“ผู้กองธรรมนัส” ยัน ไม่เป็นความจริง คดีพัวพันยาเสพติดตามที่หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียเผยแพร่ เชื่อ มีกลุ่มคนในประเทศพยายามดิสเครดิต ลั่น เปิดหน้าชก อย่าเป็นอีแอบ ยันไม่ลาออกรัฐมนตรี

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่สื่อของประเทศออสเตรเลีย ตีพิมพ์รายงานพิเศษพาดพิงตัวเองพัวพันยาเสพติด และเคยถูกจับที่ประเทศออสเตรเลีย ว่า เรื่องนี้ผ่านมา 30 ปีที่แล้ว ซึ่งตัวเองได้ชี้แจงไปหมดแล้ว การนำข่าวมาเขียนใหม่แบบละเอียดต้องมีที่มาที่ไป ตัวเองก็รู้หมดแล้วและต้องการแก้ไขด้วยตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องรายละเอียดที่ได้ตกลงกับออสเตรเลียไว้ แต่ที่เอามาเขียนต้องมีที่มาที่ไป รู้ว่าโยงใยเกี่ยวกับอะไร และรู้เครือข่ายทั้งหมดมีทั้งคนภายในประเทศและต่างประเทศที่ทำเป็นกระบวนการ ตอนนี้ได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการทั้งแพ่งและอาญากับกลุ่มคนพวกนี้แล้ว เมื่อถามว่าในรายงานข่าวมีการอ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับสารภาพเพื่อลดหย่อนโทษนั้น เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยรับสารภาพเพราะไม่เคยกระทำความผิด

ส่วนกรณีที่ในข่าวนั้นมีการอ้างถึงบันทึกของศาลนั้น ร.อ.ธรรมนัส มองว่าเรื่องนี้มีการเขียนขึ้นภายในประเทศและส่งไปให้นักข่าวที่ต่างประเทศตีพิมพ์ โดยก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการติดต่อจากนักข่าวต่างประเทศอย่าง นายไมเคิล รัฟเฟิลส์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ หลายครั้งแล้ว ต้องไปดูว่า นายไมเคิล เป็นเครือข่ายอะไร และเชื่อว่าอาจจะเป็นกระบวนดิสเครดิต เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใหม่ ส่วนตัวเลยไม่ตื่นเต้นอะไรและขอไม่พูดอะไรมาก “ในเวลานี้ขอทำงานให้ประชาชนดีกว่า หากวนอยู่อย่างนี้ประเทศจะไม่เดินหน้า แต่ถ้าหากข้องใจก็เปิดหน้ามาชกเลยดีกว่าไม่ต้องเป็นอีแอบแบบนี้”

...

อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรพูดเพื่อให้คนอื่นเสียหาย และหากใครพูดเรื่องอดีตอีกก็จะไม่พูดต่อแล้ว และจะดำเนินคดีกับคนที่พูด ยืนยันจะไม่ลาออกจากรัฐมนตรีเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวในอดีต และตนเองเป็นลูกผู้ชาย อยู่ในโลกของความเป็นจริง สำหรับกระแสข่าวที่สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคเล็กที่ตัวเองได้เปรียบพรรคเล็กเป็นลิงกินกล้วย ว่า ต้องขอโทษที่ไปล้อเล่นมากเกินไป ส่วนตัวไม่มีเจนตนาที่จะเปรียบเทียบให้เป็นสัตว์อะไร ยอมรับผิดเพราะสนิทกันมาก และเป็นพี่น้องกัน จนลืมคิดไปว่าอาจจะทำให้ทุกคนเสียความรู้สึก ซึ่งได้โทรศัพท์ไปขอโทษแล้ว และทุกคนเข้าใจดีว่าตนเองไม่เจตนา.