้ว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมาพูดเสริมว่าไทยควรถูกตัดจีเอสพีนานแล้วเพราะไทยพัฒนาแล้ว เป็นการแก้ตัวแบบมั่วๆเพื่อเอาตัวรอด ทั้งที่เป็นความเสียหายของประเทศ โดยไม่พูดถึงสาเหตุที่แท้จริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่าเดิม

“วันนอร์” พุ่งชนอำนาจนิยมเผด็จการ

ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 09.30 น. พรรคประชาชาติ จัดงานครบรอบ 1 ปี วันสถาปนาพรรคประชาชาติ มีแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคเข้าร่วมจำนวนมาก โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า พรรคประชาชาติรักประชาธิปไตย เคารพกติกาและประสงค์จะอยู่ร่วมกันแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเชื่อว่าประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งสันติ มีผู้นำทางการเมืองที่มีจิตสำนึกเข้าใจวัฒนธรรมของความเป็นประชาธิปไตย ต้องไม่คิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของคนเพียงคนเดียว กลุ่มเดียว หรือคิดเพียงแค่ประชาชนเป็นลูกจ้างและผู้พลอยอาศัย ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่แยแสต่อความรู้สึกของผู้อื่น พวกอำนาจนิยมเผด็จการมักจะไม่ยอมรับรู้ระบบการปรึกษา เพราะเชื่อว่าวิถีชีวิตจริงต้องอยู่ภายใต้คำสั่งหรืออำนาจของตน ดังนั้น สมาชิกพรรคประชาชาติ ต้องกล้าหาญที่จะสะท้อนปัญหา หรือสารทุกข์สุกดิบของประชาชน มีความองอาจที่จะตรวจสอบรัฐบาลตามภารกิจหน้าที่และต้องคิดถึงประชาชนเป็นสำคัญ

หดหู่ผู้นำ ปชต.มืดคล้ำจริยธรรมอำพราง

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ที่น่าหดหู่ 3 ประการ คือก่อนเลือกตั้งพรรคการเมืองแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์กับฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่หลังเลือกตั้งมีพรรคที่เคยปฏิเสธลงมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯโดยไม่บอกเหตุผลต่อประชาชน เป็นปรากฏการณ์ไร้สัจจะและบกพร่องทางจริยธรรม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯได้กล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด มีคนทักท้วงกลับไม่แยแสไม่สนใจ การประพฤติตนของ พล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นประชาธิปไตยนอกรัฐธรรมนูญ ผู้นำไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และประการที่ 3 พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่มีลักษณะปกปิดซ่อนเร้นเลื่อนลอย ไม่มีความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและยังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่แสดงที่มาของงบประมาณ และมักแสดงอารมณ์เพื่อกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนประเด็น เลี่ยงความจริงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าประชาธิปไตยมืดคล้ำจริยธรรมอำพราง

อัดทหารกลั่นแกล้งจับกุม ม.116

หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวอีกว่า ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นคือการแจ้งความดำเนินคดีกับพรรคการเมืองที่จัดกิจกรรมพบประชาชน ข้อหารุนแรงตามกฎหมายอาญามาตรา 116 พรรคไม่ต้องการให้จบหรือลงเอยเหมือนกับนายหะยี สุหลง นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวปัตตานี ที่ถูกข้อกล่าวหาเป็นกบฏจากที่เรียกร้องความเสมอภาค เสรีภาพทางศาสนาและการศึกษา ถูกเรียกไปชี้แจงหายสาบสูญไปพร้อมผู้ติดตาม 60 ปีแล้วยังหาศพไม่พบ เหตุการณ์วันที่ 28 ก.ย.62 ทำให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านตกใจกลัว แต่ฝ่ายค้าน 7 พรรคมีจุดยืนพร้อมแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐฐานแจ้งความเท็จ ในฐานะเจ้าบ้านอับอายที่เพื่อนฝ่ายประชาธิปไตยมาเยี่ยมบ้านได้รับข้อหาหรือคดีกลับไปเป็นของฝาก แทนที่จะกลับไปบอกกับครอบครัวว่าสามจังหวัดใต้ น่าอยู่ คนน่ารัก

“ทวี” ปลุกลบล้างระบบใช้ปืนพ้นสังคม

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ แสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “1 ปี พรรคประชาชาติกับการสถาปนาประชาธิปไตยที่ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม” ตอนหนึ่งว่า พรรคประชาชาติ มุ่งมั่นสร้างสันติสุขและความรัก ความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ปัจจุบันมีความแตกแยกในพื้นที่ต่างๆ สิ่งสำคัญสุดที่จะทำให้ความสามัคคีปรองดอง ทุกคนต้องใจกว้าง และมุ่งสร้างความเท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตย ใช้สันติวิธีและต้องพร้อมใจกันยุติหรือลบล้างระบอบเผด็จการที่ใช้ “ปืน” สัญลักษณ์ของการใช้กำลังให้หมดสิ้นจากสังคมไทย

