อภิสิทธิ์
เงียบ เดินหนี
ตามอาการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เจอนักข่าวจี้ถามกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 6 พฤษภาคม จะส่งผลให้นายกฯต้องเลื่อนวันยุบสภาออกไปหรือไม่
“อมพะนำ” ยังไงชอบกล
ในจังหวะที่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็พูดเป็นทำนองออกตัว ไม่กลัวเหตุการณ์แทรกซ้อนหากต้องทอดเวลาออกไป เพราะยังไงก็ต้องยุบสภาอยู่แล้ว
จับอารมณ์ก็ยังไม่ชัวร์ซักเท่าไหร่
ขณะที่ “ปู่ชัย” นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมาแพลมว่า นายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็มีเสียงปฏิเสธออกมาจากนายกฯอภิสิทธิ์ว่า ยังไม่ได้ทูลเกล้าฯเพื่อยุบสภา นายชัยคงเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ “อภิสิทธิ์” จะเดินหน้าตามโปรแกรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจด้วยว่า อำนาจสุดท้ายของการยุบสภาอยู่เกินมือของนายกฯอภิสิทธิ์ เพราะเมื่อเลยขั้นตอนของนายกรัฐมนตรีไปแล้วก็ต้องขึ้นกับเงื่อนไขปัจจัยที่อยู่เหนือฝ่ายการเมือง
รวมถึงเรื่อง “ห้วงเวลาพิเศษ”
ทั้งนี้ เมื่อ “นับถอยหลัง” สัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ก็เหลืออีก 2–3 วัน แต่ที่แน่ๆตัดออกไปได้ก็คือวันที่ 5 พฤษภาคม รัฐพิธีสำคัญวันฉัตรมงคล ไม่น่าเหมาะกับการดำเนินงานทางการเมือง ไฮไลต์จึงไปอยู่ตรงวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม ถ้าเลยจากนั้นไปก็ติดช่วงเสาร์–อาทิตย์ วันหยุดสุดสัปดาห์
ก็ต้องลุ้นว่า “อภิสิทธิ์” จะทำได้ตามที่ล็อกปฏิทินไว้หรือไม่
เหนืออื่นใด ตามสภาพการณ์ที่แปลกประหลาด ผิดธรรมชาติทางการเมือง ตามท้องเรื่องที่นายกฯอภิสิทธิ์ตีธงเดินหน้ายุบสภาชนิดเร่งวันเร่งคืน
สวนทางกับกระแสความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ดิ่งลงฮวบฮาบรายวัน
ขณะที่คู่ต่อสู้สำคัญอย่างพรรคเพื่อไทยก็ตีปี๊บโหมกระแส “แต้มต่อ” ล่าสุด “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำใหญ่เสื้อแดง นปช. แถลงตีกิน อ้างตัวเลขโพลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทำการสำรวจผลเลือกตั้งก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะวีดิโอลิงค์เปิดนโยบายพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 เมษายน พรรคเพื่อไทยได้อยู่ที่ 260 ที่นั่ง และหลังจากการวีดิโอลิงค์ได้สำรวจอีกครั้ง คะแนนพรรคเพื่อไทยไปถึง 280 ที่นั่ง
โดยจังหวะไม่ได้เอื้อความได้เปรียบให้กับยี่ห้อประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
ตามเหลี่ยมจึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ “อภิสิทธิ์” ต้องดิ้นออกจาก “มุมอับ” หนีภาวะ “จนแต้ม” ทางการเมือง
ตามสถานะ “หนังหน้าไฟ” ลากยาวต่อไปไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง
แต่อีกมุมหนึ่งก็อาจจะมั่นใจในสถานะ “ตัวยืน” ที่ถือ “ตั๋วพิเศษ” จองโควตาหวยล็อกกลับมาเบิ้ลเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกรอบ
ยังได้สิทธิขอ “ตัวช่วย” อยู่
เอาเป็นว่า ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เชิญหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคการเมืองร่วมลงนามในพันธสัญญาของพรรคการเมืองว่าด้วยความร่วมมือในการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2554 โดยเฉพาะ 1 ใน 5 ข้อสำคัญเลยก็คือ
มิบังควรนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง
ตามเงื่อนไข “ล็อกคอ” นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ได้ขอมติที่ประชุมร่วมตัวแทนพรรคการเมือง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ยกมือเห็นด้วยกับการให้นำประเด็นเรื่องสถาบัน ระบุไว้เป็นข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้ง
“ตั้งแท่น” ดักรอไว้แล้ว
ที่แน่ๆได้จ่อเสียวกว่าใคร พรรคเพื่อไทย ลูกข่ายของ “นายใหญ่” ที่มีกรณีโยงต่อเนื่องจากปมของนายจตุพร และทีมแกนนำคนเสื้อแดง โดน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ถ้าผลในชั้นศาลออกมาว่า “ผิดจริง” ก็ต้องลุ้นช็อตต่อไป
ค่ายเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ก็ยังเสี่ยงโดนยุบพรรค.
...
ทีมข่าวการเมือง รายงาน