นายกฯ แสดงความเสียใจครอบครัว “ป๋าแสง” หลังหมดสติขณะเสียสละแรงใจแรงกายช่วยน้ำท่วมอุบลฯ กระทั่งเสียชีวิตวานนี้ สั่งการเยียวยาเต็มที่

วันที่ 2 ต.ค. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเสียใจต่อครอบครัว นายมนตรี บู่คำ หรือ ป๋าแสง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จ.อุบลราชธานี ฮีโร่ผู้เสียสละช่วยผู้ประสบอุทกภัยจนกระทั่งหมดสติขณะปฏิบัติหน้าที่ และได้เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา

“นายมนตรี เป็นผู้เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงทรัพย์ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง เสียสละเพื่อส่วนรวม เป็นการกระทำความดีด้วยหัวใจ การจากไปของนายมนตรี ถือเป็นการสูญเสียคนดีของสังคม ทั้งนี้ ขอแสดงความอาลัยและเสียใจแก่ครอบครัวนายมนตรี ขณะเดียวกัน ขอให้เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานทุกคนดูแลสุขภาพตนเองด้วย”

ทั้งนี้ สำหรับการช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ได้สั่งการให้ส่วนราชการใน จ.อุบราชธานี ดูแลจัดงานศพให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งกำชับให้เยียวยาครอบครัวอย่างเต็มที่ตามสิทธิ์ที่พึงได้รับทุกประการ

ทั้งนี้ นายมนตรี เกิดอาการหมดสติและหัวใจหยุดเต้นบริเวณท่าน้ำตลาดใหญ่ ระหว่างการเตรียมเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2562 จากนั้นเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในช่วงสายวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา

...

ต่อมาในวันเดียวกันได้มีการย้ายร่างของ นายมนตรี มาที่ศาลาวัดแจ้ง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี และมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 18.00 น. โดย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และหัวหน้าส่วนราชการร่วมเคารพศพ นายมนตรี โดยจะมีการสวดอภิธรรมตามประเพณี และฌาปนกิจในวันที่ 6 ต.ค. นี้

สำหรับคุณความดีของ นายมนตรี บู่คำ หรือ ป๋าแสง อายุ 63 ปี เริ่มเข้าสูงวงการเมื่อปี 2541 ในนามของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมายใน จ.อุบลราชธานี เป็นบุคคลที่เสียสละทั้งกาย ใจ และทรัพย์ส่วนตัวในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ อีกทั้งยังเป็นวิทยากรในการอบรมกู้ภัย การใช้เรือยนต์ ท้องแบน เจ็ตสกี จนได้รับรางวัลเชิดชูทรงเกียรติตลอดมา ซึ่งการสูญเสียครั้งนี้ นายมนตรี ถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งฮีโร่ของชาวอุบลราชธานี ที่ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย

ทางด้าน น.ส.จุฑาทิพ บู่คำ อายุ 32 บุตรสาวของนายมนตรี เล่าว่า พ่อได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมาตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. 2562 จนถึงวันที่ 27 ก.ย. 2562 โดยไม่ได้มีการที่พักผ่อนเพียงพอตลอด 1 เดือน ด้วยความที่อายุมาก อีกทั้งโรคความดัน เบาหวาน ก็เริ่มจะมีเข้ามา ที่สำคัญอาการแน่นหน้าอกเริ่มแสดงออกมาตั้งปลายปี 2560 แต่ก็ได้ดูแลตัวเองมาโดยตลอด สุขภาพโดยรวมของพ่อเป็นคนแข็งแรง ไม่คิดว่าพ่อจะมาจากไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวรักและภูมิใจในตัวของพ่อและสิ่งที่พ่อรัก.