พช.จวก รบ.แหล่งผลิตข่าวปลอม

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า คนในรัฐบาลอย่าให้ข่าวจนประชาชนคิดว่าเป็นแหล่งข่าวลวงข่าวปลอมเอง 2 วันที่ผ่านมาทั้งนายกฯ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจพูดเรื่องถูกสหรัฐฯตัดสิทธิจีเอสพี เพราะเศรษฐกิจโตขึ้นเป็นเรื่องน่าภูมิใจ พูดข้อเท็จจริงไม่หมดเข้าข่ายข่าวลวง ผู้บริหารประเทศต้องพูดให้ครบทุกด้านทั้งดีและไม่ดี บอกวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่พูดแก้ตัวปัดความผิดพลาดให้พ้นไป หากเศรษฐกิจเติบโตดีประชาชนทุกคนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้โฆษกรัฐบาลหรือคนในคณะรัฐบาลออกมาบอกว่า “อย่าเชื่อข่าวลวงข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดี” ขณะนี้มีข่าวฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจรายวัน มีการแจกเงินชิมช้อปใช้ กระตุ้นเศรษฐกิจ มีปริมาณคนจนเพิ่ม ยอดค้าขายลดลงสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย ประชาชนรับรู้ได้เอง การมาบอกประชาชนอย่าเชื่อข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดี คือข่าวปลอมหรือข่าวเท็จจากภาครัฐในสายตาประชาชน

“ฐนภัทร” รับได้ถูกขับอึดอัดถูกว่าโนเนม

พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ 1 ใน 3 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคอนาคตใหม่ เห็นชอบ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯว่า ได้ชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการสอบสวนจริยธรรมของพรรคไปแล้ว คงต้องรอพรรคพิจารณาโทษ น้อมรับแต่โดยดี บางเรื่องรู้สึกไม่สบายใจที่มีบางคนในพรรคบอกว่า ส.ส.เขตหลายคนได้รับเลือกมาจากกระแสพรรค ยืนยันว่าอายุ 53 ปีก่อนหน้าเลือกตั้งทำงานการเมืองในพื้นที่มาตลอด มีสาเหตุอื่นๆที่เอื้อให้พรรคได้คะแนน เชื่อว่ามี ส.ส.ที่ทำงานการเมืองลักษณะเดียวกันมาก่อนเช่นกันไม่ใช่โนเนมมา พอฟังแบบนี้บางครั้งไม่สบายใจ ได้อธิบายความอึดอัดนี้ไปแล้ว ไม่มีปัญหาหากพรรคจะมีมติขับออก ที่ตัดสินใจทำไปมาจากความต้องการที่ชี้แจงก่อนโหวตไปแล้ว บางเรื่องที่เกิดขึ้นหรืออุดมการณ์บางอย่างทำให้ตนไม่สบายใจบ้าง จากนี้การตัดสินใจบางอย่างต้องหันมามองตัวเองให้มากขึ้น แต่แน่นอนที่สุดคือจะให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่เป็นอันดับแรก

ร้อง กกต.สอบ “พิเชษฐ” โอนเงินล้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย นายศรีสุวรรณระบุว่า พบหลักฐานสลิปการโอนเงินวันที่ 1 เม.ย.62 จำนวน 1 ล้านบาทผ่านระบบบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานใหม่ ดอนเมือง ไปยังบัญชีออมทรัพย์ของนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เป็นช่วงที่ 11 พรรคขนาดเล็กประชุมเพื่อพิจารณาจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ โดยได้รับหลักฐานการโอนเงินดังกล่าวจากนายชัยวุฑ ตรึกตรอง อดีตรองหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธรรมไทยที่มาขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ เห็นว่าผิดปกติ หากให้เพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งรัฐบาลจะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีโทษทั้งผู้ให้และผู้รับ ฝ่ายผู้รับอาจถึงขั้นต้องถูกยุบพรรค ถ้าให้เป็นการส่วนตัวต้องมีหลักฐานสัญญาการกู้ยืม กกต.ต้องตรวจสอบ แต่มีข้อน่าสงสัยว่าหลังการเลือกตั้งที่ทราบว่าพรรคไหนมี ส.ส.ในสังกัดเท่าใดแล้ว มีพรรคเล็กที่คาดว่าได้ ส.ส.รวม 11 พรรคการเมือง จากนั้นวันที่ 13 พ.ค.62 มีการประชุมของ 11 พรรคเล็กลงสัตยาบันว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ การโอนเงินเกิดขึ้นช่วงเวลาใกล้เหตุการณ์นี้

