พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กร้าว ทหารไม่เจรจา ลั่น ใครคุกคามต้องเจอตอบโต้กองทัพพร้อมรบปกป้องอธิปไตยชาติ ไม่ให้ใครรุกล้ำ ชี้ มีแผนพร้อมรับสถานการณ์เป็นขั้นตอน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันที่เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ก่อนที่จะมีการบรรยายสรุปแผนการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถีให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกตามกำหนดการตามปกติ ทางศูนย์ปฏิบัติการทางทหารกองบัญชาการกองทัพไทยได้บรรยายสรุปสถานกาณ์สดผ่านทางวิดิโอระบบวีทีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเน็ตเวิร์ค เซ็นทริค วอร์แฟร์ ถึงสถานการณ์ความคืบหน้าเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาที่บริเวณชายแดน จ.บุรีรัมย์ ให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับทราบ

โดย ศปก.กองทัพไทย ได้มีการรายงานว่า เมื่อเวลา 06.25 น. ของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะตรงจุดลาดตระเวนร้อย 605 ทางทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย โดยเป็นการลาดตระเวนมาเจอกันระหว่างชุดลาดตระเวนของไทยกัมพูชา โดยทางกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงใส่ไทยก่อน โดยมีการปะทะกันจนถึงเวลา 07.20 น.โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้อาวุธปืน ค.120 ยิงเข้าใส่กันทั้ง 2 ฝ่าย

จนกระทั่งเวลา 07.45 น.เริ่มยิงปืนใหญ่เข้าใส่กันทั้ง 2 ฝ่าย จนการปะทะสงบลงในเวลา 08.05 น. ปรากฏว่า พบกระสุนปืนใหญ่ตกที่บ้านกาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยอพยพราษฏรไปที่บ้านพนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์ เบื้องต้นมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1นาย ส่วนที่ปราสาทตาเมือน จ.บุรีรัมย์ ยังคงมีการปะทะกันประปรายด้วยอาวุธปืนเล็ก

ด้าน พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวกับ ศปก.กองทัพไทย ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในแผนการปฏิบัติการป้องกันประเทศขั้นที่1 โดยมีทางกองกำลังสุรนารีรับผิดชอบป้องกันประเทศ ขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการทางทหารยังสามารถสั่งการควบคุมได้ถ้าหากมีการยกระดับ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ให้ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จากนั้น พล.อ.ทรงกิตติ ให้สัมภาษณ์ว่า กองทัพมีแผนป้องกันประเทศโดยใช้ 8 กองกำลังประกอบด้วย 7 กองกำลังจากทหารบก และอีก 1 กองกำลังจากทหารเรือ ซึ่งแต่ละกองกำลังมีแผนปฏิบัติการป้องกันประเทศอยู่แล้ว หาก ผบ.กองกำลัง ไม่สามารถไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพก็จะเข้าแก้ไขปัญหาในภาพรวม จากนั้นกองทัพบก และกองทัพเรือจะเข้าไปดำเนินการ

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการทางทหารจะเข้าควบคุมตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้สถานการตณ์อยู่ในขั้นที่1 ส่วนเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นต้องรอการตรวจสอบและรายงาน ทั้งนี้จะใช้แผนการปฏิบัติงานในภาพรวม ขณะนี้ทราบว่า 3 เหล่าทัพรับทราบเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว หากมีความจำเป็นจะต้องมีการเพิ่มย้ายกำลังเพิ่มเติม

