“จุรินทร์” ยัน ประกันรายได้ราคาปาล์ม 4 บาท ครัวเรือนละ 25 ไร่ ผ่านบอร์ดปาล์มแห่งชาติแล้ว เตรียมนำเข้า ครม.อนุมัติต่อ เผย ถ้าไม่ทันวันพรุ่งนี้ ก็สัปดาห์หน้า ย้ำ รัฐโอนเงินตรงเข้าบัญชีเกษตรกร
วันที่ 19 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4 / 2562 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบในเรื่องของโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดยกำหนดหลักการให้ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท (น้ำมันที่ 18%) ครัวเรือนละ 25 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ประชุมให้ความเห็นชอบ
นอกจากนั้น มีมาตรการเสริมที่สำคัญต้องทำควบคู่กันไป เพื่อที่จะดึงราคาตามในตลาดให้สูงขึ้น มาตรการสำคัญ เช่น มีมติกำหนดให้มีการใช้ ไบโอดีเซล B10 ในภาคบังคับใช้กับรถยนต์ ให้สามารถปฏิบัติได้ภายในก่อนสิ้นปีนี้
ส่วนที่ 2 คือให้นำน้ำมันปาล์มไปทำเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามที่คณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ซึ่งได้เคยอนุมัติไปแล้วแต่ยังเหลือโควตาอยู่อีก 1.3 แสนตัน โดยให้ไปดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมนั้นเสีย
ส่วนที่ 3 คือในเรื่องของการควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม ได้มีมติว่า ถัดจากนี้ไปให้มีการติดตั้งมิเตอร์เพื่อวัดว่า มีสต๊อกน้ำมันปาล์มจำนวนเท่าใดทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริงและใช้ประกอบการตัดสินใจทางนโยบายได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเถียงกันเรื่องเกี่ยวกับสต๊อกมากหรือน้อย ปัญหานี้เคยเป็นข้ออ้างการไม่รับซื้อผลปาล์ม ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำ
...
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนทางฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานรัฐจะต้องให้ดำเนินการเด็ดขาดเกี่ยวกับผู้ที่ลักลอบนำน้ำมันปาล์มเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งกรณีการขออนุญาตนำน้ำมันปาล์มผ่านแดน โดยเวลาขาเข้าจำนวนหนึ่ง แต่เวลาขาออกไปต่างประเทศนั้น จำนวนลดน้อยลง หรือใช้อย่างอื่นทดแทน ซึ่งแปลว่า ปล่อยให้น้ำมันปาล์มหลงเหลืออยู่ในประเทศ ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มตกต่ำ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเคร่งครัด โดยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ได้ช่วยกำชับแล้ว
หลังจากวันนี้ โครงการประกันรายได้ราคาปาล์ม จะต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด ถ้าทันจะเข้าที่ประชุมครม.พรุ่งนี้ แต่ถ้าช้ากว่านั้นอาจจะนำเข้าสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณ จะต้องให้ทางฝ่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคำนวณมาอีกขั้นหนึ่งว่า เฉพาะส่วนต่างนั้น ขณะนี้ต้องใช้เท่าใด โดยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะได้มีการพูดกันเรื่องตัวเลข และจะได้นำเสนอตามกรอบวงเงินงบประมาณที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ โครงการนี้ เป็นการช่วยเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 300,000 ราย หากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว กระบวนการที่เหลือ คือ เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเข้าโครงการกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แล้วขั้นตอนนี้ ทางกรมฯ จะต้องมีการประสานกับ ธ.ก.ส. เพื่อที่จะตรวจสอบบัญชีเกษตรกร ซึ่งพอถึงเวลาที่จะต้องได้รับเงินส่วนต่าง ภาครัฐก็จะมีการโอนตรงให้กับเกษตรกรเลย