“พีระวิทย์” ขำๆยืมเงิน “เสี่ยหมา” ใช้บ่อย

นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กล่าวว่า นายพิเชษฐโอนเงิน 1 ล้านบาทให้จริง แต่เป็นเงินที่ตนขอยืมมาทำธุรกิจตลาดที่ จ.สระบุรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เพิ่งมาเปิด สนิทกับนายพิเชษฐมานานแล้ว เคยยืมเงินหลายครั้งตั้งแต่ 2 แสนถึงล้านบาทเศษ นายพิเชษฐโทรศัพท์มาคุยเมื่อวันที่ 30 ต.ค. บอกว่า มาจากปัญหาความขัดแย้งเก่าในพรรค มีคนเอาข้อมูลไปให้นายศรีสุวรรณกลับมาเล่นงานนายพิเชษฐ หลังโอนมาแล้ว 20 วันได้นำเงินสดไปคืนแล้ว มีไลน์พูดคุยการคืนเงินเป็นหลักฐานไม่กังวล แต่น่าขำขันมากกว่าที่มีการบอกว่าเป็นค่ามัดจำเข้าร่วมรัฐบาล ถ้าจะมัดจำหรือต่อรองคงไม่ใช่แค่ล้านเดียวหรอก ไม่เอาหรอกแค่ล้านเดียว

ลต.นครปฐมไม่กระทบปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อเวลา 13.20 น. สำนักงาน กกต.ออกเอกสารเผยแพร่กรณีปรากฏเป็นข่าวว่าต้องมีการคำนวณจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ หลังประกาศผลเลือกตั้งเขต 5 ส.ส.นครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 หรือไม่ว่าการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 5 จังหวัดนครปฐม เป็นการเลือกตั้งเนื่องจากมีการลาออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 94 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 131 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อภายหลังวันเลือกตั้ง ส.ส.อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ระบุว่าหากการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างลง ไม่ใช่เหตุจากการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ต้องคำนวณใหม่และการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างไม่ว่าด้วยเหตุใด หลังพ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันเลือกตั้งทั่วไปก็ไม่ต้องคำนวณ ส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมีใหม่ ด้วยข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุให้มีการคำนวณแบบบัญชีรายชื่อใหม่ และไม่มีผลกระทบกับการคำนวณ ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะพึงมีแต่อย่างใด

“บิ๊กตู่” ยกสตรีคอมมานเดอร์ในบ้าน

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานกล่าวปิดประชุมสุดยอดผู้นำสตรีนักบริหาร “การกำหนดทิศทางธุรกิจสตรีก้าวล้ำ สหัสวรรษ 4.0” ตามที่เครือข่ายผู้ประกอบการสตรีอาเซียนจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีนักบริหาร เครือข่ายผู้ประกอบการอาเซียน 2019 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีที่ได้เดินทางมาวันนี้ เห็นบ้านเมืองสงบสุข มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สถานการณ์บ้านเมืองถ้าทุกอย่างสงบเรียบร้อยก็เป็นเช่นนี้ สตรีทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่ต้องกังวลอะไร ท่านเป็นซีอีโอประจำบ้านอยู่แล้ว เป็นคอมมานเดอร์ในบ้าน ไทยกำหนดนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านยุทธศาสตร์พัฒนาสตรี พ.ศ.2560-2564 รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน สำหรับผู้ประกอบอาชีพ มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งผลให้ประเทศไทยมีสัดส่วนธุรกิจที่มีสตรีเป็นเจ้าของถึงร้อยละ 25.2 จัดอยู่ในอันดับ 25 ของโลก ขอเรียกร้องให้ฝ่ายชายส่งเสริม สนับสนุนบทบาทของสตรีให้มีความเสมอภาค ให้พลังสตรีมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

เลื่อนตัดสินคดี “ไวพจน์” ร่วมล้มซัมมิต

ที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.52 ที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายนพพร นามเชียงใต้ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสมญศฆ์ พรมภา นายนิสิต สินธุไพร นายสำเริง ประจำเรือ นายศักดา นพสิทธิ์ นายสิงห์ทอง บัวชุม นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อยหรือเกิดดี นายวรชัย เหมะ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวัลลภ ยังตรง และนายพิเชฐ สุขจินดาทอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 12 คน 4 ปี ไม่รอลงอาญา โดยวันนี้ พ.ต.ท.ไวพจน์ นายสำเริง และนายวรชัย มารายงาน และได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การจากปฏิเสธเป็นขอรับสารภาพ และยื่นคำร้องประกอบขอให้ศาลลงโทษเบา เพราะไม่ได้รับหมายศาลครั้งแรกเพื่อให้วินิจฉัยบทลงโทษใหม่ ศาลจังหวัดพัทยาจึงส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ต่อมานายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดพัทยาแจ้งว่า เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค.62 เวลา 10.00 น.