ส่วนการอพยพประชาชนถือเป็นการปฏิบัติในการควบคุมความเสียหาย และการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง หากปฏิบัติตามการซักซ้อมจะไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเกมของกัมพูชาที่ต้องการให้ผู้สังเกตุการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามา พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ทหารทั้งสองประเทศมีการเผชิญหน้ากัน ซึ่งกองทัพไทยจะต้องรักษาอธิปไตยไม่เคยคิดอย่างอื่น จุดยืนกองทัพมีอันเดียวคือ ปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดน ไม่ให้ใครมาล่วงล้ำอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเจรจาและกองทัพไม่เจรจากับใคร เพราะเราถูกออกแบบให้มารบ ให้ปกป้องอธิปไตย หากมีการล่วงล้ำอธิปไตยหรือเกิดการปะทะกันจะต้องมีการเจรจา ถ้าเกิดเราถูกคุกคามจะต้องตอบโต้ หากใครจะเข้ามาต้องปลดอาวุธ หากยิงก็ต้องตอบโต้ และเราไม่ไปล่วงละเมิดอธิปไตยใคร เราให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้าน หากเขาใช้ปืนใหญ่มาเราก็ยิงตอบโต้ เรามีระเบียบตามขั้นตอน ขอให้มั่นใจและเชื่อมั่นในกองทัพ

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยตามน่านน้ำบริเวณชายแดนจ.จันทบุรี-ตราดว่า การปฏิบัติการดูแลพื้นที่มีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งเรามีเรือฟริเกตประจำการในพื้นที่เพื่อลาดตระเวน ซึ่งเรามีกำลังดูแลในพื้นที่ตลอดเวลา

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 06.30น. เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่แนวชายแดน ไทย - กัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ชุดลาดตระเวนของกองรัอยทหารพราน 2606 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ลาดตระเวนไปพบทหารกัมพูชากำลังขุดหลุมดัดแปลงที่มั่นทางทิศตะวันออกของปราสาทตาควาย ทหารไทยได้เจรจาให้ยุติการดำเนินการแต่ไม่เป็นผล และทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตไทย ทำให้กองกำลังสุรนารีทำการตอบโต้และเกิดการปะทะกันเป็นระยะๆ ตลอดแนวปราสาทตาควายจนถึงปราสาทตาเมือน

โดยระหว่างการปะทะมีการใช้อาวุธหนักและปืนใหญ่ ซึ่งทหารไทยได้ยิงตอบโต้ตามความเหมาะสมและพยายามจำกัดพื้นที่การปะทะไม่ให้ขยายวงกว้าง โดยระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพลเรือน จนกระทั่งเวลา 08.00 น. สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย การปะทะด้วยอาวุธหนักได้ยุติลง แต่ยังมีการปะทะกันด้วยอาวุธประจำกายเป็นระยะๆ โดยการปะทะได้สงบลง เมื่อเวลา 10.30 น.

ในเบื้องต้นจากการปะทะทำให้ทหารเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 7 นาย ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และ โรงพยาบาลพนมดงรัก

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเหตุการณ์กองกำลังสุรนารีได้ร่วมกับ จังหวัดทหารบกสุรินทร์ และส่วนราชการในพื้นที่ต่างๆ ร่วมกันอพยพประชาชน 7,500 คน ในพื้นที่ ต.บักได และ ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่ทางราชการได้เตรียมไว้ 2 แห่งคือ ที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ( โรงเรียนพนมดงรัก, โรงเรียนบ้านโคกกลาง, โรงเรียนบ้านโคกโบสถ์) และ ที่นิคมอุตสาหกรรมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งห่างจากแนวชายแดนประมาณ 30 กิโลเมตร

โดยมีเจ้าหน้าที่จากทาง จ.สุรินทร์ และกองกำลังสุรนารี อำนวยความสะดวก สำหรับในหมู่บ้านที่มีการอพยพราษฎรไทยออกไปนั้น จะมีทหารจากกองกำลังสุรนารี, ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เฝ้าระวังทรัพย์สินของประชาชน และรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามตลอดช่วงที่มีการปะทะได้มีการประสานและเจรจาระหว่างผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อยุติการปะทะและไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายกำลังในพื้นที่อื่นๆ ตามแนวชายแดน ป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน

โดยล่าสุดกองกำลังนารียังคงตรึงกำลังตลอดแนวที่มีการปะทะเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ใกล้เคียง

...